สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan) เอกสารเป็นไฟล์ Power Point แก้ไขได้ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถนำไปแก้ไขและปรับใช้ในการจัดทำ แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan) ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan) เอกสารเป็นไฟล์ Power Point แก้ไขได้ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
แจกฟรี ไฟล์หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan) เอกสารเป็นไฟล์ Power Point แก้ไขได้

แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แนวทางสู่ความเป็นเลิศในวิชาชีพครู
การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องถือเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นมืออาชีพในวิชาชีพครู ในยุคที่การศึกษาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ครูและบุคลากรทางการศึกษาจำเป็นต้องมีแผนพัฒนาตนเองที่ชัดเจน เป็นระบบ และสามารถวัดผลได้ แผนพัฒนาตนเองรายบุคคลหรือที่เรียกว่า Individual Development Plan หรือ ID Plan จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ครูสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีทิศทางและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
แผนพัฒนาตนเองรายบุคคลคือเอกสารหรือแผนงานที่จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาความรู้ ทักษะ ความสามารถ และสมรรถนะของครูและบุคลากรทางการศึกษาแต่ละคน โดยมีการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของตนเอง เพื่อนำมากำหนดแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการทำงาน ตลอดจนความต้องการของสถานศึกษาและระบบการศึกษาโดยรวม แผนนี้จะช่วยให้ครูมีทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง สามารถติดตามความก้าวหน้าได้ และสามารถปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ความสำคัญของแผนพัฒนาตนเองรายบุคคลสำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษามีหลายประการ ประการแรกคือการช่วยให้ครูมีทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง เมื่อครูทราบว่าตนเองมีจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาอะไรบ้าง ก็สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาในด้านที่จำเป็นได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการพัฒนาที่ไม่ตรงความต้องการ ประการที่สองคือการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต แผนพัฒนาตนเองจะช่วยปลูกฝังนิสัยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ครูไม่หยุดนิ่งกับความรู้เดิม แต่พร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี
ประการที่สามคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน เมื่อครูได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ความรู้และทักษะที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการจัดการเรียนการสอน นักเรียนจะได้รับการเรียนรู้ที่มีคุณภาพมากขึ้น ประการที่สี่คือการสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจในการทำงาน การมีแผนพัฒนาตนเองที่ชัดเจนจะช่วยให้ครูรู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเอง เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนา และมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเองต่อไป ประการที่ห้าคือการสนับสนุนความก้าวหน้าในสายอาชีพ แผนพัฒนาตนเองที่ดีจะช่วยให้ครูเตรียมพร้อมสำหรับการเลื่อนตำแหน่งหรือการรับบทบาทใหม่ในองค์กร
องค์ประกอบสำคัญของแผนพัฒนาตนเองรายบุคคลประกอบด้วยหลายส่วนที่ต้องมีความครบถ้วนและเชื่อมโยงกัน ส่วนแรกคือการประเมินสภาพปัจจุบัน ครูต้องเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ตนเองอย่างตรงไปตรงมา โดยพิจารณาจากความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจใช้เครื่องมือหลายอย่างในการประเมิน เช่น การประเมินตนเอง การรับฟีดแบ็กจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และนักเรียน การทบทวนผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา หรือการใช้แบบทดสอบวัดความรู้และทักษะต่างๆ การประเมินสภาพปัจจุบันที่ดีควรครอบคลุมทั้งด้านความรู้เนื้อหาวิชา ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านเทคโนโลยีการศึกษา ด้านการบริหารจัดการชั้นเรียน ด้านการวิจัยและพัฒนา และด้านคุณธรรมจริยธรรม
ส่วนที่สองคือการวิเคราะห์ SWOT หรือการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจตนเองและสภาพแวดล้อมในการทำงาน จุดแข็งคือความสามารถ ทักษะ หรือคุณลักษณะที่ตนเองมีและเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เช่น มีความรู้เนื้อหาวิชาลึกซึ้ง มีความสามารถในการสื่อสารที่ดี หรือมีความคิดสร้างสรรค์ จุดอ่อนคือข้อจำกัดหรือสิ่งที่ต้องพัฒนา เช่น ขาดทักษะการใช้เทคโนโลยี ขาดความมั่นใจในการพูดต่อหน้าสาธารณชน หรือการบริหารเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ โอกาสคือปัจจัยภายนอกที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น มีโครงการฝึกอบรมของหน่วยงาน มีชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือมีแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ที่หลากหลาย อุปสรรคคือปัจจัยภายนอกที่อาจเป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนา เช่น งบประมาณจำกัด เวลาไม่เพียงพอ หรือการสนับสนุนจากองค์กรไม่เพียงพอ
ส่วนที่สามคือการกำหนดเป้าหมายการพัฒนา ซึ่งควรเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับมาตรฐานวิชาชีพครู เป้าหมายควรมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเป้าหมายระยะสั้นอาจเป็นการพัฒนาทักษะเฉพาะด้านที่สามารถบรรลุได้ภายในหนึ่งปี เช่น พัฒนาทักษะการใช้แอปพลิเคชันการสอนออนไลน์ หรือพัฒนาทักษะการทำวิจัยในชั้นเรียน ส่วนเป้าหมายระยะยาวอาจเป็นการพัฒนาสมรรถนะที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเป็นครูต้นแบบด้านนวัตกรรมการสอน หรือการเลื่อนตำแหน่งเป็นครูชำนาญการพิเศษ การกำหนดเป้าหมายควรใช้หลักการ SMART คือเป็นเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ สามารถบรรลุได้ มีความเกี่ยวข้องกับงาน และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ส่วนที่สี่คือการวางแผนกิจกรรมการพัฒนา หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว ครูต้องระบุกิจกรรมหรือวิธีการที่จะใช้ในการพัฒนาตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ กิจกรรมการพัฒนามีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเข้ารับการอบรม การศึกษาดูงาน การเรียนรู้จากชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ การศึกษาจากหนังสือและสื่อออนไลน์ การทำวิจัยในชั้นเรียน การเป็นพี่เลี้ยงหรือการมีพี่เลี้ยง การเข้าร่วมเครือข่ายครู หรือการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ครูควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนรู้ของตนเอง เวลาที่มี และทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้
ส่วนที่ห้าคือการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จและการติดตามประเมินผล ครูต้องกำหนดว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการประเมินว่าตนเองบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ตัวชี้วัดควรเป็นสิ่งที่วัดได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จำนวนชั่วโมงการอบรม การได้รับวุฒิบัตร คะแนนจากการทดสอบความรู้ ผลการประเมินจากผู้บังคับบัญชา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เพิ่มขึ้น หรือจำนวนนวัตกรรมที่พัฒนาและนำไปใช้ นอกจากนี้ควรมีการติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทบทวนทุกไตรมาสหรือทุกภาคเรียน เพื่อดูว่าการดำเนินการเป็นไปตามแผนหรือไม่ และควรปรับแผนอย่างไรให้เหมาะสม
กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาตนเองรายบุคคลเริ่มต้นจากการเตรียมความพร้อมและสร้างความตระหนักรู้ ครูต้องเข้าใจความสำคัญและประโยชน์ของการมีแผนพัฒนาตนเอง ตระหนักว่าการพัฒนาเป็นความรับผิดชอบของตนเอง และพร้อมที่จะสละเวลาและความพยายามในการพัฒนา ขั้นตอนต่อมาคือการศึกษามาตรฐานวิชาชีพครูและตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าครูที่มีคุณภาพควรมีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะอะไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้ครูสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับมาตรฐานวิชาชีพ
ขั้นตอนที่สามคือการประเมินตนเองอย่างละเอียดและตรงไปตรงมา ครูควรใช้เวลาในการไตร่ตรองและทบทวนการปฏิบัติงานของตนเอง โดยอาจใช้แบบสอบถามประเมินตนเอง สมุดบันทึกการสอน หรือการบันทึกวิดีโอการสอนมาวิเคราะห์ นอกจากนี้ควรขอคำแนะนำหรือข้อมูลป้อนกลับจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่นักเรียน เพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลายและเป็นกลาง ขั้นตอนที่สี่คือการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล นำข้อมูลจากการประเมินมาวิเคราะห์เพื่อระบุจุดแข็ง จุดที่ต้องพัฒนา โอกาส และอุปสรรค จากนั้นจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องพัฒนาโดยพิจารณาจากความจำเป็นเร่งด่วน ความสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ และความเป็นไปได้ในการพัฒนา
ขั้นตอนที่ห้าคือการกำหนดเป้าหมายและแผนปฏิบัติการ โดยเริ่มจากการเขียนเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม จากนั้นระบุกิจกรรมการพัฒนาที่จะทำ กำหนดกรอบเวลา ทรัพยากรที่ต้องการ และตัวชี้วัดความสำเร็จ แผนควรเขียนในรูปแบบตารางหรือแผนภูมิที่ง่ายต่อการติดตามและทบทวน ขั้นตอนที่หกคือการนำแผนไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ครูต้องมีวินัยในการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ จัดสรรเวลาสำหรับกิจกรรมการพัฒนา และแสวงหาการสนับสนุนจากผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน หรือแหล่งทรัพยากรต่างๆ ตามความจำเป็น
ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดตามประเมินผลและปรับปรุงแผน ครูควรทบทวนความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ บันทึกผลการพัฒนา ประเมินว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ และปัจจัยอะไรที่สนับสนุนหรือเป็นอุปสรรค จากนั้นปรับปรุงแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อาจเพิ่มเป้าหมายใหม่ ปรับกิจกรรมการพัฒนา หรือปรับกรอบเวลาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้แผนพัฒนาตนเองมีความเป็นพลวัตและสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้
ด้านต่างๆ ที่ครูควรให้ความสำคัญในการพัฒนาตนเองมีหลายด้าน ด้านแรกคือด้านความรู้เนื้อหาวิชา ครูต้องมีความรู้เนื้อหาวิชาที่สอนอย่างลึกซึ้งและทันสมัย สามารถนำเสนอเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และน่าสนใจ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตจริงและบูรณาการกับวิชาอื่นได้ การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ เข้าร่วมสัมมนาวิชาการ หรือเรียนต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ด้านที่สองคือด้านการจัดการเรียนการสอน ครูต้องมีความสามารถในการออกแบบและจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก และพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ใหม่ๆ ทดลองใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย สังเกตการสอนของครูที่มีประสบการณ์ หรือเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ด้านที่สามคือด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในยุคดิจิทัล ครูต้องมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อมัลติมีเดีย การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ การใช้แอปพลิเคชันทางการศึกษา หรือการใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการเข้ารับการอบรมเทคโนโลยี ศึกษาด้วยตนเองผ่านคอร์สออนไลน์ ทดลองใช้เครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษา
ด้านที่สี่คือด้านการวัดและประเมินผล ครูต้องมีความสามารถในการออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย ใช้ข้อมูลจากการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และให้ข้อมูลป้อนกลับที่สร้างสรรค์แก่ผู้เรียน การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการศึกษาเทคนิคการประเมินแบบต่างๆ ทดลองใช้เครื่องมือประเมินใหม่ หรือเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล
ด้านที่ห้าคือด้านการบริหารจัดการชั้นเรียน ครูต้องสามารถสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ จัดการพฤติกรรมนักเรียนอย่างเหมาะสม และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียนและระหว่างนักเรียนด้วยกัน การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการศึกษาเทคนิคการบริหารจัดการชั้นเรียน ขอคำปรึกษาจากครูที่มีประสบการณ์ หรือเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับจิตวิทยาการศึกษาและการบริหารชั้นเรียน
ด้านที่หกคือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ครูควรมีทักษะในการทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน พัฒนานวัตกรรมการสอนหรือสื่อการสอนใหม่ๆ และเผยแพร่ผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครู การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการเข้ารับการอบรมการทำวิจัยในชั้นเรียน ศึกษาวิธีการวิจัยด้วยตนเอง เริ่มต้นทำวิจัยเล็กๆ หรือร่วมมือกับเพื่อนครูในการทำวิจัย
ด้านที่เจ็ดคือด้านความเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม ครูควรพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสารและการประสานงาน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การพัฒนาด้านนี้อาจทำได้โดยการรับบทบาทหัวหน้ากลุ่มสาระหรือหัวหน้าโครงการ เข้ารับการอบรมความเป็นผู้นำ หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องทำงานเป็นทีม
ด้านที่แปดคือด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติตามจรรย
แนวทางการสร้างแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (ID Plan) เพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน
แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan: ID Plan) คือเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคคลให้เหมาะสมกับเป้าหมายชีวิตและอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ การปรับปรุงจุดอ่อน หรือการเพิ่มศักยภาพในด้านที่ตนเองมีความสามารถอยู่แล้ว การมี ID Plan จะช่วยให้บุคคลสามารถกำหนดแนวทางพัฒนาตนเองได้อย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงวิธีการสร้าง ID Plan ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแนวทางการนำไปใช้ให้เกิดผลสูงสุด

ความสำคัญของแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล
ID Plan มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพบุคคล โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวและเติบโตได้ โดยมีประโยชน์หลักดังนี้:
- ช่วยให้บุคคลมีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง
- เพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล
- ช่วยสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจในการเติบโตทางอาชีพ
องค์ประกอบสำคัญของ ID Plan
การสร้าง ID Plan ที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้:
- การประเมินตนเอง
การเริ่มต้นด้วยการประเมินตนเองจะช่วยให้บุคคลเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง สามารถใช้แบบสอบถามหรือเครื่องมือประเมินทางจิตวิทยาเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น - กำหนดเป้าหมาย
เป้าหมายควรเป็นไปตามหลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อให้สามารถติดตามผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ - กำหนดแนวทางพัฒนา
หลังจากมีเป้าหมายที่ชัดเจน ควรพัฒนาแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง เช่น การเข้าร่วมอบรม การเรียนรู้ออนไลน์ หรือการฝึกฝนด้วยตนเอง - ติดตามและประเมินผล
การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องช่วยให้มั่นใจว่าแผนที่วางไว้มีประสิทธิภาพ สามารถปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์
วิธีการนำ ID Plan ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อให้แผนพัฒนาตนเองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีแนวทางดังต่อไปนี้:
- ปฏิบัติตามแผนที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง
- เปิดโอกาสในการเรียนรู้และปรับตัว
- ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์
- ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการพัฒนา
สรุป
แผนพัฒนาตนเองรายบุคคลเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้บุคคลสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาได้อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ การนำไปใช้อย่างจริงจังจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งทางอาชีพและชีวิตส่วนตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ตัวอย่างไฟล์หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan)


ไฟล์หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan)

ไฟล์หน้าปกแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID Plan)