สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ (GPAS 5 Steps) ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ (GPAS 5 Steps) เพื่อเสนอขอรางวัล ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ (GPAS 5 Steps) ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
เผยแพร่ผลงานวิชาการ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ (GPAS 5 Steps) โดยคุณครูภานุวัฒน์ ตุ้มสังข์ทอง

การปฏิวัติการเรียนการสอนภาษาอังกฤษระดับประถม ด้วยรูปแบบ GPAS 5 Steps สู่การเรียนรู้เชิงรุกที่เปลี่ยนโลกการศึกษา
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องการการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการเรียนการสอนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลที่จำเป็นต่อการเรียนรู้และการทำงานในอนาคต การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จึงกลายเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศนี้นำเสนอการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ซึ่งได้รับการพัฒนาและทดลองใช้จริงในสถานศึกษา แล้วให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจอย่างมาก
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษาของไทยยังคงเผชิญกับปัญหาสำคัญหลายประการ นักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเรียนมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม สาเหตุหลักมาจากการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการท่องจำและการฝึกฝนซ้ำๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในช่วงวัยที่มีความสนใจในการเรียนรู้สูง และสามารถพัฒนาทักษะการคิดเชิงนามธรรมได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การจัดการเรียนรู้ที่ไม่เหมาะสมทำให้นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ และไม่สามารถพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้อย่างเต็มศักยภาพ
การขาดทักษะการคิดขั้นสูงในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ นักเรียนมักจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐานเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการคิดแก้ปัญหาผ่านการใช้ภาษาอังกฤษ ส่งผลให้การเรียนรู้ไม่สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริงและไม่เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก คืออะไร
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน แทนที่จะเป็นผู้รับสารอย่างเดียว ผู้เรียนจะได้ลงมือปฏิบัติ คิดวิเคราะห์ อภิปรายแลกเปลี่ยน และสร้างความรู้ด้วยตนเอง
หลักการสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก คือการส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ มากกว่าการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางเดียว นักเรียนจะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ การทดลอง การสำรวจ และการค้นหาคำตอบด้วยตนเอง
ในการเรียนภาษาอังกฤษ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกจะช่วยให้นักเรียนได้ใช้ภาษาในสถานการณ์จริง ฝึกทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างบูรณาการ และพัฒนาความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร การเรียนรู้แบบนี้จะทำให้นักเรียนจดจำและเข้าใจได้ดีกว่า เพราะได้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเอง
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกยังส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดประเมินค่า ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นักเรียนจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการคิดอย่างสร้างสรรค์
รูปแบบ GPAS 5 Steps ตัวขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความเป็นเลิศ
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอาศัยหลักการของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและทฤษฎีการคิดขั้นสูง แต่ละขั้นตอนได้รับการออกแบบอย่างเป็นระบบเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นตอนที่ 1 Goal Setting การตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของกระบวนการ นักเรียนและครูจะร่วมกันกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ และมีความหมายต่อตัวนักเรียน การตั้งเป้าหมายที่ดีจะช่วยให้นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้และทราบทิศทางที่ชัดเจน
ขั้นตอนที่ 2 Problem Identification การระบุและวิเคราะห์ปัญหา นักเรียนจะได้เรียนรู้วิธีการสำรวจและระบุปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน ในการเรียนภาษาอังกฤษ อาจเป็นการระบุปัญหาการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ หรือการหาวิธีการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับบริบท
ขั้นตอนที่ 3 Analysis and Synthesis การวิเคราะห์และสังเคราะห์ เป็นขั้นตอนที่นักเรียนจะใช้ทักษะการคิดขั้นสูงในการแยกแยะองค์ประกอบต่างๆ ของปัญหา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ และนำข้อมูลมารวมกันเป็นความเข้าใจใหม่ ในบริบทของการเรียนภาษาอังกฤษ นักเรียนจะวิเคราะห์โครงสร้างภาษา ความหมาย และวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 4 Solution Development การพัฒนาแนวทางแก้ไข นักเรียนจะได้ฝึกทักษะการคิดสร้างสรรค์ในการหาทางเลือกและแนวทางแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย การประเมินทางเลือก และการเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ในการเรียนภาษาอังกฤษ อาจเป็นการหาวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ หรือการสร้างงานเขียนที่สร้างสรรค์
ขั้นตอนที่ 5 Self-reflection and Assessment การสะท้อนผลและประเมินตนเอง เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่นักเรียนจะได้ประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง คิดทบทวนกระบวนการที่ผ่านมา และหาแนวทางการพัฒนาต่อไป การสะท้อนผลจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
การออกแบบและการดำเนินงานในห้องเรียน
การนำรูปแบบ GPAS 5 Steps มาใช้ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต้องการการเตรียมการและการออกแบบอย่างละเอียด เริ่มจากการวิเคราะห์หลักสูตรและจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดกิจกรรมจะสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนด
การเตรียมสื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้กิจกรรมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ในยุคดิจิทัลนี้ การใช้เทคโนโลยีประกอบการเรียนการสอนจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและประสิทธิภาพของการเรียนรู้ เช่น การใช้แอปพลิเคชันการเรียนภาษาอังกฤษ โปรแกรมสร้างนิทานดิจิทัล หรือเกมการเรียนรู้ออนไลน์
ในขั้นตอน Goal Setting ครูจะเริ่มต้นด้วยการสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความต้องการและความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม เช่น สามารถแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษได้ หรือสามารถเล่าเรื่องราวสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษได้ การตั้งเป้าหมายจะทำให้นักเรียนมีทิศทางที่ชัดเจนและแรงจูงใจในการเรียนรู้
ขั้น Problem Identification นักเรียนจะได้สำรวจสถานการณ์หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น จากการดูวิดีโอสั้นๆ ที่แสดงสถานการณ์การสื่อสารในชีวิตประจำวัน นักเรียนจะระบุปัญหาหรือความต้องการในการใช้ภาษา และคิดหาวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม
การ Analysis and Synthesis จะเป็นขั้นตอนที่นักเรียนแยกแยะองค์ประกอบของภาษา เช่น คำศัพท์ ไวยากรณ์ การออกเสียง และความหมายในบริบท จากนั้นนำองค์ประกอบเหล่านี้มาประกอบรวมกันเป็นการสื่อสารที่สมบูรณ์ กิจกรรมในขั้นตอนนี้อาจเป็นการวิเคราะห์บทสนทนา การแยกชนิดของคำ หรือการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำศัพท์และความหมาย
ขั้น Solution Development นักเรียนจะได้สร้างสรรค์ผลงานหรือแนวทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น การเขียนบทสนทนา การสร้างเรื่องเล่าสั้นๆ การทำโปสเตอร์นำเสนอ หรือการแสดงบทบาทสมมติ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์ที่หลากหลายและสร้างสรรค์
ขั้นตอนสุดท้าย Self-reflection and Assessment นักเرียนจะได้ประเมินผลงานของตนเองและของเพื่อน สะท้อนผลการเรียนรู้ และกำหนดเป้าหมายการพัฒนาต่อไป การใช้แบบประเมินตนเอง การเขียนบันทึกการเรียนรู้ หรือการอภิปรายกลุ่มจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาทักษะการคิดเชิงสะท้อน
ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ที่ประสบความสำเร็จ
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง “My Family and I” เป็นตัวอย่างการใช้ GPAS 5 Steps ที่ได้ผลดีเยี่ยม ในขั้น Goal Setting นักเรียนตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าต้องการสามารถแนะนำครอบครัวของตนเองเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ และเข้าใจเมื่อเพื่อนต่างชาติพูดถึงครอบครัวของพวกเขา
ในขั้น Problem Identification นักเรียนดูวิดีโอสถานการณ์ที่เด็กไทยพบกับเด็กต่างชาติในโรงเรียนนานาชาติ และพยายามแนะนำครอบครัวแต่สื่อสารไม่รู้เรื่อง นักเรียนระบุปัญหาว่าขาดคำศัพท์เกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัว ขาดทักษะการออกเสียง และไม่รู้วิธีการเริ่มต้นบทสนทนา
ขั้น Analysis and Synthesis นักเรียนวิเคราะห์โครงสร้างประโยคการแนะนำครอบครัว เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ และเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการพูดถึงครอบครัว จากนั้นสังเคราะห์ความรู้มาสร้างบทสนทนาตัวอย่างที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
ในขั้น Solution Development นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบ เช่น การทำ Family Tree พร้อมคำบรรยาย การเขียนจดหมายแนะนำครอบครัวให้เพื่อนต่างชาติ การแสดงบทบาทสมมติเป็นไกด์นำเที่ยวแนะนำครอบครัวไทย หรือการสร้างวิดีโอสั้นแนะนำครอบครัว
ขั้นตอน Self-reflection and Assessment นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและให้ข้อเสนอแนะแก่เพื่อน เขียนบันทึกการเรียนรู้ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง ยังมีจุดไหนที่ต้องพัฒนา และมีแผนการเรียนรู้ต่อไปอย่างไร
กิจกรรมอีกหนึ่งที่ประสบความสำเร็จคือหน่วยการเรียนรู้ “Healthy Food and Lifestyle” ซึ่งเชื่อมโยงการเรียนภาษาอังกฤษกับการเรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพ นักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับอาหารและการดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพ พร้อมทั้งเรียนรู้คำศัพท์และการสื่อสารเกี่ยวกับหัวข้อนี้เป็นภาษาอังกฤษ
การใช้เทคโนโลยีประกอบการเรียนรู้ เช่น แอป Kahoot สำหรับทำแบบทดสอบคำศัพท์ โปรแกรม Flipgrid สำหรับบันทึกวิดีโอพูด หรือ Padlet สำหรับแบ่งปันไอเดีย ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและมีส่วนร่วมของนักเรียนอย่างชัดเจน
ผลการวิจัยและการประเมินผล
การประเมินผลการใช้รูปแบบ GPAS 5 Steps ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบเป็นเวลา 1 ปีการศึกษา โดยเก็บข้อมูลจากนักเรียนจำนวน 120 คน จาก 4 ห้องเรียน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างชัดเจนในหลายด้าน
ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนในการทดสอบภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 82% ความสามารถในการฟังเพิ่มขึ้น 20% การพูดเพิ่มขึ้น 25% การอ่านเพิ่มขึ้น 18% และการเขียนเพิ่มขึ้น 22% การเพิ่มขึ้นของคะแนนทุกทักษะแสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการมีประสิทธิภาพสูง
ความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่านักเรียน 85% รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการพูดภาษาอังกฤษ 78% มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น และ 82% รู้สึกสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม
ทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน จากการประเมินโดยใช้แบบทดสอบทักษะการคิด พบว่านักเรียนมีคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์เพิ่มขึ้น 30% ทักษะการคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น 28% และทักษะการแก้ปัญหาเพิ่มขึ้น 32%
การเรียนรู้ร่วมกันและทักษะทางสังคมได้รับการพัฒนาควบคู่กันไป นักเรียนสามารถทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้น มีทักษะการฟังผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น และการให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานในอนาคต
ตัวอย่างไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)



