สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง พืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ จัดทำโดย อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง พืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ จัดทำโดย อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ บทบาทสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตมนุษย์
พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสมดุลของสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งในพื้นที่เหล่านี้มีพืชหลากหลายชนิดที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำไม่เพียงแต่ให้ความงดงามตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ช่วยในการกรองน้ำ ป้องกันการกัดเซาะของดิน และเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด
ความสำคัญของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ
ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก พื้นที่เหล่านี้รวมถึงหนองน้ำ บึง ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร และพื้นที่ชายฝั่งทะเล ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด โดยเฉพาะพืชที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก
พื้นที่ชุ่มน้ำมีความสำคัญต่อมนุษย์ในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการควบคุมน้ำท่วม การกรองน้ำให้บริสุทธิ์ การเป็นแหล่งอาหาร และการเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ ช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแหล่งศึกษาวิจัยที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
ประเภทของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำ
พืชใต้น้ำ (Submerged Plants)
พืชใต้น้ำเป็นกลุ่มพืชที่อาศัยอยู่ใต้ผิวน้ำตลอดเวลา หรือเกือบตลอดเวลา พืชประเภทนี้มีการปรับตัวพิเศษเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนจำกัด ใบของพืชเหล่านี้มักจะบาง ยืดหยุ่น และมีผิวที่ช่วยในการดูดซับสารอาหารจากน้ำโดยตรง
พืชใต้น้ำที่พบมากในประเทศไทย เช่น หญ้าใต้น้ำหรือที่รู้จักกันในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hydrilla verticillata ซึ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญในการเป็นแหล่งออกซิเจนในแหล่งน้ำ นอกจากนี้ยังมี Vallisneria spiralis หรือหญ้าเกลียวน้ำ ที่มีใบยาวคล้ายริบบิ้นและสามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำที่มีความลึกปานกลาง
พืชลอยน้ำ (Floating Plants)
พืชลอยน้ำเป็นกลุ่มพืชที่มีส่วนใหญ่ของลำต้นและใบอยู่บนผิวน้ำ โดยมีรากแขวนลงไปในน้ำเพื่อดูดซับสารอาหาร พืชประเภทนี้มีการปรับตัวพิเศษในเรื่องของโครงสร้างที่ช่วยให้ลอยน้ำได้ เช่น การมีช่องอากาศในเนื้อเยื่อ หรือการมีใบที่หนาและเต็มไปด้วยอากาศ
บัวหรือ Nymphaea lotus เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของพืชลอยน้ำ ที่มีดอกสวยงามและใบกลมใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ นอกจากนี้ยังมีผักตบชวาหรือ Eichhornia crassipes ที่แม้จะถือเป็นวัชพืชในบางพื้นที่ แต่ก็มีประโยชน์ในการกรองน้ำเสียและเป็นแหล่งอาหารสำหรับสัตว์น้ำ
พืชขอบน้ำ (Emergent Plants)
พืชขอบน้ำเป็นกลุ่มพืชที่มีรากอยู่ใต้น้ำหรือในดินที่มีน้ำขัง แต่ส่วนใหญ่ของลำต้นและใบจะอยู่เหนือผิวน้ำ พืชประเภทนี้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบนิเวศทางน้ำและทางบก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
กกหรือ Cyperus papyrus เป็นพืชขอบน้ำที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยใช้ในการทำกระดาษในอดีต ในประเทศไทยพบกกหลายชนิด เช่น กกป่า กกน้อย ที่ใช้ทำเสื่อและของใช้ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีต้นอ้อหรือ Phragmites australis ที่เป็นพืชสำคัญในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเป็นแหล่งวัตถุดิบในการทำหลังคา
การปรับตัวของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำ
การปรับตัวทางสัณฐานวิทยา
พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำมีการปรับตัวทางสัณฐานวิทยาที่น่าสนใจ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำเป็นหลัก การปรับตัวที่สำคัญคือการมีเนื้อเยื่ออากาศหรือ Aerenchyma ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีช่องว่างมากมายเพื่อการเก็บอากาศและการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของพืช
รากของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำมักจะมีลักษณะพิเศษ เช่น การมีรากอากาศหรือ Pneumatophores ที่ยื่นขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อช่วยในการหายใจ หรือการมีรากแขวนที่ช่วยในการเก็บอากาศและการดูดซับสารอาหาร ใบของพืชเหล่านี้ก็มีการปรับตัว เช่น การมีใบที่เป็นแผ่นบางเพื่อลดการต้านทานของน้ำ หรือการมีขนาดใบที่แตกต่างกันตามความลึกของน้ำ
การปรับตัวทางสรีรวิทยา
การปรับตัวทางสรีรวิทยาของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและน่าสนใจ พืชเหล่านี้ต้องรับมือกับปัญหาการขาดออกซิเจน การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอื่นๆ การปรับตัวที่สำคัญคือการมีระบบการหายใจแบบไร้ออกซิเจนหรือ Anaerobic Respiration ที่สามารถทำงานได้เมื่อออกซิเจนมีจำกัด
นอกจากนี้พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำยังมีการปรับตัวในการจัดการกับสารพิษต่างๆ ที่อาจปะปนมากับน้ำ เช่น การมีเอนไซม์พิเศษที่ช่วยในการย่อยสลายสารพิษ หรือการมีความสามารถในการสะสมและขจัดโลหะหนักออกจากน้ำ ซึ่งทำให้พืชเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูคุณภาพน้ำ
บทบาทของพืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ
การกรองน้ำและปรับปรุงคุณภาพน้ำ
พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำทำหน้าที่เป็นตัวกรองน้ำตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง รากและลำต้นของพืชเหล่านี้สามารถดักจับและกรองอนุภาคแขวนลอยต่างๆ ออกจากน้ำได้ นอกจากนี้พืชยังสามารถดูดซับสารอาหารส่วนเกิน เช่น ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ที่อาจทำให้เกิดการเจริญเติบโตของสาหร่ายมากเกินไป
กระบวนการฟอโตซินเทซิสของพืชในน้ำช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำต่างๆ ในขณะเดียวกัน พืชเหล่านี้ยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำ ช่วยรักษาสมดุลของ pH ในแหล่งน้ำ การที่พืชสามารถดูดซับและสะสมโลหะหนักและสารปนเปื้อนอื่นๆ ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำกลายเป็นระบบบำบัดน้ำเสียตามธรรมชาติ
การป้องกันการกัดเซาะและควบคุมตะกอน
รากของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวดินและตะกอน ป้องกันการกัดเซาะจากกระแสน้ำและคลื่น การที่พืชเหล่านี้ขึ้นอยู่ในแนวชายฝั่งจึงช่วยรักษาเสถียรภาพของชายฝั่งและป้องกันการสูญเสียดิน ในช่วงที่มีน้ำท่วมหรือน้ำไหลเชี่ยว พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำช่วยชะลอการไหลของน้ำ ทำให้ตะกอนและอนุภาคต่างๆ ตกตะกอนลงสู่พื้นดิน
การที่พืชสามารถชะลอกระแสน้ำยังช่วยลดพลังทำลายของน้ำท่วมและคลื่นพายุ ซึ่งเป็นการป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่และชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้การตกตะกอนของสารอาหารต่างๆ ยังช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ ทำให้พืชชนิดอื่นๆ สามารถเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
การเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์
พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นแหล่งอาหารสำคัญสำหรับสัตว์หลายชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก ปลา และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เมล็ดและผลของพืชเหล่านี้เป็นอาหารหลักของนกน้ำหลายชนิด ในขณะที่ใบและลำต้นเป็นอาหารของสัตว์กินพืชต่างๆ เช่น ควาย วัวป่า และแมวน้ำ
โครงสร้างที่ซับซ้อนของพืชในพื้นที่ชุ่มน้ำสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลายสำหรับสัตว์ต่างๆ ทั้งการเป็นที่หลบซ่อนจากผู้ล่า การเป็นที่วางไข่และเลี้ยงลูก และการเป็นจุดแวะพักสำหรับสัตว์อพยพ พืชเหล่านี้ยังสร้างสภาพแวดล้อมแบบไมโครคลัยเมต ที่มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ขนาดเล็กหลายชนิด
พืชพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญในประเทศไทย
บัวและบัวหลวง
บัวเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่สำคัญและเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบบัวหลายชนิด ทั้งบัวแดง บัวขาว และบัวสายพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ บัวมีความสำคัญทั้งในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และระบบนิเวศ ดอกบัวใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ใบบัวใช้ในการห่ออาหาร และเหง้าบัวเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
การเพาะปลูกบัวในประเทศไทยมีมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีบึงและหนองน้ำขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก บัวไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศในแหล่งน้ำ โดยการให้ร่มเงาสำหรับสัตว์น้ำและการดูดซับสารอาหารส่วนเกิน
ผักบุ้งน้ำ
ผักบุ้งน้ำหรือ Ipomoea aquatica เป็นพืชผักที่สำคัญในอาหารไทยและมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วประเทศ ผักชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็วและมีความต้องการน้ำสูง จึงเหมาะสมกับการปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือใกล้แหล่งน้ำ ผักบุ้งน้ำมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน เอ ซี และเหล็ก
การปลูกผักบุ้งน้ำไม่เพียงแต่เป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร แต่ยังช่วยในการปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วย เนื่องจากผักบุ้งสามารถดูดซับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสที่ปะปนในน้ำได้ดี ทำให้เป็นพืชที่เหมาะสมในระบบเกษตรแบบผสมผสานหรือการเลี้ยงปลาร่วมกับการปลูกผัก
กกและต้นอ้อ
กกเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของไทยมาอย่างยาวนาน ใช้ในการทำเสื่อ กระเป๋า หมวก และเครื่องใช้ต่างๆ กกสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีน้ำขังและสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งต่อปี การปลูกกกจึงเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง สงขลา และนราธิวาส
ต้นอ้อหรือไผ่น้ำเป็นพืชที่สำคัญในการป้องกันการกัดเซาะของดิน โดยเฉพาะในบริเวณชายฝั่งทะเลและริมแม่น้ำ รากของต้นอ้อสามารถยึดเหนี่ยวดินได้ดี และลำต้นสามารถทนต่อกระแสลมและคลื่นได้ นอกจากนี้ต้นอ้อยังใช้ในการทำหลังคา ฝาผนัง และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
โบราณคดีของป่าพรุ
พื้นที่ป่าพรุเป็นระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำประเภทหนึ่งที่มีพืชพันธุ์เฉพาะ เช่น ตาลโตนด มะค่าแดง และไผ่พรุ ป่าพรุมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน เนื่องจากดินในป่าพรุมีสารอินทรีย์สะสมอยู่มากและสามารถกักเก็บคาร์บอนได้เป็นเวลานาน การทำลายป่าพรุจึงส่งผลให้มีการปล่อยคาร์บอนในปริมาณมากสู่บรรยากาศ
ในป่าพรุยังพบพืชที่หายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น หม่อนป่า กระดังป่า และไผ่ป่าหลายสายพันธุ์ การอนุรักษ์ป่าพรุจึงไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังช่วยในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย ป่าพรุที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ ป่าพรุโต๊ะแดง ป่าพรุหนองขี้เหล็ก และป่าพรุสิรินธร
การใช้ประโยชน์จากพืชพื้นที่ชุ่มน้ำ
การใช้เป็นอาหารและยา
พืชในพื้นที่ชุ่มน้ำหลายชนิดสามารถใช้เป็นอาหารได้ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ผักบุ้งน้ำ ใบบัว ผักกระเฉด ผักแว่น และผักตบชวาหน่อ การบริโภคพืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ แต่ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น
คำชี้แจง ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง พืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ
แบบทดสอบหลังเรียน- หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พืชในระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ
แบบทดสอบนี้เป็นแบบทดสอบหลังเรียนมีจำนวน 10 ข้อ มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความรู้ของผู้เรียนหลังเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ในบทเรียนออนไลน์ เมื่อทำแบบทดสอบหลังเรียนแล้วหากได้รับคะแนนตั้งแต่ร้อยละ 60 ขึ้นไป(ตอบถูกตั้งแต่ 6 ข้อ ขึ้นไป) ท่านจะได้รับเกียรติบัตรออนไลน์จัดส่งในอีเมล์ที่ท่านแจ้งไว้
หากไม่ได้รับเกียรติบัตรภายใน 48 ชั่วโมง หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ yuiyui.wannaporn@waghor.page
หมายเหตุ
1. ระบบเต็มหรือจำกัดจำนวนต่อวัน แนะนำให้ทำช่วงเช้า
2. ใส่อีเมล์ผิดต้องใช้ gmail เท่านั้น
3. คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. ต้องใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์ อาจนานถึง 1วัน
5. อาจอยู่ในเมล์ขยะ
6. บางเพจจำกัด gmail และให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางเกียรติบัตรไม่ส่งทางอีเมล์ต้องดาวโหลดจากเว็บไซต์
ตัวอย่างเกียรติบัตร
