สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำ คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลดฟรี คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) โดย Inskru -พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอน

คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น สำหรับพัฒนาเด็กอย่างสร้างสรรค์
การเรียนรู้ผ่านการเล่นหรือ Play-Based Learning เป็นวิธีการศึกษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้เด็กได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะสำหรับเด็กไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์และชอบกิจกรรมที่หลากหลาย บทความนี้จะนำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่นทั้งหมด 100 กิจกรรม ที่ผู้ปกครองและครูอาจารย์สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กในทุกด้าน
ความสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการเล่น
การเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นกระบวนการที่เด็กได้รับการพัฒนาทักษะต่างๆ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน ไม่เครียด และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ วิธีการนี้ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้เรียน นักวิจัยทางการศึกษาหลายท่านได้ยืนยันว่า เด็กที่ได้เรียนรู้ผ่านการเล่นจะมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กที่เรียนแบบบังคับหรือแบบท่องจำเพียงอย่างเดียว
สำหรับประเทศไทย การเรียนรู้ผ่านการเล่นมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากสามารถผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเกมพื้นบ้าน การเล่นกับธรรมชาติ หรือกิจกรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตไทย ซึ่งจะช่วยให้เด็กไทยเกิดความภูมิใจในรากเหง้าของตนเอง และเรียนรู้ได้อย่างมีความหมาย
หลักการสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการเล่น
การเรียนรู้ผ่านการเล่นต้องมีหลักการที่สำคัญหลายประการ ประการแรกคือ เด็กต้องได้เป็นผู้นำในการเลือกกิจกรรม ไม่ใช่การบังคับจากผู้ใหญ่ ประการที่สองคือ กิจกรรมต้องมีความสนุกสนานและท้าทาย ไม่ยากเกินไปหรือง่ายเกินไป ประการที่สามคือ ต้องมีการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่การเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น
ผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กควรทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าผู้สอน โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และคอยสังเกตการเรียนรู้ของเด็ก พร้อมให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น แต่ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงหรือควบคุมการเล่นของเด็กมากเกินไป
กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่นสำหรับพัฒนาทักษะทางภาษา
กิจกรรมที่ 1-10 พัฒนาการอ่านและการเขียน
กิจกรรมแรกคือ “ล่าสมบัติตัวอักษร” ซึ่งเป็นการซ่อนตัวอักษรต่างๆ ไว้ในบ้านหรือห้องเรียน แล้วให้เด็กออกไปค้นหา เมื่อพบตัวอักษรแล้ว เด็กต้องนำมาเรียงเป็นคำหรือประโยค กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กจดจำรูปร่างของตัวอักษรได้ดี และเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้
กิจกรรมที่สองคือ “ร้องเพลงตัวอักษร” โดยการแต่งเพลงง่ายๆ ที่มีตัวอักษรเป็นเนื้อหา เช่น “ก ไก่ ข ไข่” แต่ทำให้มีจังหวะและท่าทางประกอب เด็กจะจดจำตัวอักษรได้ง่ายขึ้นผ่านการร้องเพลงและการเคลื่อนไหว
กิจกรรมที่สามคือ “เล่านิทานด้วยภาพ” โดยให้เด็กดูภาพและเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันเองตามจินตนาการ กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการเล่าเรื่อง การคิดอย่างมีเหตุผล และความคิดสร้างสรรค์
กิจกรรมที่สี่คือ “เขียนจดหมายถึงตัวการ์ตูนที่ชอบ” เด็กจะได้ฝึกการเขียนในสถานการณ์ที่สนุกสนาน โดยไม่รู้สึกว่าเป็นการบ้าน ครูหรือผู้ปกครองสามารถช่วยเด็กที่เขียนไม่ได้ แต่ให้เด็กเป็นผู้คิดเนื้อหาเอง
กิจกรรมที่ห้าคือ “ละครใบ้” โดยให้เด็กแสดงท่าทางให้เพื่อนๆ ทายคำศัพท์ต่างๆ ทั้งคำนาม คำกริยา และคำคุณศัพท์ กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจความหมายของคำศัพท์ได้ลึกซึ้งขึ้น
กิจกรรมที่หกคือ “สร้างหนังสือนิทานเล่มเล็ก” โดยให้เด็กเขียนและวาดรูปประกอบเรื่องราวที่ตนเองคิดขึ้น แล้วนำมาเย็บเป็นหนังสือเล่มเล็ก เด็กจะภูมิใจในผลงานของตนเองและอยากเขียนเรื่องใหม่ๆ ต่อไป
กิจกรรมที่เจ็ดคือ “เกมคำคล้องจอง” โดยให้เด็กนั่งเป็นวงกลม แล้วผลัดกันพูดคำที่คล้องจองกับคำที่คนก่อนหน้าพูด เช่น “มา-หา-บา-ปา” กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจโครงสร้างเสียงของภาษาไทย
กิจกรรมที่แปดคือ “บันทึกเหตุการณ์ประจำวัน” โดยให้เด็กเล่าหรือเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ในรูปแบบที่สนุกสนาน เช่น การวาดรูปประกอบ หรือการใช้สติกเกอร์ตกแต่ง
กิจกรรมที่เก้าคือ “ร้านขายคำ” โดยตั้งร้านค้าจำลองที่ขายคำศัพท์ใหม่ๆ เด็กต้อง “ซื้อ” คำศัพท์ด้วยการใช้คำนั้นในประโยค หรือการอธิบายความหมายของคำนั้น
กิจกรรมที่สิบคือ “การแข่งขันสะกดคำ” แต่ทำในรูปแบบเกมที่สนุกสนาน เช่น การใช้ลูกบอลปิงปอง ที่มีตัวอักษรเขียนไว้ แล้วให้เด็กหยิบมาเรียงเป็นคำต่างๆ
กิจกรรมที่ 11-20 พัฒนาทักษะการฟังและการพูด
กิจกรรมที่สิบเอ็ดคือ “เกมโทรศัพท์เสีย” โดยให้เด็กนั่งเป็นแถว คนแรกกระซิบข้อความให้คนที่สอง แล้วส่งต่อไปเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย แล้วดูว่าข้อความเปลี่ยนไปอย่างไร กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจความสำคัญของการฟังอย่างตั้งใจ
กิจกรรมที่สิบสองคือ “การสัมภาษณ์บุคคลในครอบครัว” โดยให้เด็กเป็นผู้สัมภาษณ์พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาติ เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต เด็กจะได้ฝึกการถามคำถามและการฟังอย่างมีจุดมุ่งหมาย
