อบรมออนไลน์รับเกียรติบัตร แบบทดสอบความรู้ออนไลน์ เรื่อง “วันพืชมงคล” พิธีแรกนาขวัญ
สวัสดีคุณครูทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ อบรมออนไลน์รับเกียรติบัตร แบบทดสอบความรู้ออนไลน์ เรื่อง “วันพืชมงคล” พิธี แรกนาขวัญ พร้อมรับเกียรติบัตรออนไลน์ เมื่อได้คะแนนร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป (กรุณากรอก E-mail ให้ถูกต้อง)
วันพืชมงคล พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มรดกแห่งขวัญและกำลังใจสู่ผืนแผ่นดินไทย
แผ่นดินไทยคือแผ่นดินแห่งเกษตรกรรมที่ซึ่งหยาดเหงื่อและแรงกายของเกษตรกรได้หล่อเลี้ยงผู้คนมาทุกยุคทุกสมัย ในทุกๆ ปี เมื่อสายฝนเริ่มโปรยปรายเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ จะมีวันสำคัญวันหนึ่งที่เป็นดั่งมิ่งขวัญและสิริมงคลของเหล่าเกษตรกรทั่วทั้งประเทศ นั่นคือ “วันพืชมงคล” วันที่พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ เพื่อเป็นปฐมฤกษ์แห่งการทำนา บำรุงขวัญเกษตรกร และพยากรณ์ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารในปีนั้นๆ พระราชพิธีนี้ไม่ได้เป็นเพียงประเพณีที่สืบทอดกันมา แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่งดงามของความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไร่ชาวนา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ผสานความเชื่อทางศาสนาพุทธและพราหมณ์-ฮินดูเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
วันพืชมงคลเป็นวันหยุดราชการที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเกษตรกรรมซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ โดยพระราชพิธีที่จัดขึ้นในวันนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ คือ พระราชพิธีพืชมงคล ซึ่งเป็นพิธีสงฆ์ จะประกอบพระราชพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ก่อนหน้าวันแรกนาขวัญหนึ่งวัน และ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือที่รู้จักกันในนาม “พิธีแรกนา” ซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์ จะจัดขึ้นในวันถัดมา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง แม้จะเป็นสองพิธี แต่มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างความเป็นสิริมงคลสูงสุดให้แก่เมล็ดพันธุ์พืชและเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการผลิตอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงชาติ
ประวัติศาสตร์ของพระราชพิธีแรกนาขวัญนั้นมีรากฐานมายาวนาน สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณ ปรากฏหลักฐานในพุทธประวัติเมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๗ พรรษา ได้เสด็จไปพร้อมกับพระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดาในพิธีแรกนา และได้ทรงเจริญอานาปานสติสมาธิ ณ ใต้ร่มหว้าเป็นปฐมฌาน สำหรับประเทศไทย พิธีนี้มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี และสืบทอดเรื่อยมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อนจะว่างเว้นไปในบางช่วงเวลา จนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้ฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นมาใหม่ เนื่องจากทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกร และได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสงฆ์คือ “พิธีพืชมงคล” เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพิธี เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่พืชพันธุ์ธัญญาหารของชาติ และได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีนี้ขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลังจากว่างเว้นไปช่วงหนึ่ง และดำเนินสืบมาเป็นประจำทุกปีจวบจนปัจจุบัน
ในส่วนของพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ ท้องสนามหลวงนั้น มีองค์ประกอบและขั้นตอนที่เปี่ยมไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง ตัวละครสำคัญในพิธีคือ “พระยาแรกนา” ผู้เป็นประธานในพิธี ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้วจะเป็นตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันคือท่านปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พระยาแรกนาจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนของพระมหากษัตริย์ในการไถหว่านเพื่อเป็นปฐมฤกษ์ การแต่งกายของพระยาแรกนาจะนุ่งผ้าหยี่อย่างโบราณ มีความสง่างามสมตำแหน่ง นอกจากพระยาแรกนาแล้ว ยังมี “เทพีคู่หาบทอง” และ “เทพีคู่หาบเงิน” สี่นาง ซึ่งคัดเลือกจากข้าราชการหญิงในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้มีบุคลิกภาพดี เทพีทั้งสี่จะอยู่ในเครื่องแต่งกายชุดไทยที่สวยงามตระการตา ทำหน้าที่หาบกระเช้าที่บรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน ซึ่งผ่านการเข้าพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาแล้ว เพื่อนำไปให้พระยาแรกนาใช้หว่านในระหว่างการไถ
หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของพิธีที่ทุกคนเฝ้ารอคอยคือ “พระโค” หรือวัวหลวงที่จะทำหน้าที่เทียมไถ พระโคที่ใช้ในพระราชพิธีจะต้องเป็นโคเพศผู้ที่มีลักษณะดีตามตำราโคศาสตร์โบราณ เช่น มีกิริยามารยาทเรียบร้อย สอนง่าย มีขวัญดี และมีสีผิวสวยงาม เป็นต้น โดยกรมปศุสัตว์จะทำการคัดเลือกโคที่เหมาะสมที่สุดเพื่อทำหน้าที่สำคัญนี้ พระโคจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีประดุจเทพ และก่อนวันงานจะมีการซ้อมเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในมณฑลพิธี ในวันประกอบพระราชพิธี พระโคจะได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยพวงมาลัยและผ้าสีต่างๆ และจะทำหน้าที่สำคัญสองประการ คือการเทียมคันไถเพื่อไถนา และการเสี่ยงทายของกินเพื่อพยากรณ์ความอุดมสมบูรณ์ของปีนั้นๆ
ลำดับขั้นตอนของพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเริ่มต้นขึ้นเมื่อพระยาแรกนาเดินทางมาถึงมณฑลพิธี จะทำการตั้งสัตยาธิษฐานเสี่ยงทายผ้านุ่งก่อนเป็นอันดับแรก โดยพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีจะเตรียมผ้านุ่งซึ่งทำจากผ้าลายสามผืนวางไว้บนโตก มีความยาวแตกต่างกันคือ สี่คืบ ห้าคืบ และหกคืบ ให้พระยาแรกนาเลือกหยิบโดยไม่มอง การเลือกผ้านุ่งนี้เป็นคำทำนายเกี่ยวกับปริมาณน้ำฝนในปีนั้น หากพระยาแรกนาหยิบได้ผ้าผืนที่ยาวที่สุด คือหกคืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมาก นาในที่ดอนจะได้ผลดี แต่นาในที่ลุ่มอาจเสียหายบ้าง หากหยิบได้ผ้าผืนกลาง คือห้าคืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลสมบูรณ์ และผลาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี และหากหยิบได้ผ้าผืนที่สั้นที่สุด คือสี่คืบ ก็จะพยากรณ์ว่าน้ำจะน้อย นาในที่ลุ่มจะได้ผลดี แต่นาในที่ดอนอาจเสียหายบ้าง
หลังจากเสี่ยงทายผ้านุ่งแล้ว พระยาแรกนาจะสวมผ้านุ่งผืนนั้นและเริ่มประกอบพิธีไถ โดยจะใช้คันไถไม้สีแดงซึ่งเป็นของหลวง ไถลงบนพื้นที่ท้องสนามหลวงเป็นจำนวนสามรอบ ในขณะที่ไถนั้น เทพีคู่หาบทองและหาบเงินจะเดินตามพร้อมกับโปรยเมล็ดพันธุ์ข้าวลงในรอยไถ เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกอย่างเป็นทางการ บรรยากาศในขณะนั้นจะเต็มไปด้วยความขรึมขลังและศักดิ์สิทธิ์ เสียงประโคมของดนตรีไทยโบราณดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
เมื่อเสร็จสิ้นการไถแล้ว ก็จะมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ นั่นคือ “การเสี่ยงทายของกินเจ็ดสิ่งของพระโค” พราหมณ์จะนำอาหารเจ็ดชนิดมาตั้งเลี้ยงพระโค ซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วเขียว งา เหล้า น้ำ และหญ้า เมื่อพระโคถูกปล่อยออกจากคันไถแล้ว พระโคจะเดินไปเลือกกินอาหารเหล่านี้โดยอิสระ คำพยากรณ์ก็จะขึ้นอยู่กับว่าพระโคเลือกกินสิ่งใดเป็นหลัก หากพระโคเลือกกินข้าวหรือข้าวโพด พยากรณ์ว่าธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี หากเลือกกินถั่วหรืองา พยากรณ์ว่าผลาหาร ภักษาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี หากเลือกกินน้ำหรือหญ้า พยากรณ์ว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ และหากพระโคเลือกกินเหล้า พยากรณ์ว่าการคมนาคมจะสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศจะดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง คำทำนายจากการเสี่ยงทายนี้จะถูกประกาศให้ประชาชนและเกษตรกรทั่วประเทศได้รับทราบ เพื่อใช้เป็นแนวทางและเป็นเครื่องเตือนใจในการวางแผนการเพาะปลูกต่อไป
ภายหลังจากที่พระราชพิธีเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดสำหรับประชาชนที่มาร่วมงานก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนและเกษตรกรที่เฝ้ารออยู่รอบมณฑลพิธีได้เข้ามาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานที่ถูกหว่านลงบนพื้นดินท้องสนามหลวง ผู้คนจากทุกสารทิศจะหลั่งไหลเข้ามาด้วยความศรัทธา ก้มลงเก็บเมล็ดข้าวทีละเม็ดด้วยความทะนุถนอม เพื่อนำกลับไปเป็นสิริมงคลที่บ้าน บ้างก็นำไปผสมกับเมล็ดพันธุ์ข้าวของตนเองก่อนนำไปหว่านในนา โดยเชื่อว่าจะทำให้พืชพันธุ์เจริญงอกงาม ให้ผลผลิตสูง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน ภาพของผู้คนที่ก้มเก็บเมล็ดข้าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุขและมีความหวังนี้ เป็นภาพสะท้อนถึงความเชื่อและความศรัทธาในประเพณีอันดีงามที่ยังคงหยั่งรากลึกอยู่ในสังคมไทย เป็นภาพแห่งความสามัคคีและความหวังร่วมกันของคนในชาติ
วันพืชมงคลและพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จึงมีความสำคัญมากกว่าการเป็นเพียงพิธีกรรมตามประเพณี แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งในหลายมิติ ประการแรกคือการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกรผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ให้พวกเขามีพลังใจในการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกด้วยความหวังและความมั่นใจ ประการที่สองคือการธำรงรักษาไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ เป็นการสืบสานประเพณีที่แสดงถึงรากเหง้าและอัตลักษณ์ความเป็นชาติเกษตรกรรมของไทย ประการที่สามคือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อภาคการเกษตรของไทยมาอย่างยาวนาน ดังจะเห็นได้จากโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่มุ่งพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น และประการสุดท้ายคือการเป็นเครื่องเตือนใจให้คนไทยทุกคนได้รำลึกถึงบุญคุณของแผ่นดินและบุญคุณของชาวนาผู้ผลิตอาหารหล่อเลี้ยงชีวิต
ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญยังคงยืนหยัดอย่างสง่างาม เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าประเพณีและความเชื่อที่งดงามสามารถดำรงอยู่คู่กับความเจริญก้าวหน้าได้เสมอ แม้คำพยากรณ์จากการเสี่ยงทายจะเป็นเพียงเครื่องชี้นำ แต่คุณค่าที่แท้จริงของวันพืชมงคลนั้น อยู่ที่การรวมจิตใจของคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียว การมอบความหวังและกำลังใจให้แก่ผู้คนบนผืนแผ่นดิน และการสืบสานจิตวิญญาณแห่งเกษตรกรรมให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไปตราบนานเท่านาน นี่คือพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้เป็นเพียงการแรกนา แต่คือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังลงในหัวใจของคนไทยทั้งชาตินั่นเอง
รายละเอียดการอบรม

คำชี้แจง
1. ระบบเต็มหรือจำกัดจำนวนต่อวัน แนะนำให้ทำช่วงเช้า
2. ใส่อีเมล์ผิดต้องใช้ gmail เท่านั้น
3. คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. ต้องใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์ อาจนานถึง 1 วัน
5. อาจอยู่ในเมล์ขยะ
6. บางเพจจำกัด gmail และให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางเกียรติบัตรไม่ส่งทางอีเมล์ต้องดาวโหลดจากเว็บไซต์
ตัวอย่างเกียรติบัตร
