สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ อบรมออนไลน์รับเกียรติบัตร หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง) โดย สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ

อบรมออนไลน์รับเกียรติบัตร หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง) โดย สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ

หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง)

ครูยุคใหม่ เข้าใจการเงิน ก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางการเงินของนักการศึกษา

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูและบุคลากรทางการศึกษาไทยจำเป็นต้องมีความรอบรู้ด้านการเงินเพื่อให้สามารถจัดการชีวิตได้อย่างยั่งยืน โครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงินจึงถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบวิชาชีพครู การมีความรู้ด้านการเงินไม่เพียงแต่จะช่วยให้ครูสามารถบริหารจัดการเงินส่วนตัวได้ดีขึ้น แต่ยังสามารถถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้กับนักเรียนและชุมชนได้อีกด้วย

ความสำคัญของการรู้เท่าทันการเงินสำหรับครู

ครูไทยในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น การลงทุนในการพัฒนาตนเอง หรือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ การมีความรู้ด้านการเงินที่ถูกต้องจะช่วยให้ครูสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงจากการเป็นหนี้ และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ความรู้ด้านการเงินยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการสอนของครูอีกด้วย เมื่อครูมีความเข้าใจในเรื่องการเงินแล้ว จะสามารถบูรณาการเนื้อหาด้านการเงินเข้ากับวิชาที่สอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ที่หลากหลายและใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิต

องค์ประกอบหลักของโครงการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการเงิน

โครงการนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะครูในหลายมิติ ตั้งแต่ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน การวางแผนการเงินส่วนบุคคล ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ความรู้ในการสอน องค์ประกอบสำคัญของโครงการประกอบด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนการเงินส่วนบุคคล การศึกษาดูงาน และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

การอบรมเชิงปฏิบัติการจะครอบคลุมหัวข้อสำคัญต่างๆ เช่น หลักการบริหารเงิน การออม การลงทุน การจัดการหนี้ การประกันภัย และการวางแผนเกษียณ ครูจะได้เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง และได้ลงมือปฏิบัติจริงในการคำนวณและวางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินส่วนบุคคลสำหรับครู

หนึ่งในทักษะสำคัญที่ครูต้องเรียนรู้คือการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ซึ่งเริ่มต้นจากการรู้จักรายรับและรายจ่ายของตนเอง การจัดทำงบประมาณรายเดือนและรายปี และการกำหนดเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว ครูควรเรียนรู้หลักการ 50/30/20 ที่แบ่งรายได้เป็น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว และ 20% สำหรับการออมและการลงทุน

การสร้างกองทุนฉุกเฉินเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ครูต้องให้ความสำคัญ โดยควรมีเงินสำรองไว้ประมาณ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อใช้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การมีกองทุนฉุกเฉินจะช่วยลดความเครียดทางการเงินและป้องกันไม่ให้ต้องก่อหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

กลยุทธ์การออมและการลงทุนสำหรับครู

ครูต้องเข้าใจว่าการออมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในยุคปัจจุบัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้เงินออมมีกำลังซื้อลดลงเมื่อเวลาผ่านไป การลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เงินเติบโตตามอัตราเงินเฟ้อหรือสูงกว่า ครูสามารถเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง หรือพิจารณาลงทุนใน RMF และ SSF เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

การสร้างความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ ครูต้องรู้ว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมักมีความเสี่ยงสูงตาม และการกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงได้ การลงทุนแบบผ่อนส่ง หรือ Dollar Cost Averaging เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสำหรับครูที่มีรายได้ประจำ

การจัดการหนี้อย่างชาญฉลาด

หนี้เป็นปัญหาสำคัญที่หลายครูต้องเผชิญ การเรียนรู้วิธีการจัดการหนี้อย่างชาญฉลาดจึงเป็นทักษะที่จำเป็น ครูควรแยกแยะระหว่างหนี้ดีและหนี้ที่ไม่ดี หนี้ดีคือหนี้ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มหรือรายได้ในอนาคต เช่น หนี้บ้าน หนี้การศึกษา ส่วนหนี้ที่ไม่ดีคือหนี้ที่เกิดจากการบริโภคหรือใช้ชีวิตเกินตัว เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินค้าฟุ่มเฟือย

การใช้วิธี Debt Snowball หรือ Debt Avalanche ช่วยให้การจ่ายหนี้เป็นระบบมากขึ้น วิธี Debt Snowball คือการจ่ายหนี้ที่มียอดน้อยที่สุดก่อน เพื่อสร้างแรงจูงใจ ส่วนวิธี Debt Avalanche คือการจ่ายหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพื่อลดต้นทุนรวม ครูควรเลือกวิธีที่เหมาะกับสถานการณ์และบุคลิกของตนเอง

การประกันภัยและการป้องกันความเสี่ยง

การประกันภัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ครูควรมีประกันภัยพื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันทรัพย์สิน การเลือกประกันภัยต้องพิจารณาความคุ้มครอง เบี้ยประกัน และเงื่อนไขต่างๆ ให้ครอบคลุมความต้องการและความสามารถในการจ่าย

ประกันชีวิตควรมีจำนวนเงินเอาประกันประมาณ 5-10 เท่าของรายได้ปี เพื่อให้เพียงพอกับครอบครัวในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด ประกันสุขภาพควรครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงโรคร้ายแรง ส่วนประกันทรัพย์สินควรครอบคลุมบ้านและรถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินหลักของครอบครัว

การวางแผนเกษียณอายุสำหรับครู

การวางแผนเกษียณอายุเป็นเรื่องที่ครูต้องเริ่มคิดตั้งแต่เริ่มทำงาน เนื่องจากเงินเดือนบำนาญของข้าราชการครูอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในอนาคต เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น ครูควรสร้างแหล่งรายได้หลังเกษียณด้วยตนเอง ผ่านการออมและการลงทุนที่สม่ำเสมอ

การใช้ประโยชน์จาก RMF, LTF, และ SSF เป็นวิธีการออมเพื่อการเกษียณที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ครูควรศึกษาข้อมูลและเลือกกองทุนที่เหมาะกับอายุและความต้องการ หลักการทั่วไปคือ ยิ่งอายุน้อยควรลงทุนในกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นมาก และเมื่ออายุมากขึ้นควรลดสัดส่วนหุ้นและเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้

การสอนการรู้เท่าทันการเงินในโรงเรียน

ครูที่มีความรู้ด้านการเงินสามารถบูรณาการความรู้เหล่านี้เข้ากับการสอนได้หลายวิธี ในวิชาคณิตศาสตร์สามารถใช้ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ย การออม การลงทุน ในวิชาสังคมศึกษาสามารถสอนเรื่องระบบเศรษฐกิจ การทำงาน การประกอบอาชีพ ในวิชาภาษาไทยสามารถให้นักเรียนอ่านและเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการเงิน

การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรด้านการเงินก็เป็นวิธีที่ดี เช่น การจัดตลาดนัดในโรงเรียน การจำลองการลงทุน การประกวดโครงงานด้านการเงิน การเชิญผู้เชี่ยวชาญมาบรรยาย หรือการศึกษาดูงานสถาบันการเงิน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานและจดจำได้ดี

เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันด้านการเงิน

ในยุคดิจิทัล ครูควรรู้จักเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันที่ช่วยในการบริหารจัดการเงิน เช่น แอปบันทึกรายรับ-รายจ่าย แอปลงทุน แอปเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์การเงิน การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้การบริหารเงินเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น

การธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ตและมือถือก็เป็นอีกเรื่องที่ครูควรเรียนรู้ เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วย การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง การไม่ใช้งานผ่านไวไฟสาธารณะ และการตรวจสอบยอดเงินเป็นประจำ

การสร้างรายได้เสริมสำหรับครู

ครูสามารถใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างรายได้เสริมได้หลายวิธี เช่น การสอนพิเศษ การเขียนหนังสือ การทำคอร์สออนไลน์ การขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือการใช้ทักษะในการสร้างเนื้อหาดิจิทัล การมีรายได้หลากหลายช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการออมและลงทุน

การพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่สามารถนำมาสร้างรายได้ได้ เช่น ทักษะด้านเทคโนโลยี การเขียนเนื้อหา การแปล การออกแบบ เป็นการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่า ครูควรใช้เวลาว่างในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้

จิตวิทยาการเงินและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

การบริหารเงินไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาและพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ครูต้องเข้าใจพฤติกรรมทางการเงินของตนเอง ว่าเป็นคนประหยัดหรือใช้จ่ายเก่ง มีแรงจูงใจในการออมอย่างไร และมีความกลัวอะไรเกี่ยวกับการลงทุน

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินต้องทำทีละนิด เริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ สร้างนิสัยที่ดี และให้รางวัลกับตนเองเมื่อบรรลุเป้าหมาย การมีคู่คิดหรือกลุ่มเพื่อนที่มีเป้าหมายเดียวกันจะช่วยสร้างแรงจูงใจและการรับผิดชอบต่อตนเอง

การประเมินผลและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โครงการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการเงินต้องมีการประเมินผลและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การติดตามความก้าวหน้าของครูในด้านการบริหารเงินส่วนบุคคล การประยุกต์ใช้ความรู้ในการสอน และผลกระทบต่อนักเรียนและชุมชน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โครงการมีประสิทธิภาพ

การจัดทำพอร์ตโฟลิโอการเงินส่วนบุคคลและการนำเสนอกรณีศึกษาความสำเร็จเป็นวิธีการประเมินที่ดี ครูจะได้เห็นความก้าวหน้าของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อนครูคนอื่นได้

ความท้าทายและการแก้ไขปัญหา

การดำเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการเงินอาจเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ความแตกต่างในระดับความรู้พื้นฐาน เวลาที่จำกัด งบประมาณ หรือการขาดแรงจูงใจจากครูบางส่วน การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย

การจัดกลุ่มครูตามระดับความรู้ การใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และการสร้างแรงจูงใจผ่านระบบรางวัลหรือการยกย่องเชิดชู เป็นวิธีการที่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ การมีผู้นำความเปลี่ยนแปลง หรือ Change Agent ในแต่ละโรงเรียนก็เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ

บทบาทของสถาบันการศึกษาและองค์กรที่เกี่ยวข้อง

สถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สถาบันการเงิน และองค์กรเอกชนต่างๆ ควรร่วมมือกันในการจัดทำหลักสูตร จัดหาวิทยากร และสนับสนุนทรัพยากร

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการจัดประชุมสัมมนาเป็นประจำ จะช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ การมีระบบพี่เลี้ยงหรือ Mentor ที่เป็นครูที่มีประสบการณ์ด้านการเงินจะช่วยให้ครูใหม่เรียนรู้ได้เร็วขึ้น

คำชี้แจง หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง)

หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง)

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาได้ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการโดยดำเนินการพัฒนาครูบรรจุใหม่ และครูทุกกลุ่มให้มีความรู้และมีวินัยในการบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ในปีงบประมาณพ.ศ. 246๖ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิสุภาวงศ์เสนาเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้ ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ และ Life Coach โค้ชจิมมี่ พจนารถ ซีบังเกิด โค้ชนัตตี้ ณัฐชาต นันทเทิม พัฒนาหลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” เพื่อพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้มีความเข้าใจ และมีทักษะการวางแผนการบริหารจัดการการเงิน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ รายละเอียดของหลักสูตร ประกอบด้วย 9 หน่วยการเรียนรู้ รวมระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ Happy Life Happy Teacher ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ตั้งต้นคิด กำหนดชีวิตใหม่ ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ การเงินพอเพียง ระยะเวลา ๓ ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เป็นหนี้อย่างเป็นสุข ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ รู้ทันดิจิทัลและภัยทางการเงิน ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ ทวีค่าเงินเกษียณกับ กบข. ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ ครบเครื่องเรื่องการออมและลงทุน ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ เห็นศักยภาพตน ค้นศักยภาพสร้างเงิน ระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๙ ความรุนแรงทางแพ่ง ระยะเวลา ๔๕ นาที
สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ขอขอบคุณบุคคลและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคณะทำงานจัดทำหลักสูตรที่ได้ร่วมกันระดมความรู้ ความคิด และประสบการณ์ที่เป็น
ประโยชน์ในการจัดทำหลักสูตร และหวังว่าหลักสูตรนี้จะสามารถเสริม เติมเต็มความรู้ กระตุ้น เตือน และสร้าง
แรงบันดาลใจให้ครูและบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการได้มีความรู้ มีความเข้าใจ และมีทักษะการวาง
แผนการบริหารจัดการการเงินในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม อันส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่าง
มีคุณภาพต่อไป
นายปราโมทย์ ด้วงอิ่ม
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา

ดาวน์โหลดคู่มือการอบรม

หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง)

ตัวอย่างเกียรติบัตร

หลักสูตร “ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน” ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ (จำนวน 12 ชั่วโมง)

ลิงก์สำหรับลงทะเบียนเข้าอบรม

ขอบคุณแหล่งที่มา : ครูไทยยุคใหม่ เข้าใจการเงิน 2023

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด