สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการจัดทำ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
เผยแพร่ผลงานวิชาการ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน โดยคุณครูจุฑาทิพ กาญจนประดิษฐ์

การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนด้วย PDCA NONGPANTAO Model กระบวนการบริหารคุณภาพแบบองค์รวมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตชาวบ้าน
ในยุคที่การพัฒนาชุมชนกลายเป็นประเด็นสำคัญของสังคมไทย การนำแนวคิดการบริหารคุณภาพมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนได้กลายเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชนไทย กลายเป็น NONGPANTAO Model ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการชุมชนที่มีความเป็นเลิศและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง
NONGPANTAO Model เป็นกระบวนการที่ถูกพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์การทำงานกับชุมชนในหลายพื้นที่ โดยมีการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นแบบจำลองที่มีความเหมาะสมกับสังคมไทยและสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้จริง
ความหมายและหลักการของ NONGPANTAO Model สามารถอธิบายได้จากคำย่อที่มีความหมายลึกซึ้ง โดย N หมายถึง Network การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ O หมายถึง Organize การจัดองค์กร N หมายถึง Nurture การบ่มเพาะ G หมายถึง Generate การสร้างสรรค์ P หมายถึง Plan การวางแผน A หมายถึง Action การปฏิบัติ N หมายถึง Navigate การนำทาง T หมายถึง Transform การเปลี่ยนแปลง A หมายถึง Assess การประเมิน และ O หมายถึง Optimize การปรับปรุงให้ดีที่สุด
การประยุกต์ใช้ PDCA ในบริบทของชุมชนไทยนั้นต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของสังคมไทยที่มีความสัมพันธ์แบบครอบครัวใหญ่ มีการเคารพผู้ใหญ่ และมีประเพณีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ดังนั้นการนำ PDCA มาใช้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในชุมชน
ขั้นตอน Plan ในรูปแบบ NONGPANTAO Model จะเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่าย (Network) ระหว่างสมาชิกในชุมชน โดยการจัดการประชุมแบบเปิดที่ทุกคนสามารถมาร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี การวางแผนจะไม่ใช่การกำหนดเป้าหมายจากบนลงล่าง แต่จะเป็นการระดมความคิดเห็นจากฐานรากชุมชน เพื่อให้ได้แผนงานที่สอดคล้องกับความต้องการจริงของชุมชน
การจัดองค์กร (Organize) ในขั้นตอนการวางแผนจะเน้นไปที่การจัดโครงสร้างการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยให้ทุกคนมีบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน และมีการกระจายอำนาจการตัดสินใจไปยังระดับต่างๆ ในชุมชน เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน
การบ่มเพาะ (Nurture) ความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาชุมชนเป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนการวางแผน โดยจะมีการจัดอบรมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสมาชิกในชุมชน รวมถึงการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชน
การสร้างสรรค์ (Generate) แนวคิดใหม่ๆ สำหรับการพัฒนาชุมชนจะเกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับความรู้สมัยใหม่ โดยจะมีการจัดเวทีระดมความคิด การจัดประกวดแนวคิดสร้างสรรค์ และการสนับสนุนให้เยาวชนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ
ขั้นตอน Do หรือการปฏิบัติ (Action) ใน NONGPANTAO Model จะมีลักษณะเป็นการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วม โดยทุกคนในชุมชนจะมีบทบาทในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ การปฏิบัติจะไม่เน้นความรวดเร็ว แต่จะเน้นความมั่นคงและการเรียนรู้ไปพร้อมกับการทำ
การนำทาง (Navigate) ในระหว่างการดำเนินงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้การดำเนินงานอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องและสามารถปรับตัวได้เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรค การนำทางจะอาศัยภูมิปัญญาของผู้นำชุมชนและการประสานงานระหว่างสมาชิกในชุมชน
การเปลี่ยนแปลง (Transform) ที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินงานจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน โดยสมาชิกในชุมชนจะได้รับการพัฒนาความรู้ ทักษะ และทัศนคติใหม่ๆ ส่วนชุมชนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการจัดการ และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ขั้นตอน Check หรือการประเมิน (Assess) ใน NONGPANTAO Model จะมีลักษณะเป็นการประเมินแบบมีส่วนร่วม โดยจะมีการใช้เครื่องมือการประเมินที่หลากหลาย ทั้งการประเมินเชิงปริมาณและการประเมินเชิงคุณภาพ การประเมินจะไม่ใช่การตัดสินแบบขาวดำ แต่จะเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
การประเมินผลจะครอบคลุมทั้งผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น รายได้ที่เพิ่มขึ้น สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ และผลลัพธ์ที่เป็นนามธรรม เช่น ความสามัคคีในชุมชน ความภาคภูมิใจในตนเอง การมีส่วนร่วมของประชาชน และความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชน
การใช้ตัวชี้วัดในการประเมินผลจะต้องเป็นตัวชี้วัดที่ชุมชนสามารถเข้าใจและดำเนินการได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ตัวชี้วัดจะต้องสะท้อนความก้าวหน้าของชุมชนในมิติต่างๆ และสามารถใช้เป็นข้อมูลสำหรับการปรับปรุงการทำงานในอนาคต
ขั้นตอน Act หรือการปรับปรุงให้ดีที่สุด (Optimize) จะเป็นขั้นตอนที่นำผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น การปรับปรุงจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่จะเป็นการปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา
การปรับปรุงจะเริ่มจากการนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ร่วมกันในชุมชน เพื่อหาสาเหตุของปัญหาและอุปสรรค จากนั้นจะร่วมกันหาแนวทางแก้ไข โดยให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนเป็นหลัก และการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด
การสร้างความยั่งยืนในการปรับปรุงจะอาศัยการสร้างระบบการเรียนรู้ในชุมชน โดยมีการจัดทำเอกสารบันทึกประสบการณ์ การจัดเก็บข้อมูลสำคัญ การสร้างคู่มือการปฏิบัติงาน และการถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ความรู้และประสบการณ์ไม่สูญหายไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือสมาชิกในชุมชน
ผลลัพธ์ที่เป็นเลิศจากการใช้ NONGPANTAO Model ในการพัฒนาชุมชน สามารถเห็นได้จากหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในด้านเศรษฐกิจ ชุมชนที่ใช้แบบจำลองนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างเครือข่ายการตลาดที่เข้มแข็ง
ในด้านสังคม ชุมชนจะมีความเข้มแข็งทางสังคมมากขึ้น โดยมีการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหาร่วมกัน และการดูแลซึ่งกันและกัน ความขัดแย้งในชุมชนจะลดลง และเกิดความร่วมมือที่มากขึ้น ระบบการศึกษาในชุมชนจะมีคุณภาพดีขึ้น และมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ในด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชนจะมีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ การใช้พลังงานทดแทน และการสร้างระบบนิเวศที่สมดุล ทำให้ชุมชนมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ NONGPANTAO Model ประสบความสำเร็จ คือการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในชุมชน ผู้นำเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง แต่ต้องเป็นผู้ที่มีใจรักชุมชน เข้าใจปัญหาและความต้องการของคนในชุมชน และมีความสามารถในการประสานงานระหว่างคนในชุมชนกับหน่วยงานภายนอก
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนกับหน่วยงานต่างๆ เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคเอกชน เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านงบประมาณ เทคโนโลยี และความรู้ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา
การสร้างระบบข้อมูลและการเรียนรู้ในชุมชนเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จ โดยจะต้องมีการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากร ปัญหา ความต้องการ และผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการวางแผน ติดตาม และประเมินผลการทำงาน
การพัฒนาทักษะและความรู้ของสมาชิกในชุมชนเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีความสำคัญมาก โดยจะต้องมีการจัดอบรมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้จะไม่จำกัดเพียงความรู้ทางเทคนิค แต่รวมถึงทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา และการคิดเชิงระบบ
ความท้าทายในการนำ NONGPANTAO Model ไปใช้ในชุมชนต่างๆ มีหลายประการ ท้าทายแรกคือความแตกต่างของบริบทในแต่ละชุมชน ทำให้ไม่สามารถใช้แบบจำลองเดียวกันได้ในทุกพื้นที่ จึงต้องมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน
ความท้าทายที่สองคือการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสมาชิกในชุมชน โดยเฉพาะในชุมชนที่มีความหลากหลายทางความคิดหรือมีความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ การสร้างความเข้าใจร่วมและการหาจุดร่วมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
ความท้าทายที่สามคือการสร้างความยั่งยุนในการดำเนินงาน เพราะการพัฒนาชุมชนเป็นงานระยะยาวที่ต้องการความอดทนและความมุ่งมั่น หากไม่มีระบบการสนับสนุนที่ดี การดำเนินงานอาจสะดุดหรือหยุดชะงักได้
แนวทางการแก้ไขความท้าทายเหล่านี้ ประการแรกคือการสร้างทีมงานหลักที่มีความเข้มแข็งและมีความรู้ความสามารถในการปรับแต่งแบบจำลองให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละชุมชน ทีมงานนี้จะต้องมีทั้งคนในชุมชนและผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก
ประการที่สองคือการสร้างกระบวนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย มีการจัดกิจกรรมที่สร้างความเข้าใจและความสนุกสนาน เพื่อให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
ประการที่สามคือการสร้างระบบสนับสนุนที่ครอบคลุม ทั้งการสนับสนุนด้านงบประมาณ เทคโนโลยี ความรู้ และการสร้างเครือข่าย เพื่อให้ชุมชนสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
การขยายผลการใช้ NONGPANTAO Model ไปยังชุมชนอื่นๆ จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน ด้านแรกคือการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างชุมชน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ชุมชนที่ประสบความสำเร็จจะเป็นต้นแบบและให้คำปรึกษาแก่ชุมชนอื่นๆ
ด้านที่สองคือการพัฒนาเครื่องมือและคู่มือการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐาน แต่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับบริบทต่างๆ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้การนำแบบจำลองไปใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด
ด้านที่สามคือการสร้างระบบการติดตามและประเมินผลที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างชุมชนต่างๆ และเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวของแต่ละชุมชน
รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน
นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน เรื่อง “การพัฒนาสื่อและการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)เพื่อส่งเสริมทักษะนาฏศิลป์ไทย ด้านการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อใช้แก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอน ซึ่งแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมยังไม่ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เท่าที่ควร เนื่องมาจากบริบทของสิ่งแวดล้อมและการเข้าถึงสื่อและเทคโนโลยีของผู้เรียนค่อนข้างไม่ครอบคลุม ดังนั้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะนาฏศิลป์ที่ดีขึ้น ครูผู้สอนจึงใช้วิธีการประยุกต์จากเทคโนโลยีมาประกอบการสอนโดยการพัฒนาสื่อและเผยแพร่ลงในสื่อออนไลน์ ตลอดจนนักเรียนสามารถฝึกฝนได้เต็มที่นอกเหนือจากที่เรียนในเวลาเรียน ซึ่งทำให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้าของตนเอง ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนฝึกฝนทักษะได้ทุกเวลาจากเทคโนโลยีซึ่งทำให้กิจกรรมน่าสนใจมากยิ่งขึ้นและได้นำเสนอเป็น Best Practice ซึ่งได้ผ่านการดำเนินงานตามลำดับ ขั้นตอนจนประสบความสำเร็จและสามารถเผยแพร่ต่อผู้เกี่ยวข้องได้
ความสำคัญ/ความเป็นมาของผลงาน
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติเป็นการจัดการเรียนรู้ที่สามารถตอบสนองต่อการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจำเป็นที่จะต้องลดบทบาทของผู้สอน แต่เพิ่มบทบาทของผู้เรียนให้มากยิ่งขึ้น เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือทำและได้คิดในสิ่งที่ทำลงไปเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ตรงให้เกิดขึ้น แก่ผู้เรียน โดยผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูด้วยการลงมือทำกิจกรรมร่วมกันทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนจากนั้นก็สร้างองค์ความรู้ขึ้นจากสิ่งที่ได้ลงมือทำนั้นผ่านการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การอภิปรายและการสะท้อนคิดเพื่อสร้างความหมายกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ (พิมพ์พรลภัส ลักษณะวิเชียร ,2562)
กิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชานาฎศิลป์ ที่โดนกระแสนิยมและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ส่งผลให้ความสำคัญและเนื้อหาของรายวิชาถูกลดบทบาทลงไป ผู้เสนอผลงานจึงมีแนวคิดในการออกแบบนวัตกรรม พัฒนาสื่อและการจัดการเรียนรู้ Active Learning เพื่อส่งเสริมทักษะนาฏศิลป์ไทย จึงใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกหรือ Active Learning เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจเนื้อหาและเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว (ถนอมพร ตันพิพัฒน์) เลาหจรัสแสง, 2541:52-56)
จากความสำคัญและแนวทางการพัฒนาสมรรถนะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ครูผู้สอนจึงได้มีการกำหนดแนวทางการพัฒนาผู้เรียนตามกรอบแนวความคิดการจัดการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้น Child Centered Learning ด้วยรูปแบบการพัฒนาสื่อและการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะนาฏศิลป์ไทยภายใต้กรอบการบริหารจัดการ ตามรูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มาครอบคลุมกระบวนการการทำงาน มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนเป็นหลัก (Active Learning)ส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ GPAS 5 Steps เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่มีแนวทางที่สามารถตอบโจทย์ของการจัดการศึกษาเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในการก้าวเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 21 ได้เป็นอย่างดี(ผศ.อลิสา เลี้ยงรื่นรมย์, 2564)
ตัวอย่างไฟล์ รายงานผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) รูปแบบกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ PDCA NONGPANTAO Model โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน

