สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประกอบการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานและประกอบการพิจารณา เลื่อนเงินเดือน ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประกอบการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานและประกอบการพิจารณา เลื่อนเงินเดือน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประกอบการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานและประกอบการพิจารณา เลื่อนเงินเดือน ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
เผยแพร่ รายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประกอบการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานและประกอบการพิจารณา เลื่อนเงินเดือน ครั้งที่ 1 (1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2566) โดย คุณครูศิริพร ปิตุภูมิสวัสดิ์

รายงานผลการปฏิบัติงานข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและเลื่อนเงินเดือนครั้งที่ 1
การประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสายงานการสอนเป็นกระบวนการสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย การจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงาน แต่ยังเป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนและความก้าวหน้าในสายอาชีพครูอีกด้วย
สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการประเมินครั้งที่ 1 ของปีการศึกษา การเข้าใจถึงองค์ประกอบต่างๆ ของการประเมินจะช่วยให้การจัดเตรียมเอกสารและหลักฐานการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความสำคัญและวัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาไทย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาคุณภาพของการเรียนการสอนและการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การประเมินนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้าราชการครูได้ทบทวนและปรับปรุงการปฏิบัติงานของตนเอง รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจเรื่องการเลื่อนเงินเดือนและความก้าวหน้าในสายงาน
วัตถุประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสะท้อนผลการทำงานและการวางแผนการปรับปรุงงานในอนาคต การประเมินยังช่วยให้หน่วยงานต้นสังกัดสามารถระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของบุคลากร เพื่อนำไปสู่การวางแผนการพัฒนาบุคลากรที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
หลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
การประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาดำเนินการตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่ทางราชการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2562 เป็นกรอบหลักที่ใช้ในการดำเนินการประเมิน โดยได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับลักษณะงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ
ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้การประเมินผลการปฏิบัติงานต้องอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ การประเมินจะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้จริง รวมถึงต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการอุทธรณ์สำหรับผู้ที่ได้รับการประเมิน นอกจากนี้ยังต้องมีการนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาบุคลากรและการตัดสินใจด้านการบริหารงานบุคคลอย่างเป็นระบบ
หลักเกณฑ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือการกำหนดให้มีการประเมินอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จะเป็นการประเมินระหว่างปี เพื่อให้ข้อมูลป้อนกลับสำหรับการปรับปรุงและพัฒนางาน ส่วนครั้งที่ 2 เป็นการประเมินประจำปี ที่จะนำผลไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนและความก้าวหน้าในสายงาน
องค์ประกอบของการประเมิน 4 ด้านหลัก
การประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสายงานการสอนมีการแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ซึ่งแต่ละด้านมีความสำคัญและน้ำหนักการประเมินที่แตกต่างกัน การเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้ครูสามารถเตรียมตัวและจัดเตรียมหลักฐานการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านที่ 1 คือ ด้านผลสัมฤทธิ์ของงาน ซึ่งมีน้ำหนักคะแนน 70% เป็นด้านที่มีความสำคัญสูงสุดในการประเมิน เนื่องจากเป็นการวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติงานของครู ในด้านนี้จะพิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายตามตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ คุณภาพของผลงาน และความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
ด้านที่ 2 คือ ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ มีน้ำหนักคะแนน 30% ซึ่งเป็นการประเมินลักษณะและพฤติกรรมในการทำงานของครู รวมถึงการมีคุณธรรม จริยธรรม การทำงานเป็นทีม การให้บริการ และการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ ด้านนี้แม้จะมีน้ำหนักน้อยกว่าด้านผลสัมฤทธิ์ของงาน แต่ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน เนื่องจากเป็นการสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและจิตวิญญาณของการเป็นครู
ด้านที่ 3 และ 4 เป็นด้านเสริมที่อาจมีการกำหนดเพิ่มเติมตามนโยบายของแต่ละหน่วยงาน เช่น ด้านการพัฒนาตนเองและด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษา ซึ่งช่วยให้การประเมินมีความครอบคลุมและสะท้อนถึงการปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน
ด้านผลสัมฤทธิ์ของงาน การวัดและประเมินผล
ด้านผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการประเมินผลการปฏิบัติงานของครู เนื่องจากเป็นการวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการสอน การจัดการเรียนการสอน และการดูแลนักเรียน ในด้านนี้จะมีการกำหนดตัวชี้วัดที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถประเมินผลงานของครูได้อย่างครอบคลุมและยุติธรรม
ตัวชี้วัดหลักในด้านผลสัมฤทธิ์ของงานจะประกอบไปด้วย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน การพัฒนาหลักสูตรและแผนการเรียนรู้ การใช้สื่อและเทคโนโลยีการศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย การประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน และการส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก ครูจะต้องจัดเตรียมหลักฐานและข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในแต่ละตัวชี้วัดเหล่านี้
การวัดผลสัมฤทธิ์ของงานจะใช้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพร่วมกัน ข้อมูลเชิงปริมาณอาจรวมถึงคะแนนสอบของนักเรียน อัตราการผ่านการประเมิน จำนวนกิจกรรมที่จัดขึ้น และสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพจะรวมถึงการสังเกตการสอน ผลงานสร้างสรรค์ของนักเรียน การพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา และความคิดเห็นจากผู้ปกครองและเพื่อนร่วมงาน
การจัดเตรียมหลักฐานสำหรับด้านผลสัมฤทธิ์ของงานต้องมีการวางแผนและเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบตลอดปีการศึกษา ครูควรจัดทำแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ที่ประกอบด้วยหลักฐานต่างๆ เช่น แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอนที่พัฒนาขึ้น ผลงานของนักเรียน ภาพถ่ายกิจกรรม และเอกสารประกอบการสอนที่แสดงถึงการปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพ
ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ความเป็นมืออาชีพ
ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติราชการเป็นส่วนที่ประเมินความเป็นมืออาชีพและจิตวิญญาณของการเป็นครู แม้ว่าจะมีน้ำหนักคะแนนเพียง 30% แต่ก็มีความสำคัญสูงเนื่องจากเป็นการสะท้อนถึงคุณภาพของครูในฐานะต้นแบบของสังคม การประเมินในด้านนี้จะพิจารณาจากพฤติกรรมและการกระทำต่างๆ ที่แสดงออกในการปฏิบัติงานประจำวัน
องค์ประกอบหลักของพฤติกรรมการปฏิบัติราชการประกอบด้วย ด้านคุณธรรมและจริยธรรม การมีจิตสำนึกที่ดี ความซื่อสัตย์สุจริต การเป็นแบบอย่างที่ดี การปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล และการดำรงตนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ครูจะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีคุณธรรมจริยธรรมที่เหมาะสมกับการเป็นผู้ให้การศึกษา
ด้านการทำงานเป็นทีมและการให้บริการเป็นอีกส่วนสำคัญของการประเมิน ครูต้องสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ปกครอง และชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทัศนคติเชิงบวกต่อการให้บริการทางการศึกษา และแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือและสนับสนunการเรียนรู้ของนักเรียนเหนือกว่าภาระงานปกติ
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการมีวินัยในตนเองเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ ครูต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการและสถานศึกษา มาปฏิบัติงานตรงเวลา แต่งกายเหมาะสม และดำเนินชีวิตในลักษณะที่เหมาะสมกับสถานภาพของครู การมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องก็เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินในด้านนี้
การจัดทำเป้าหมายการปฏิบัติงานรายบุคคล
การจัดทำเป้าหมายการปฏิบัติงานรายบุคคลเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงาน เป้าหมายเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์ในการประเมินว่าครูสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จตามที่คาดหวังหรือไม่ การกำหนดเป้าหมายที่ดีจะต้องมีลักษณะที่วัดผลได้ (Measurable) สามารถบรรลุได้ (Achievable) เกี่ยวข้องกับงาน (Relevant) และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน (Time-bound)
ในการจัดทำเป้าหมายการปฏิบัติงาน ครูจะต้องทำงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาเพื่อกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับนโยบายของสถานศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ เป้าหมายเหล่านี้ควรครอบคลุมทั้งด้านการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร การใช้เทคโนโลยี การส่งเสริมการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษา
ตัวอย่างเป้าหมายที่ดีสำหรับครูในสายงานการสอนอาจรวมถึง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีที่แล้ว การจัดทำสื่อการสอนดิจิทัลอย่างน้อย 10 ชิ้นในรอบปีการศึกษา การเข้าร่วมอบรมพัฒนาตนเองอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อปี หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับนักเรียนอย่างน้อยเดือนละ 1 กิจกรรม
การติดตามและปรับปรุงเป้าหมายเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนี้ ครูต้องมีการทบทวนความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ และมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมเป้าหมายตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การมีระบบการติดตามที่ดีจะช่วยให้ครูสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลาที่กำหนด
ขั้นตอนการประเมินและการจัดเตรียมเอกสาร
กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูมีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนแรกคือการประเมินตนเอง ซึ่งครูจะต้องทำการประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเองตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยการรวบรวมหลักฐานและข้อมูลที่สนับสนุนการประเมินในแต่ละด้าน
การจัดเตรียมเอกสารสำหรับการประเมินต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เอกสารหลักที่ต้องจัดเตรียมประกอบด้วย แบบประเมินการปฏิบัติงาน รายงานผลการปฏิบัติงาน หลักฐานการปฏิบัติงานในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอน ผลงานของนักเรียน ภาพถ่ายกิจกรรม และเอกสารประกอบอื่นๆ ที่แสดงถึงคุณภาพของการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนต่อมาคือการประเมินโดยผู้บังคับบัญชา ซึ่งจะพิจารณาจากเอกสารที่ครูจัดเตรียม การสังเกตการปฏิบัติงาน การสัมภาษณ์ และข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาจะให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานในอนาคต
การจัดทำรายงานสรุปผลการประเมินเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญ รายงานนี้จะประกอบด้วยผลการประเมินในแต่ละด้าน ระดับคะแนนที่ได้รับ จุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา และแผนการพัฒนาสำหรับรอบการประเมินต่อไป ทั้งครูและผู้บังคับบัญชาต้องลงนามรับทราบผลการประเมินและแผนการพัฒนาที่กำหนดขึ้น
ตัวอย่างไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เพื่อประกอบการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานและประกอบการพิจารณา เลื่อนเงินเดือน ครั้งที่ 1 (1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2566)