กิจกรรมที่สิบสามคือ “เล่าเรื่องผลัดกัน” โดยให้เด็กหลายคนร่วมกันเล่าเรื่องหนึ่งเรื่อง คนละส่วน แต่ละคนจะได้เล่าประมาณ 1-2 ประโยค แล้วส่งต่อให้เพื่อน กิจกรรมนี้ช่วยฝึกการคิดอย่างรวดเร็วและการต่อเรื่อง
กิจกรรมที่สิบสี่คือ “เกมอธิบายสิ่งของ” โดยให้เด็กคนหนึ่งอธิบายสิ่งของชิ้นหนึ่งโดยไม่บอกชื่อ แล้วให้เพื่อนๆ ทายว่าคืออะไร เด็กจะได้ฝึกการอธิบายอย่างชัดเจนและการฟังอย่างตั้งใจ
กิจกรรมที่สิบห้าคือ “การเล่นบทบาทสมมติ” เช่น การเป็นหมอ ครู นักดับเพลิง หรือพ่อค้าแม่ค้า เด็กจะได้ฝึกการใช้ภาษาในบริบทต่างๆ และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพต่างๆ
กิจกรรมที่สิบหกคือ “การบรรยายภาพ” โดยให้เด็กดูภาพแล้วบรรยายสิ่งที่เห็นอย่างละเอียด ทั้งสี รูปร่าง ตำแหน่ง และอารมณ์ของคนในภาพ กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการสังเกตและการใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย
กิจกรรมที่สิบเจ็ดคือ “เกมใช้เสียงต่างๆ” โดยให้เด็กทำเสียงต่างๆ เช่น เสียงสัตว์ เสียงธรรมชาติ หรือเสียงเครื่องจักร แล้วให้เพื่อนๆ ทายว่าเป็นเสียงอะไร กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจลักษณะเสียงและสามารถอธิบายเสียงต่างๆ ได้
กิจกรรมที่สิบแปดคือ “การนำเสนอโชว์แอนด์เทล” โดยให้เด็กนำของเล่นหรือสิ่งของที่ตนเองชอบมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ว่าได้มาอย่างไร มีความพิเศษอย่างไร หรือมีเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับของชิ้นนั้น
กิจกรรมที่สิบเก้าคือ “การร้องเพลงแบบผลัดกัน” โดยให้เด็กแบ่งเป็นกลุ่ม แล้วผลัดกันร้องเพลงเดียวกัน แต่ละกลุ่มร้องคนละท่อน กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กเรียนรู้จังหวะและการประสานเสียง
กิจกรรมที่ยี่สิบคือ “การพูดคุยกับตุ๊กตาหรือของเล่น” โดยให้เด็กพูดคุยกับตุ๊กตาราวกับว่าตุ๊กตาเป็นเพื่อน เด็กจะได้ฝึกการสนทนาและการแสดงความรู้สึกผ่านคำพูด
กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่นสำหรับพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์
กิจกรรมที่ 21-30 การนับและตัวเลข
กิจกรรมที่ยี่สิบเอ็ดคือ “ร้านค้าจำลอง” โดยให้เด็กเล่นเป็นพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า ใช้เงินเล่นซื้อขายของต่างๆ เด็กจะได้ฝึกการนับเงิน การบวกลบ และการคิดเงินทอน
กิจกรรมที่ยี่สิบสองคือ “การทำอาหารง่ายๆ” โดยให้เด็กช่วยตวงส่วนผสม เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณ การวัด และการใช้เศษส่วนในชีวิตจริง เช่น ครึ่งถ้วย หนึ่งในสี่ช้อนโต๊ะ
กิจกรรมที่ยี่สิบสามคือ “เกมบิงโกตัวเลข” โดยสร้างบอร์ดบิงโกที่มีตัวเลขแทนคำ เมื่อออกเลข เด็กต้องหาตัวเลขนั้นในบอร์ดของตน ผู้ที่ได้แถวหรือคอลัมน์เต็มก่อนจะเป็นผู้ชนะ
กิจกรรมที่ยี่สิบสี่คือ “การเรียงลำดับของเล่น” โดยให้เด็กเรียงของเล่นตามขนาด สี หรือประเภท เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องการจัดหมวดหมู่และการเปรียบเทียบ
กิจกรรมที่ยี่สิบห้าคือ “เกมกระดานบันไดงู” แต่ใช้โจทย์คณิตศาสตร์ง่ายๆ แทนการทอยลูกเต๋า เด็กต้องตอบโจทย์ถูกต้องก่อนจึงจะได้เดิน กิจกรรมนี้ช่วยให้เด็กฝึกคณิตศาสตร์อย่างสนุกสนาน
กิจกรรมที่ยี่สิบหกคือ “การสร้างรูปทรงเรขาคณิตด้วยแป้งโดว์” เด็กจะได้สัมผัสรูปทรงต่างๆ และเรียนรู้คุณสมบัติของรูปทรงผ่านการปั้น เช่น วงกลมไม่มีมุม สี่เหลี่ยมมี 4 มุม
กิจกรรมที่ยี่สิบเจ็ดคือ “การวัดสิ่งต่างๆ ในบ้าน” โดยใช้ไม้บรรทัด หรือหน่วยวัดที่ไม่เป็นมาตรฐาน เช่น การใช้ฝ่ามือหรือก้าวเท้าเป็นหน่วยวัด เด็กจะเรียนรู้แนวคิดเรื่องการวัด
กิจกรรมที่ยี่สิบแปดคือ “เกมการแบ่งขนม” โดยให้เด็กแบ่งขนมหรือผลไม้ให้คนในครอบครัว โดยต้องแบ่งให้เท่าๆ กัน เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหารและความเท่าเทียม
กิจกรรมที่ยี่สิบเก้าคือ “การนับของในบ้าน” โดยให้เด็กนับสิ่งของต่างๆ เช่น จานใบ ช้อน คู่รองเท้า หรือหนังสือ แล้วบันทึกจำนวนลงในสมุด
กิจกรรมที่สามสิบคือ “เกมเดาจำนวน” โดยให้เด็กคนหนึ่งคิดตัวเลขไว้ในใจ แล้วให้เพื่อนๆ เดาโดยการถามคำถามแบบใช่หรือไม่ เช่น “มากกว่า 10 ใช่ไหม” เด็กจะได้ฝึกการคิดเชิงตรรกะ
กิจกรรมที่ 31-40 รูปแบบและความสัมพันธ์
กิจกรรมที่สามสิบเอ็ดคือ “การสร้างรูปแบบด้วยลูกปัด” โดยให้เด็กร้อยลูกปัดตามรูปแบบที่กำหนด เช่น สีแดง-น้ำเงิน-เหลือง-แดง-น้ำเงิน-เหลือง หรือให้เด็กสร้างรูปแบบของตนเอง
กิจกรรมที่สามสิบสองคือ “เกมจับคู่” โดยให้เด็กจับคู่สิ่งต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น รองเท้ากับเท้า หมวกกับศีรษะ หรือตัวเลขกับจำนวนจุด
กิจกรรมที่สามสิบสามคือ “การสร้างกราฟง่ายๆ” เช่น การนับสีของรถที่ผ่านไปมาหน้าบ้าน แล้วสร้างกราฟแท่งด้วยกระดาษสีต่างๆ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องการจัดกลุ่มข้อมูลและการเปรียบเทียบ
กิจกรรมที่สามสิบสี่คือ “เกมซูโดกุสำหรับเด็ก” โดยใช้รูปภาพหรือสีแทนตัวเลข ในตารางขนาด 4×4 แทนขนาด 9×9 เด็กจะได้ฝึกการคิดเชิงตรรกะและการแก้ปัญหา
กิจกรรมที่สามสิบห้าคือ “การเรียงลำดับตามเวลา” โดยให้เด็กเรียงรูปภาพกิจกรรมต่างๆ ตามลำดับเวลา เช่น การปลูกต้นไม้ ตั้งแต่เป็นเมล็ด งอกเป็นต้นอ่อน จนเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
กิจกรรมที่สามสิบหกคือ “เกมแทนโจรัมเด็ก” โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ มาต่อเป็นรูปต่างๆ เช่น บ้าน รถ หรือสัตว์ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องพื้นที่และความสัมพันธ์เชิงพื้นที่
กิจกรรมที่สามสิบเจ็ดคือ “การแบ่งกลุ่มตามคุณสมบัติ” โดยให้เด็กแบ่งของเล่นหรือของใช้ต่างๆ เป็นกลุ่ม เช่น แบ่งตามสี รูปร่าง ขนาด หรือประโยชน์ใช้สอย
กิจกรรมที่สามสิบแปดคือ “เกมหาของที่หายไป” โดยให้เด็กดูชุดของที่เรียงตามลำดับหรือรูปแบบ แล้วปิดตา เอาของชิ้นหนึ่งออก เมื่อเปิดตาให้ทายว่าอะไรหายไป
ตัวอย่างไฟล์ คู่มือรวม 100 กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning)


