สื่อฟรีออนไลน์.com

ขอแนะนำไฟล์ งานวิจัย 5 บท เรื่องการศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม

การศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในสังคมไทยร่วมสมัย งานวิจัยเชิงลึกเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา

การเปลี่ยนแปลงจากระดับประถมศึกษาสู่มัธยมศึกษาถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของเด็กและเยาวชนไทย เมื่อนักเรียนก้าวเข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พวกเขาจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ใหม่ ครูใหม่ เพื่อนใหม่ และระบบการเรียนการสอนที่แตกต่างจากที่เคยคุ้นเคย การปรับตัวในช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับนักเรียนหลายคน

ความอ่อนตัวหรือความเปราะบางของนักเรียนในวัยรุ่นตอนต้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ด้านเดียว แต่เป็นปรากฏการณ์ที่มีความซับซ้อนและครอบคลุมหลายมิติ ทั้งด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และการเรียนรู้ การทำความเข้าใจในระดับความอ่อนตัวของนักเรียนกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับครู ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการศึกษาไทย

งานวิจัยเรื่องการศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนในวัยนี้ รวมทั้งหาแนวทางในการลดความอ่อนตัวและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้กับนักเรียน เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการผ่านการสำรวจและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 500 คน จาก 10 โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้แบบสอบถามที่ได้รับการตรวจสอบความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือแล้ว นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ครูประจำชั้น ครูแนะแนว และผู้ปกครองเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีระดับความอ่อนตัวในระดับปานกลางถึงสูง โดยเฉพาะในด้านการปรับตัวทางสังคม การรับมือกับความเครียดจากการเรียน และการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ปัจจัยที่มีผลต่อความอ่อนตัวมากที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ความกังวลเกี่ยวกับผลการเรียน และความไม่มั่นใจในตนเอง

บทที่ 1 ความหมายและแนวคิดเกี่ยวกับความอ่อนตัวของนักเรียน

ความอ่อนตัวในบริบทของการศึกษาหมายถึงสภาวะที่นักเรียนมีความเสี่ยงหรือความเปราะบางในการเผชิญกับสถานการณ์หรือความท้าทายต่างๆ ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ความอ่อนตัวนี้อาจแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น ความวิตกกังวล ความเครียด การขาดความมั่นใจในตนเอง หรือความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่

แนวคิดทางจิตวิทยาพัฒนาการระบุว่า วัยรุ่นตอนต้นหรือช่วงอายุ 12-14 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคมอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เด็กในวัยนี้มีความอ่อนตัวและต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ

ความอ่อนตัวของนักเรียนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ได้แก่ ความอ่อนตัวทางอารมณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ความอ่อนตัวทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น ความอ่อนตัวทางการเรียนรู้ ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการรับรู้และประมวลผลข้อมูล และความอ่อนตัวทางร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสุขภาพ

ทฤษฎีการพัฒนาของเอริกสัน ชี้ให้เห็นว่า วัยรุ่นตอนต้นกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์แห่งตัวตนเทียบกับความสับสน พวกเขากำลังค้นหาตัวตนและบทบาทของตนเองในสังคม ความไม่แน่นอนในช่วงนี้ทำให้เกิดความอ่อนตัวและความต้องการการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่เข้าใจ

นอกจากนี้ ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ยังอธิบายได้ว่า นักเรียนที่มีความอ่อนตัวมักจะยังไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่น ความปลอดภัย ความรักและการยอมรับ หรือความนับถือตนเอง การขาดการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางจิตใจและความอ่อนตัวตามมา

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความอ่อนตัวของนักเรียนจึงต้องมองในมุมมองแบบองค์รวม ที่พิจารณาทั้งปัจจัยส่วนบุคคล ครอบครัว โรงเรียน และสังคม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางพัฒนาการที่เป็นธรรมชาติของวัย เพื่อให้สามารถให้การสนับสนุนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

บทที่ 2 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความหลากหลายและซับซ้อน สามารถจำแนกออกได้เป็นหลายกลุ่มใหญ่ ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยครอบครัว ปัจจัยโรงเรียน และปัจจัยสังคม แต่ละปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลที่แตกต่างกันและมักจะมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในการสร้างความอ่อนตัวให้กับนักเรียน

ปัจจัยส่วนบุคคลเป็นปัจจัยแรกที่มีผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียน ประกอบด้วยลักษณะทางบุคลิกภาพ ความสามารถในการเรียนรู้ สุขภาพกายและสุขภาพจิต และประสบการณ์ส่วนตัวในอดีต นักเรียนที่มีบุคลิกภาพแบบเก็บตัว ขาดความมั่นใจ หรือมีแนวโน้มกังวลสูง มักจะมีความอ่อนตัวมากกว่านักเรียนที่มีบุคลิกภาพเปิดเผยและมีความมั่นใจในตนเอง

ความสามารถทางการเรียนรู้ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ นักเรียนที่มีความยากลำบากในการเรียนรู้ ความสามารถทางวิชาการต่ำ หรือมีปัญหาในการจดจำและเข้าใจเนื้อหา มักจะรู้สึกผิดหวังและเกิดความอ่อนตัวในการเผชิญกับความท้าทายทางการเรียน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในวัยรุ่นตอนต้น เช่น การเจริญเติบโตทางเพศ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ยังส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของนักเรียนด้วย

ปัจจัยครอบครัวมีอิทธิพลอย่างมากต่อความอ่อนตัวของนักเรียน สภาพแวดล้อมในครอบครัวที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่ การหย่าร้าง ความยากจนในครอบครัว หรือการขาดความอบอุ่นและการสนับสนุนจากผู้ปกครอง ล้วนส่งผลให้นักเรียนเกิดความไม่มั่นคงทางจิตใจและมีความอ่อนตัวสูง

รูปแบบการเลี้ยงดูของผู้ปกครองก็มีผลไม่น้อย ผู้ปกครองที่เข้มงวดเกินไป หรือตรงกันข้ามที่ปล่อยปละละเลย การคาดหวังที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปจากผู้ปกครอง การเปรียบเทียบกับพี่น้องหรือเด็กคนอื่น และการขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้นักเรียนเกิดความอ่อนตัว

ด้านสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัวก็มีผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียน ครอบครัวที่มีรายได้น้อย อาจไม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกได้อย่างเต็มที่ เด็กอาจต้องช่วยงานครอบครัวหรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลต่อสมาธิและผลการเรียน

ปัจจัยโรงเรียนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ไม่เหมาะสม เช่น ห้องเรียนที่แออัด อุปกรณ์การเรียนการสอนไม่เพียงพอ หรือบรรยากาศการเรียนที่เครียด อาจทำให้นักเรียนรู้สึกไม่สบายใจและเกิดความอ่อนตัว

ความสัมพันธ์กับครูก็มีความสำคัญมาก ครูที่ขาดความเข้าใจในวัยรุ่น ใช้วิธีการสอนที่ไม่เหมาะสม หรือมีทัศนคติเชิงลบต่อนักเรียนบางคน อาจทำให้นักเรียนรู้สึกท้อแท้และเกิดความอ่อนตัว ตรงกันข้าม ครูที่ให้การสนับสนุนและเข้าใจนักเรียน จะช่วยลดความอ่อนตัวและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียนได้

ระบบการประเมินผลที่เน้นการแข่งขันมากเกินไป การจัดอันดับนักเรียน และการให้ความสำคัญกับคะแนนสอบมากเกินจำเป็น ก็เป็นปัจจัยที่สร้างความเครียดและความอ่อนตัวให้กับนักเรียน นักเรียนที่ได้คะแนนไม่ดีหรือถูกจัดอยู่ในอันดับท้าย มักจะรู้สึกแย่กับตนเองและเกิดความอ่อนตัวตามมา

ความสัมพันธ์กับเพื่อนในโรงเรียนก็มีผลไม่น้อย การถูกรังแก การไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน หรือการมีปัญหาในการสร้างมิตรภาพ ล้วนทำให้นักเรียนรู้สึกโดดเดี่ยวและเกิดความอ่อนตัว โดยเฉพาะในยุคสมัยที่สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทมากขึ้น การถูกแยกออกจากกลุ่มในโลกออนไลน์ก็ส่งผลต่อความรู้สึกของนักเรียนด้วย

ปัจจัยสังคมและสื่อก็มีอิทธิพลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างระหว่างคุณค่าแบบดั้งเดิมกับคุณค่าสมัยใหม่ และแรงกดดันจากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอมาตรฐานความสำเร็จหรือความสุขในรูปแบบต่างๆ ล้วนส่งผลต่อจิตใจของนักเรียนวัยรุ่น

การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่มากเกินไปผ่านอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีเนื้อหาเชิงลบหรือความรุนแรง อาจทำให้นักเรียนเกิดความวิตกกังวลและความไม่มั่นคงทางจิตใจ นอกจากนี้ การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกด้อยและความอ่อนตัว

บทที่ 3 วิธีการวิจัยและการดำเนินการศึกษา

การวิจัยเรื่องการศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้ดำเนินการโดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน ซึ่งประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและลึกซึ้งเกี่ยวกับปรากฏการณ์ความอ่อนตัวของนักเรียนกลุ่มนี้

การเลือกกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน โดยเริ่มจากการสุ่มเลือกโรงเรียนจำนวน 10 แห่ง จากโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ประกอบด้วยโรงเรียนรัฐบาล 6 แห่ง และโรงเรียนเอกชน 4 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมความหลากหลายของสภาพแวดล้อมการศึกษาและสถานภาพทางเศรษฐกิจสังคม

จากโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว จึงทำการสุ่มเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย รวมทั้งสิ้น 500 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 250 คน และเพศหญิง 250 คน อายุระหว่าง 12-14 ปี การกระจายของกลุ่มตัวอย่างคำนึงถึงความแตกต่างทางภูมิหลัง เช่น สถานภาพทางเศรษฐกิจสังคมของครอบครัว ผลการเรียนในระดับประถมศึกษา และลักษณะของโรงเรียน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยอิงจากทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แบบสอบถามแบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลัก ได้แก่ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ความอ่อนตัวทางอารมณ์ ความอ่อนตัวทางสังคม ความอ่อนตัวทางการเรียนรู้ และความอ่อนตัวทางร่างกาย แต่ละส่วนมีข้อคำถามที่ใช้มาตรวัดแบบลิเคิร์ต 5 ระดับ

แบบสอบถามได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ประกอบด้วยนักจิตวิทยาการศึกษา ครูแนะแนว และนักวิชาการด้านการศึกษา การทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถามดำเนินการกับนักเรียนกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 50 คน ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.89 ซึ่งถือว่ามีความเชื่อมั่นในระดับสูง

นอกจากแบบสอบถามแล้ว ยังได้ใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึกกับนักเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมจำนวน 50 คน ครูประจำชั้นจำนวน 20 คน และผู้ปกครองจำนวน 30 ราย เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงคุณภาพที่สามารถอธิบายและขยายความเข้าใจเกี่ยวกับผลการวิจัยเชิงปริมาณ

การศึกษาความอ่อนตัวของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษา โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม

ในการเขียนบทความและงานวิจัยเกี่ยวกับ “การศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม” เราจะเน้นที่การสำรวจความอ่อนตัว (Flexibility) ของนักเรียน ซึ่งเป็นทักษะทางกายภาพที่สำคัญต่อการเติบโตและการเรียนรู้ในด้านพละศึกษา การศึกษานี้อาจมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมและช่วยให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะทางกายภาพได้ดีขึ้น

ความสำคัญของความอ่อนตัวในวัยรุ่นและการพัฒนาในโรงเรียน

  • เนื้อหา อธิบายถึงความสำคัญของความอ่อนตัวในวัยรุ่น โดยเน้นถึงความสำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บและการพัฒนาทักษะทางกายภาพ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดระดับความอ่อนตัวในวัยมัธยมศึกษาตอนต้นจะถูกกล่าวถึง รวมถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายและการยืดเหยียดที่เหมาะสม
  • วัตถุประสงค์ สร้างความตระหนักให้ผู้ปกครอง ครู และนักเรียนเข้าใจถึงบทบาทของความอ่อนตัวต่อสุขภาพของนักเรียน

ปัจจัยที่มีผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

  • เนื้อหา บทความนี้จะวิเคราะห์ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อความอ่อนตัว เช่น เพศ อายุ โภชนาการ และการออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเน้นการศึกษาเชิงสถิติในกลุ่มนักเรียนโรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม เพื่อดูว่าปัจจัยใดที่มีผลต่อระดับความอ่อนตัวมากที่สุด
  • วัตถุประสงค์ เพื่อให้เห็นถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความอ่อนตัวและพัฒนาการของนักเรียน

เทคนิคการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอ่อนตัวในวัยรุ่น

  • เนื้อหา นำเสนอเทคนิคและวิธีการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความอ่อนตัว เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การทำโยคะ และการออกกำลังกายแบบพิลาทีส นอกจากนี้ยังแนะนำโปรแกรมที่สามารถนำไปใช้ในชั้นเรียนพละศึกษาหรือการฝึกฝนส่วนตัวของนักเรียน
  • วัตถุประสงค์ เพื่อแนะนำแนวทางการฝึกฝนที่เหมาะสมสำหรับนักเรียน เพื่อพัฒนาความอ่อนตัวและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ

การสำรวจระดับความอ่อนตัวของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม

  • วัตถุประสงค์ วัดระดับความอ่อนตัวในกลุ่มนักเรียนระดับชั้น ม.1 และวิเคราะห์ผลโดยการแยกตามเพศและพฤติกรรมการออกกำลังกาย
  • วิธีการวิจัย ใช้วิธีการวัดการยืดเหยียดและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมาน

ปัจจัยที่มีผลต่อความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

  • วัตถุประสงค์ ศึกษาปัจจัยด้านเพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และโภชนาการ ที่อาจมีผลต่อความอ่อนตัว
  • วิธีการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติถดถอยและการสัมภาษณ์นักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง

ผลของการออกกำลังกายแบบยืดเหยียดต่อความอ่อนตัวในนักเรียน

  • วัตถุประสงค์ ทดสอบผลของการฝึกยืดเหยียดต่อความอ่อนตัวของนักเรียน โดยใช้โปรแกรมการฝึกที่เหมาะสม
  • วิธีการวิจัย การออกแบบทดลองโดยแบ่งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง

โปรแกรมการพัฒนาความอ่อนตัวสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1

  • วัตถุประสงค์ สร้างโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความอ่อนตัวในนักเรียนชั้น ม.1 และประเมินผลจากการใช้โปรแกรมนี้
  • วิธีการวิจัย การออกแบบโปรแกรมฝึกยืดเหยียดและประเมินผลก่อนและหลังการฝึก

ผลของการฝึกโยคะต่อความอ่อนตัวและสุขภาพจิตของนักเรียน

  • วัตถุประสงค์ สำรวจผลของการฝึกโยคะต่อความอ่อนตัวและสุขภาพจิตของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1
  • วิธีการวิจัย การประเมินความอ่อนตัวก่อนและหลังการฝึกโยคะเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์

งานวิจัยเหล่านี้จะช่วยสร้างความเข้าใจในแง่มุมต่างๆ ของความอ่อนตัวที่มีผลต่อนักเรียนระดับมัธยม

ขอบคุณแหล่งที่มา : นายวิวัชชัย  ปัญญา

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

เป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ขอแนะนำไฟล์ งานวิจัย 5 บท เรื่องการศึกษาระดับความอ่อนตัวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่

ขอบคุณแหล่งที่มา : นายวิวัชชัย  ปัญญา

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด