สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง วันสารทไทย ทำแบบทดสอบ ผ่าน 75 % รับเกียรติบัตรทาง e-mail จัดทำโดย ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง วันสารทไทย ทำแบบทดสอบ ผ่าน 75 % รับเกียรติบัตรทาง e-mail จัดทำโดย ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง วันสารทไทย

วันสารทไทย ประเพณีแห่งความกตัญญูกตเวทิตาที่สืบทอดมาแต่โบราณ

วันสารทไทยถือเป็นหนึ่งในประเพณีที่สำคัญและมีคุณค่าทางจิตใจอย่างยิ่งของชาวไทยที่สืบทอดกันมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี ประเพณีนี้เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อบรรพบุรุษและผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัว ชุมชน และสายสัมพันธ์ระหว่างโลกของคนเป็นและโลกของผู้ที่จากไปแล้วในความเชื่อของชาวไทย

ในทุกปีชาวไทยจะรอคอยวันสารทด้วยความตั้งใจและความเคารพ เพราะเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผ่านการทำบุญ การให้ทาน และการส่วดมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ประเพณีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังคุณค่าของความกตัญญูและความเคารพต่อผู้ใหญ่ให้กับคนรุ่นใหม่อีกด้วย

ประวัติศาสตร์และที่มาของวันสารทไทย

วันสารทไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สามารถสืบค้นไปได้ถึงสมัยอยุธยา เมื่อพุทธศาสนาเข้ามามีบทบาทสำคัญในวิถีชีวิตของชาวไทย คำว่า “สารท” มาจากคำบาลีว่า “สัทธา” ซึ่งแปลว่า ความศ รัทธา ความเชื่อ หรือความไว้วางใจ ซึ่งในที่นี้หมายถึงความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาและความเชื่อในเรื่องของกรรมและการอุทิศส่วนกุศล

ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระมหากษัตริย์และประชาชนจะร่วมกันทำบุญในช่วงเดือนสิบหรือเดือน ๑๐ ตามปฏิทินไทยโบราณ ซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝนที่กำลังจะสิ้นสุด การทำบุญในช่วงนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นการล้างชำระบาปกรรมและเสริมสร้างบุญกุศลให้กับตนเองและครอบครัว

ในสมัยรัตนโกสินทร์ประเพณีวันสารทได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นประเพณีประจำชาติอย่างเป็นทางการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงมีพระราชดำริให้จัดงานสารทใหญ่ขึ้นเป็นประจำทุกปี และทรงเป็นตัวอย่างในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่พระบรมบรรพบุรุษ

ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ประเพณีสารทได้รับการปรับปรุงและจัดระเบียบให้เป็นแบบแผนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีการกำหนดวันสารทเป็นวันหยุดราชการอย่างเป็นทางการ และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีกรรมตามความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละคน

ในปัจจุบันวันสารทไทยตรงกับวันที่ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ตามปฏิทินจันทรคติ หรือประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี วันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่รัฐบาลไทยกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสทำบุญและร่วมพิธีกรรมทางศาสนาตามประเพณีของไทย

ความหมายและความสำคัญของวันสารท

วันสารทมีความหมายที่ลึกซึ้งและครอบคลุมทั้งด้านจิตใจ สังคม และวัฒนธรรม ในแง่ของจิตใจ วันสารทเป็นโอกาสที่คนเราจะได้หันมาระลึกถึงคุณความดีของบรรพบุรุษ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณที่ได้ล่วงลับไปแล้ว การระลึกถึงและการแสดงความกตัญญูนี้จะช่วยให้จิตใจของเราเกิดความอบอุ่น ความสงบ และความมั่นคงทางจิตใจ

ในด้านสังคม วันสารทเป็นประเพณีที่ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีในครอบครัวและชุมชน เพราะเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะพากันกลับมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม เพื่อร่วมทำบุญและแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษร่วมกัน การรวมตัวกันนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเป็นการถ่ายทอดประเพณีไปสู่คนรุ่นใหม่

ในทางวัฒนธรรม วันสารทเป็นหนึ่งในประเพณีที่สำคัญที่สุดของไทยที่ได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ประเพณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย การมีเมตตากรุณา และความสำคัญของการทำความดี ซึ่งเป็นคุณค่าพื้นฐานที่สำคัญของสังคมไทย

ความสำคัญของวันสารทยังครอบคลุมถึงการศึกษาและการเรียนรู้ เพราะเป็นโอกาสที่คนรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของครอบครัว เรื่องราวของบรรพบุรุษ และคุณค่าต่างๆ ที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ การเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้วจะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจถึงรากเหง้าของตนเองและเกิดความภาคภูมิใจในสายเลือดของตนเอง

นอกจากนี้วันสารทยังมีความสำคัญในด้านการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เพราะเป็นการสอนให้คนเราได้รู้จักความกตัญญูกตเวทิตา รู้จักการให้และการแบ่งปัน รู้จักการนึกถึงผู้อื่น และรู้จักการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คุณธรรมเหล่านี้จะช่วยให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความอบอุ่นและเอื้ออาทรต่อกัน

พิธีกรรมและขั้นตอนการทำบุญสารท

พิธีกรรมสารทมีขั้นตอนที่หลากหลายและแต่ละท้องถิ่นอาจมีวิธีการที่แตกต่างกันบ้างตามประเพณีท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนหลักที่คล้ายคลึงกัน การเตรียมตัวสำหรับวันสารทจะเริ่มต้นหลายวันก่อนถึงวันสารทจริง โดยสมาชิกครอบครัวจะช่วยกันเตรียมอาหาร ขนมไทย และสิ่งของต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในพิธีกรรม

ขั้นตอนแรกคือการเตรียมอาหารและขนมไทยพื้นบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่บรรพบุรุษชอบทานหรือเป็นอาหารประจำถิ่นที่มีความหมายพิเศษ เช่น ข้าวต้ม ข้าวเหนียวมูน ขนมถ้วย ขนมชั้น ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด และขนมไทยโบราณอื่นๆ การเตรียมอาหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำอาหารไทยอีกด้วย

ขั้นตอนที่สองคือการเตรียมสถานที่สำหรับทำพิธี ครอบครัวจะจัดเตรียมโต๊ะหรือพื้นที่สำหรับวางอาหารและสิ่งของที่จะใช้ในพิธี บางครอบครัวจะจัดตั้งแท่นบูชาหรือโต๊ะหมู่บูชาไว้ในบ้าน และประดับด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และสิ่งของที่เป็นที่รักของผู้ล่วงลับ เช่น รูปถ่าย หรือของใช้ส่วนตัวที่มีความหมาย

ขั้นตอนที่สามคือการไปวัดเพื่อทำบุญ ในเช้าวันสารทครอบครัวจะพากันไปวัดเพื่อทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ และฟังเทศน์ การทำบุญที่วัดนี้เป็นการสร้างบุญกุศลและอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ เพื่อให้พวกเขาได้รับความสุขความเจริญในสถานที่ที่พวกเขาไปเกิด

ขั้นตอนที่สี่คือการทำพิธีที่บ้าน หลังจากกลับจากวัดแล้ว ครอบครัวจะมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อทำพิธีอุทิศส่วนกุศล โดยจะนำอาหารและขนมที่เตรียมไว้มาวางบนโต๊ะหมู่บูชา จุดธูปเทียน และร่วมกันสวดมนต์หอมข้าวหอมแกงเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษและผู้ล่วงลับ

ในช่วงของพิธีกรรมนี้จะมีการเล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษให้คนรุ่นใหม่ฟัง การแบ่งปันความทรงจำที่ดีๆ และการถ่ายทอดคำสอนหรือคุณค่าที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ นี่เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความหมายที่ช่วยเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ขั้นตอนสุดท้ายคือการแบ่งปันอาหาร หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ครอบครัวจะร่วมกันรับประทานอาหารที่เตรียมไว้ และมักจะมีการแบ่งปันอาหารให้แก่เพื่อนบ้านและผู้ที่ขัดสนด้วย การแบ่งปันนี้เป็นการต่อยอดบุญกุศลและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน

ขนมไทยประเพณีในวันสารท

ขนมไทยถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในพิธีกรรมสารท เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพและความรักที่มีต่อบรรพบุรุษ ขนมแต่ละชนิดที่ใช้ในงานสารทมีความหมายและเรื่องราวที่แตกต่างกันไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษไทยที่สามารถถ่ายทอดความหมายและความรู้สึกผ่านอาหารและขนม

ข้าวเหนียวมูนเป็นขนมไทยโบราณที่นิยมทำในงานสารท ทำจากข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วคลุกกับกะทิและน้ำตาล จากนั้นนำไปห่อด้วยใบตอง ความหมายของข้าวเหนียวมูนคือความแน่นแฟ้นและความยึดติดของครอบครัว เหมือนเม็ดข้าวเหนียวที่ติดแน่นเป็นก้อน สีขาวของข้าวเหนียวมูนยังสื่อถึงความบริสุทธิ์และความจริงใจในการแสดงความกตัญญู

ขนมถ้วยเป็นอีกหนึ่งขนมที่ขาดไม่ได้ในงานสารท ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับกะทิและน้ำตาลปี๊บ นึ่งในถ้วยใบตองจนสุก ขนมถ้วยมีสีน้ำตาลอ่อนและมีกลิ่นหอมหวานของกะทิและใบตอง ความหมายของขนมถ้วยคือความอุดมสมบูรณ์และความเป็นสิริมงคล เพราะรูปร่างกลมของขนมถ้วยเปรียบเหมือนเหรียญทองที่จะนำความมั่งคั่งมาให้

ขนมชั้นเป็นขนมไทยที่มีลักษณะเป็นชั้นๆ หลายสี ทำจากแป้งสาลีผสมกับน้ำกะทิ ไข่ และน้ำตาล แล้วนำไปนึ่งทีละชั้น ขนมชั้นมีความหมายถึงความเจริญก้าวหน้าและการยกระดับชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนการก่อสร้างบ้านที่ต้องสร้างทีละชั้น สีสันที่หลากหลายของขนมชั้นยังสื่อถึงความสดใสและความหวังดีที่มีต่ออนาคต

ลูกชุบเป็นขนมไทยที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำกะทิ ปั้นเป็นลูกกลมเล็กๆ แล้วนำไปต้มในน้ำกะทิหวาน ลูกชุบมีความหมายถึงความครบครันและความสมบูรณ์ของครอบครัว เพราะลูกชุบหลายๆ ลูกจะอยู่รวมกันในชามเดียว เหมือนสมาชิกครอบครัวที่อยู่รวมกันอย่างสุขสันต์

ทองหยิบและทองหยอดเป็นขนมไทยที่มีสีทองสวยงาม ทำจากไข่ไก่ น้ำตาลปี๊บ และน้ำเชื่อม ขนมทั้งสองชนิดนี้มีความหมายถึงความมั่งคั่งและความเป็นสิริมงคล เพราะสีทองเป็นสีของความร่ำรวยและความเจริญรุ่งเรือง การนำขนมเหล่านี้ไปใช้ในพิธีสารทเป็นการอธิษฐานให้บรรพบุรุษและครอบครัวได้รับความเจริญรุ่งเรืองและความสุขสมบูรณ์

นอกจากขนมไทยโบราณเหล่านี้แล้ว ยังมีขนมพื้นบ้านของแต่ละภาคที่นิยมใช้ในงานสารท เช่น ขนมเทียนในภาคเหนือ ขนมกง ขนมต้ม ในภาคอีสาน ขนมปี่ป เทพนิมิต ในภาคใต้ ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีเรื่องราวและความหมายที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในแต่ละพื้นที่

ความแตกต่างของสารทในแต่ละภาคของไทย

ประเพณีสารทในประเทศไทยมีความหลากหลายตามภูมิภาคต่างๆ โดยแต่ละภาคจะมีลักษณะเฉพาะและวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่น ความหลากหลายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่ำรวยทางวัฒนธรรมของไทยและการปรับตัวของประเพณีให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่

ในภาคเหนือ ประเพณีสารทมีชื่อเรียกว่า “สาละ” หรือ “สาลากะ” ซึ่งมาจากภาษาล้านนา การทำสารทในภาคเหนือจะมีเอกลักษณ์เฉพาะคือการทำขนมเทียน ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับกะทิและน้ำตาลปี๊บ ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วนำไปนึ่งจนสุก ขนมเทียนจะมีสีขาวหรือสีครีม และมีกลิ่นหอมหวานของกะทิ

นอกจากขนมเทียนแล้ว ชาวล้านนายังนิยมทำ “ขนมจีนน้ำยาป่า” ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ และมีการจัดขบวนแห่ “ผ้าป่าอมตะ” ไปยังวัดต่างๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา การทำสารทในภาคเหนือมักจะมีการรวมตัวของชุมชนและมีกิจกรรมทางศาสนาที่เข้มข้น

ในภาคอีสาน ประเพณีสารทจะเรียกว่า “บุญเข้าพรรษา” หรือ “บุญสารท” ซึ่งมีความผูกพันกับความเชื่อเรื่องผีปู่ย่าตายาย และบรรพบุรุษอย่างลึกซึ้ง ชาวอีสานจะทำขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมกง ขนมต้ม ข้าวต้มมัด และจะมีการจัดตั้ง “โต๊ะหมู่บูชา” ไว้ที่บ้านเพื่อเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมารับประทานอาหาร

การทำสารทในภาคอีสานจะมีการร้องเพลงพื้นบ้าน การเล่าเรื่องของบรรพบุรุษ และการแสดงมหรสพพื้นบ้าน เช่น หมอลำ การแสดงชุมชนเหล่านี้จะช่วยให้บรรยากาศในงานสารทมีความสนุกสนานและเป็นการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมพื้นบ้านของอีสานอีกด้วย

ในภาคกลาง ประเพณีสารทจะมีความเป็นทางการและมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน เพราะได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมราชสำนักและเป็นศูนย์กลางของการปกครอง

คำชี้แจง ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง วันสารทไทย

วันสารทไทย

                เทศกาลทำบุญในวันสิ้นเดือน 10 โดยนำพืชพรรณธัญญาหารแรกเก็บเกี่ยวมาปรุงเป็นข้าวทิพย์ และข้าวมธุปายาสถวายพระสงฆ์ จะตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ซึ่งมักจะตกราว ๆ ปลายเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม และในปี พ.ศ.2566 ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม

**วัตถุประสงค์ของกิจกรรม  
1) เพื่อส่งเสริมการอ่าน และเสริมสร้างนิสัยรักการอ่าน
2) เพื่อเสริมสร้างความรู้ และร่วมสืบสานประเพณีไทย “วันสารทไทย”

**คำอธิบาย**
แบบทดสอบนี้มีทั้งหมด 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
ส่วนที่ 2 แบบทดสอบ วันสารทไทย จำนวน 15 ข้อ
ส่วนที่ 3 แบบประเมินความพึงพอใจ

*** ทำคะแนนได้ 75% ขึ้นไป ท่านจะได้รับเกียรติบัตรทางอีเมลที่แจ้งไว้ ***
(เช็กอีเมลทั้ง “inbox หรือถาดเข้า” และ “Junk mail หรือ จดหมายขยะ” )

จัดทำโดย  ห้องสมุดประชาชนอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หมายเหตุ

1. ระบบเต็มหรือจำกัดจำนวนต่อวัน แนะนำให้ทำช่วงเช้า
2. ใส่อีเมล์ผิดต้องใช้ gmail เท่านั้น
3. คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. ต้องใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์ อาจนานถึง 1วัน
5. อาจอยู่ในเมล์ขยะ
6. บางเพจจำกัด gmail และให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางเกียรติบัตรไม่ส่งทางอีเมล์ต้องดาวโหลดจากเว็บไซต์

ตัวอย่างเกียรติบัตร

ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ เรื่อง วันสารทไทย

ลิงก์สำหรับเข้าทำแบบทดสอบออนไลน์

ขอบคุณแหล่งที่มา : ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด