สวัสดีคุณครูทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบออนไลน์รับเกียรติบัตร แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม
ขอแนะนำทำแบบทดสอบออนไลน์รับเกียรติบัตร แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม
ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 2
ทดสอบความโปร่งใสในใจคุณ คุณเข้าใจเรื่อง ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ ดีแค่ไหน? (พร้อมเฉลยและคำอธิบายแบบเจาะลึก)
ในสังคมที่เราทุกคนต่างมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการ นักการเมือง หรือแม้แต่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ การตัดสินใจในแต่ละวันของเราล้วนส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อส่วนรวม แต่เคยสงสัยไหมว่า บางครั้งการตัดสินใจที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจกำลังนำเราไปสู่เส้นบางๆ ที่เรียกว่า “การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” อยู่หรือเปล่า ปัญหานี้ไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในแวดวงของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเท่านั้น แต่มันสามารถเกิดขึ้นได้กับเราทุกคนในทุกระดับของสังคม ความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนในเรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้เราปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสุจริต โปร่งใส และสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในองค์กรและสังคมโดยรวม บทความนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาทำความเข้าใจแก่นแท้ของผลประโยชน์ทับซ้อนผ่านสถานการณ์ต่างๆ และลองทำแบบทดสอบเพื่อวัดระดับความรู้ความเข้าใจของคุณเอง การตระหนักรู้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่โปร่งใสอย่างยั่งยืน
ก่อนที่เราจะไปทำแบบทดสอบ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “การขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรือ Conflict of Interest (COI) นั้นคืออะไรกันแน่ หากจะอธิบายให้ง่ายที่สุด มันคือสถานการณ์ที่ผลประโยชน์ส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางการเงิน ผลประโยชน์ในครอบครัว หรือความสัมพันธ์ส่วนตัวอื่นๆ มามีอิทธิพลหรืออาจจะดูเหมือนว่ามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่รับผิดชอบ ซึ่งหน้าที่นั้นๆ ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมหรือองค์กรเป็นที่ตั้ง สิ่งสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็คือ “ไม่จำเป็นต้องเกิดความเสียหายขึ้นจริง” เพียงแค่มี “สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง” หรือ “ภาพลักษณ์ที่อาจทำให้คนอื่นเข้าใจได้ว่า” การตัดสินใจนั้นไม่เป็นกลาง ก็ถือว่าเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์แล้ว เพราะมันบั่นทอนความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อนที่พบเห็นได้บ่อยครั้งมีหลากหลายมิติ เช่น การรับของขวัญหรือสินน้ำใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การใช้ข้อมูลภายในที่ตนล่วงรู้จากตำแหน่งหน้าที่ไปหาประโยชน์ส่วนตน การใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานเพื่องานส่วนตัว การเอื้อประโยชน์ให้แก่เครือญาติหรือพรรคพวก (ระบบอุปถัมภ์) หรือแม้กระทั่งการไปทำงานในบริษัทเอกชนที่เคยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตนหลังจากเกษียณอายุหรือลาออกทันที ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรากฐานที่อาจนำไปสู่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ใหญ่ขึ้นได้ในอนาคต
การแยกแยะระหว่าง “สินน้ำใจตามธรรมเนียม” กับ “สินบน” หรือการแยกแยะระหว่าง “การช่วยเหลือเพื่อนฝูง” กับ “การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ” จึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง การตระหนักรู้และมีจิตสำนึกที่ถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถนำทางตัวเองผ่านสถานการณ์ที่ล่อแหลมเหล่านี้ไปได้อย่างสง่างามและรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณที่ดีในการทำงาน เอาล่ะครับ ตอนนี้คุณคงพร้อมแล้วที่จะทดสอบความเข้าใจของตนเอง ลองตอบคำถามทั้ง 10 ข้อนี้ตามความเข้าใจของคุณมากที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องผิดถูก เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือการเรียนรู้จากคำอธิบายในตอนท้าย
แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
1. คุณครูสมศรีเป็นครูประจำชั้น ป.6 ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เธอเปิดสอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์ที่บ้าน โดยมีนักเรียนในชั้นเรียนของเธอเองหลายคนมาสมัครเรียนเป็นพิเศษ การกระทำของคุณครูสมศรีถือว่าเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่?
ก. ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นการใช้เวลานอกราชการ และนักเรียนก็สมัครใจมาเรียนเอง
ข. ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นสิทธิ์ของคุณครูที่จะหารายได้เสริมอย่างสุจริต
ค. เข้าข่าย เพราะอาจเกิดอิทธิพลต่อการให้คะแนนหรือการปฏิบัติต่อนักเรียนในชั้นเรียนที่ไม่เท่าเทียมกัน
ง. เข้าข่าย ก็ต่อเมื่อคุณครูบังคับให้นักเรียนในชั้นมาเรียนพิเศษกับตนเองเท่านั้น
2. นายสมชายเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง บริษัท A ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาได้เข้ามายื่นซองประกวดราคาเพื่อรับงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ นายสมชายควรทำอย่างไร?
ก. ช่วยเหลือเพื่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้ชนะการประมูล เพราะมั่นใจในคุณภาพของบริษัทเพื่อน
ข. ทำหน้าที่ตามปกติ แต่ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพราะตนเองมั่นใจว่าจะตัดสินใจได้อย่างเป็นกลาง
ค. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว และถอนตัวออกจากกระบวนการพิจารณาคัดเลือกในครั้งนี้
ง. บอกข้อมูลวงในเกี่ยวกับราคาของคู่แข่งรายอื่นให้เพื่อนทราบ เพื่อให้เพื่อนยื่นข้อเสนอที่ดีกว่า
3. นางสาวมานีทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอได้รับมอบหมายให้จัดทำรายงานสำคัญเพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้บริหารในวันรุ่งขึ้น แต่เครื่องพิมพ์ที่บ้านเสีย เธอจึงนำเอกสารของบริษัทกลับไปพิมพ์ที่บ้านโดยใช้เครื่องพิมพ์และกระดาษของออฟฟิศในช่วงเย็น การกระทำของมานีถือเป็นอย่างไร?
ก. ไม่เป็นไร เพราะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของบริษัท และเป็นการใช้เพียงเล็กน้อย
ข. อาจเข้าข่ายการใช้ทรัพย์สินขององค์กรเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยอมรับได้
ค. เข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน เพราะเป็นการนำทรัพยากรของส่วนรวมไปใช้ส่วนตัว
ง. เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์โดยตรง ควรพิจารณาจากเจตนาและนโยบายบริษัท
4. เทศบาลแห่งหนึ่งกำลังจะตัดถนนเส้นใหม่ผ่านที่ดินหลายแปลง นายกเทศมนตรีทราบข้อมูลวงในนี้ก่อนใครเพื่อน เขาจึงรีบไปบอกให้น้องชายไปกว้านซื้อที่ดินในบริเวณดังกล่าวเพื่อเก็งกำไร การกระทำของนายกเทศมนตรีผิดหลักธรรมาภิบาลในเรื่องใดมากที่สุด?
ก. การรับของขวัญ
ข. การใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น
ค. ระบบอุปถัมภ์
ง. การมีธุรกิจทับซ้อน
5. ผู้จัดการฝ่ายการตลาดได้รับเชิญจากบริษัทโฆษณา (Agency) ที่ดูแลแคมเปญให้ ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำสุดหรูพร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับเพื่อ “กระชับความสัมพันธ์” ในช่วงที่กำลังจะมีการต่อสัญญาว่าจ้างกันพอดี ผู้จัดการควรทำอย่างไร?
ก. ตอบรับคำเชิญ เพราะถือเป็นเรื่องปกติในวงการธุรกิจที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดี
ข. ตอบรับ แต่จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าอาหารเอง เพื่อแสดงความโปร่งใส
ค. ปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพ โดยอธิบายว่าเป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
ง. ตอบรับคำเชิญ และถือโอกาสนี้เจรจาต่อรองสัญญาเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดกับบริษัท
6. หัวหน้าแผนกบุคคลกำลังสัมภาษณ์งานในตำแหน่งสำคัญ มีผู้สมัคร 2 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย คนหนึ่งคือหลานของตนเองซึ่งมีคุณสมบัติพอใช้ได้ และอีกคนเป็นคนนอกแต่มีประสบการณ์และคุณสมบัติดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด การเลือกจ้างหลานของตนเอง ถือเป็นการกระทำที่เรียกว่าอะไร?
ก. การบริหารงานแบบครอบครัว
ข. การให้โอกาสคนรุ่นใหม่
ค. ระบบอุปถัมภ์ (Nepotism)
ง. การสร้างทีมเวิร์คที่ไว้ใจได้
7. แพทย์ในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ได้รับการสนับสนุนค่าเดินทางและที่พักจากบริษัทยาแห่งหนึ่งเพื่อไปร่วมประชุมวิชาการในต่างประเทศ หลังจากกลับมา แพทย์ท่านนั้นมักจะสั่งยาของบริษัทดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วยเป็นพิเศษ การกระทำนี้สุ่มเสี่ยงต่อปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่?
ก. ไม่สุ่มเสี่ยง เพราะการไปประชุมวิชาการทำให้แพทย์มีความรู้มากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย
ข. ไม่สุ่มเสี่ยง ตราบใดที่ยาของบริษัทนั้นมีคุณภาพดีและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
ค. สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะการรับการสนับสนุนอาจมีอิทธิพลต่อความเป็นอิสระในการสั่งยาที่ดีที่สุดให้ผู้ป่วย
ง. เป็นเรื่องปกติที่บริษัทยาจะสนับสนุนการศึกษาของแพทย์ ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน
8. เจ้าหน้าที่ IT ขององค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลเงินเดือนของพนักงานทุกคนได้ วันหนึ่งเขาเกิดความสงสัยจึงแอบเปิดดูข้อมูลเงินเดือนของเพื่อนร่วมงานที่เขาสนิทด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่า?
ก. ไม่ผิด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อยู่แล้ว
ข. ผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการใช้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลเกินกว่าขอบเขตหน้าที่ที่จำเป็น
ค. เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนขององค์กร
ง. สามารถทำได้ หากทำไปด้วยความอยากรู้และไม่นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ
9. นักข่าวสายเศรษฐกิจได้รับ “ของขวัญปีใหม่” เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้เขียนบทความวิเคราะห์ในเชิงบวกอย่างมากเกี่ยวกับโครงการใหม่ของบริษัทดังกล่าว สถานการณ์นี้มีปัญหาหรือไม่?
ก. ไม่มีปัญหา เพราะนักข่าวมีอิสระในการเขียน และของขวัญก็เป็นเพียงสินน้ำใจ
ข. ไม่มีปัญหา หากบทวิเคราะห์นั้นเขียนขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นจริง
ค. มีปัญหาอย่างชัดเจน เพราะการรับของขวัญมูลค่าสูงอาจกระทบต่อความเป็นกลางในการนำเสนอข่าว
ง. เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในวงการสื่อสารมวลชน เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งข่าว
10. ข้าราชการระดับสูงผู้เชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบการประมูลโครงการพลังงาน หลังจากลาออกจากราชการได้เพียง 1 เดือน เขาได้เข้าไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาของบริษัทพลังงานเอกชนยักษ์ใหญ่ที่เคยชนะการประมูลโครงการของรัฐบ่อยครั้ง การกระทำนี้เรียกว่าอะไร และเหมาะสมหรือไม่?
ก. เรียกว่า “การใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์” เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล
ข. เรียกว่า “การหมุนเวียนบุคลากร” (Revolving Door) และเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างยิ่ง
ค. เป็นเรื่องปกติ คนมีความสามารถย่อมเป็นที่ต้องการของตลาด
ง. ไม่เหมาะสมเฉพาะกรณีที่เขานำความลับของทางราชการไปเปิดเผยเท่านั้น
เฉลยและคำอธิบายอย่างละเอียด
เอาล่ะครับ หลังจากลองตอบคำถามกันไปแล้ว เรามาดูเฉลยและคำอธิบายในแต่ละข้อกันดีกว่าว่า ความเข้าใจของคุณตรงกับหลักการสากลว่าด้วยการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนมากน้อยเพียงใด
1. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: แม้ว่าการสอนพิเศษจะเป็นสิทธิ์และกระทำนอกเวลาราชการ แต่การที่ผู้เรียนเป็นนักเรียนในความดูแลของตนเองโดยตรง สร้างสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการเกิดความลำเอียง ผู้ปกครองและนักเรียนคนอื่นอาจตั้งคำถามถึงความเป็นกลางในการให้คะแนน การให้ความสนใจ หรือแม้กระทั่งการบอกใบ้ข้อสอบได้ สิ่งนี้ทำลายความไว้วางใจในระบบการศึกษา ทางออกที่ดีคือคุณครูควรหลีกเลี่ยงการสอนพิเศษนักเรียนในชั้นเรียนของตนเองโดยตรง
2. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: นี่คือตัวอย่างคลาสสิกของความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เกิดจากความสัมพันธ์ส่วนตัว การกระทำที่โปร่งใสและถูกต้องที่สุดคือการเปิดเผยความสัมพันธ์ให้ผู้มีอำนาจรับทราบ (Declaration of Interest) และถอนตัวออกจากกระบวนการตัดสินใจ (Recusal) เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างยุติธรรมและปราศจากข้อครหา การนิ่งเฉย (ข้อ ข) หรือการช่วยเหลือ (ข้อ ก และ ง) ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3. คำตอบที่ถูกต้องคือ ง.
คำอธิบาย: ข้อนี้มีความละเอียดอ่อน การใช้ทรัพยากรของบริษัท เช่น กระดาษไม่กี่แผ่นเพื่อพิมพ์งานของบริษัทเอง อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หลักการสำคัญคือ “การใช้ทรัพย์สินส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน” แม้ประโยชน์นั้นจะกลับมาสู่บริษัทก็ตาม การกระทำนี้จึง “ไม่เหมาะสม” และอาจขัดต่อนโยบายของบริษัทได้ อย่างไรก็ตาม หากจะพิจารณาว่าเป็น Conflict of Interest โดยตรงอาจยังไม่ชัดเจนเท่าข้ออื่นๆ แต่เป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงและควรขออนุญาตก่อนเสมอ ทางที่ดีที่สุดคือการหาทางแก้ไขปัญหาเครื่องพิมพ์ของตนเอง หรือแจ้งปัญหาให้หัวหน้างานทราบ
4. คำตอบที่ถูกต้องคือ ข.
คำอธิบาย: หัวใจของปัญหานี้คือ “การใช้ข้อมูลภายใน” (Inside Information) ที่ตนเองได้ล่วงรู้มาในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือผู้อื่น (ในที่นี้คือน้องชาย) ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดทั้งทางจริยธรรมและอาจผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เป็นการเอาเปรียบประชาชนและทำลายความเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของภาครัฐ
5. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: การรับของกำนัลหรือการเลี้ยงดูที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีการตัดสินใจเรื่องสำคัญทางธุรกิจ (เช่น การต่อสัญญา) เป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างยิ่ง แม้ผู้จัดการจะมั่นใจว่าตนเองแยกแยะได้ แต่ภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อบุคคลภายนอกอาจทำให้เกิดความเข้าใจได้ว่าการตัดสินใจต่อสัญญาอาจมีเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนเข้ามาเกี่ยวข้อง การปฏิเสธอย่างสุภาพและชี้แจงเหตุผล คือวิธีปฏิบัติที่เป็นมืออาชีพและโปร่งใสที่สุด
6. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: “ระบบอุปถัมภ์” หรือ Nepotism คือการเอื้อประโยชน์ให้แก่เครือญาติหรือพรรคพวกในการจ้างงานหรือให้ตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถเป็นหลัก การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้องค์กรเสียโอกาสในการได้บุคลากรที่ดีที่สุด แต่ยังทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงานคนอื่นๆ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เป็นธรรม
7. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: แม้การสนับสนุนการศึกษาของแพทย์จะเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อการสนับสนุนนั้นมาจากบริษัทผู้ผลิตยาโดยตรง ย่อมเกิด “ภาระผูกพันทางใจ” หรือ “ความรู้สึกเกรงใจ” ซึ่งอาจส่งผล (โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว) ต่อการตัดสินใจสั่งยาของแพทย์ได้ ทำให้การตัดสินใจนั้นอาจไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยเรื่องผู้สนับสนุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถือเป็นสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
8. คำตอบที่ถูกต้องคือ ข.
คำอธิบาย: นี่คือตัวอย่างของการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต แม้จะมีสิทธิ์ทางเทคนิคในการเข้าถึงข้อมูล แต่สิทธิ์นั้นมีไว้เพื่อการปฏิบัติงานที่จำเป็นเท่านั้น (เช่น การแก้ไขปัญหาระบบเงินเดือน) การเปิดดูข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นด้วยความอยากรู้ ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและผิดจรรยาบรรณของผู้ดูแลระบบอย่างชัดเจน
9. คำตอบที่ถูกต้องคือ ค.
คำอธิบาย: ความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือคือหัวใจของอาชีพสื่อสารมวลชน การรับของขวัญที่มีมูลค่าสูงจากแหล่งข่าว ทำให้เกิดข้อกังขาต่อความเป็นอิสระในการทำงานได้ทันที ไม่ว่านักข่าวคนนั้นจะเขียนข่าวตามจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ภาพลักษณ์ที่ออกมาคือ “ได้รับผลประโยชน์แล้วจึงเขียนเชียร์” ซึ่งทำลายความน่าเชื่อถือของทั้งตัวนักข่าวและสำนักข่าวต้นสังกัด
10. คำตอบที่ถูกต้องคือ ข.
คำอธิบาย: สถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐที่เคยกำกับดูแลอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ลาออกมาทำงานให้กับบริษัทเอกชนในอุตสาหกรรมนั้นทันที เรียกว่า “ปรากฏการณ์ประตูหมุน” (Revolving Door) ซึ่งเป็นที่จับตามองทั่วโลก เพราะมีความสุ่มเสี่ยงสูงที่บุคคลนั้นจะนำความรู้ ความลับ หรือสายสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นขณะอยู่ในตำแหน่งราชการ มาเอื้อประโยชน์ให้กับนายจ้างใหม่ หรืออาจมีการวางแผนช่วยเหลือบริษัทเอกชนนั้นๆ ตั้งแต่ตอนที่ยังรับราชการอยู่เพื่อปูทางให้กับตำแหน่งของตนเองในอนาคต หลายประเทศจึงมีกฎหมายกำหนดระยะเวลา “พัก” (Cooling-off Period) ที่ห้ามไม่ให้ข้าราชการระดับสูงไปทำงานในบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นเวลาหนึ่งหลังพ้นจากตำแหน่ง
ประเมินผลและแนวทางปฏิบัติ
ลองนับคะแนนของคุณดูนะครับว่าถูกต้องกี่ข้อ
8-10 คะแนน: ยอดเยี่ยมมาก! คุณมีความรู้ความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในระดับที่ลึกซึ้งและสามารถแยกแยะสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี คุณคือหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะช่วยสร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสให้เกิดขึ้นในองค์กรและสังคมได้
5-7 คะแนน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คุณมีความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง แต่ยังมีบางสถานการณ์ที่อาจสับสนหรือไม่แน่ใจ ลองทบทวนคำอธิบายในข้อที่ตอบผิดอีกครั้ง จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมและตัดสินใจในสถานการณ์จริงได้เฉียบคมยิ่งขึ้น
0-4 คะแนน: ไม่เป็นไรเลยครับ การที่คุณสละเวลามาทำแบบทดสอบนี้ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญแล้ว แสดงว่าคุณเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ หลายสถานการณ์นั้นมีความซับซ้อนและอาจไม่เคยพบเจอมาก่อน การเรียนรู้จากเฉลยและคำอธิบายอย่างละเอียด จะเป็นพื้นฐานที่ดีเยี่ยมให้คุณพัฒนาความเข้าใจและสร้าง “เรดาร์” ตรวจจับความเสี่ยงด้านผลประโยชน์ทับซ้อนให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในอนาคต
รายละเอียดทำแบบทดสอบออนไลน์รับเกียรติบัตร แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม


คำชี้แจง
แบบทดสอบวัดความรู้ จำนวน 25 ข้อ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 เพื่อรับมอบเกียรติบัตรออนไลน์ จาก สพป.พิจิตร เขต 2 ด้วยระบบอัตโนมัติ
*** กรุณากรอกอีเมลให้ถูกต้อง ไม่มีเว้นวรรค ไม่ใช่ตัวพิมพ์ใหญ่ และต้องไม่ใช่ hotmail ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้รับเกียรติบัตร
*** แหล่งเรียนรู้ : https://drive.google.com/file/d/18dUN-SaaL2LeakWZMYJZpNGYt8i0Qucr/view?usp=sharing
*** เล่ม E-book : http://online.anyflip.com/zptkp/vdol/mobile/index.html
ตัวอย่างเกียรติบัตร

ช่องทางเข้าทำแบบทดสอบ
ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 2