สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ กระดาษคำตอบ 40 ข้อ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการจัดทำกระดาษคำตอบ เพื่อใช้ในการสอบวัดผลให้กับนักเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ กระดาษคำตอบ 40 ข้อ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลดไฟล์ กระดาษคำตอบ 40 ข้อ โดยเพจ คลังความรู้ – แจกฟรี ไฟล์งานวิชาการ สื่อ แนวข้อสอบ

การใช้กระดาษคำตอบ 40 ข้อให้ได้คะแนนเต็ม สำหรับนักเรียนและผู้สอบทุกระดับ
การสอบเป็นส่วนสำคัญของระบบการศึกษาไทย และกระดาษคำตอบ 40 ข้อถือเป็นเครื่องมือหลักที่นักเรียนทุกคนต้องเผชิญตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงการศึกษาระดับสูง การเข้าใจและใช้กระดาษคำตอบอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้คะแนนสอบที่ดีและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ไม่จำเป็น
ความสำคัญของกระดาษคำตอบ 40 ข้อในระบบการศึกษาไทย
กระดาษคำตอบ 40 ข้อเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะในการสอบระดับชาติต่างๆ เช่น การสอบ O-NET การสอบ GAT/PAT และการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รูปแบบของกระดาษคำตอบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถตรวจให้คะแนนด้วยเครื่องอ่านแบบออปติคัล (Optical Mark Recognition) ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ความพิเศษของกระดาษคำตอบ 40 ข้อคือการจัดเรียงคำตอบที่มีระบบและเป็นมาตรฐาน โดยแต่ละข้อจะมีตัวเลือก 4-5 ตัวเลือก ซึ่งนักเรียนต้องระบายวงกลมให้เต็มและชัดเจน การใช้กระดาษคำตอบแบบนี้ช่วยลดเวลาในการตรวจข้อสอบและเพิ่มความแม่นยำในการให้คะแนน
ระบบการให้คะแนนด้วยเครื่องอ่านออปติคัลมีความละเอียดสูงมาก สามารถตรวจจับความเข้มของการระบายและความสมบูรณ์ของวงกลมได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นการเตรียมตัวเพื่อใช้กระดาษคำตอบให้เหมาะสมจึงเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้การเตรียมเนื้อหาวิชาการ
วิธีการระบายกระดาษคำตอบให้ถูกต้อง
การระบายกระดาษคำตอบ 40 ข้อให้ถูกต้องมีหลายขั้นตอนที่ต้องให้ความระมัดระวัง เริ่มต้นจากการเลือกใช้ดินสอ 2B หรือ HB ที่มีไส้ดินสอเข้มพอสมควร เพราะเครื่องอ่านจะต้องสามารถตรวจจับความเข้มของการระบายได้ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปากกาลูกลื่นหรือหมึกสีอื่นๆ เพราะอาจทำให้เครื่องอ่านไม่สามารถตรวจจับได้
ขั้นตอนการระบายที่ถูกต้องคือการระบายวงกลมให้เต็มและสม่ำเสมอ โดยไม่ให้มีส่วนที่ขาดหรือเกินออกมานอกวงกลม การระบายควรมีความหนาแน่นเพียงพอแต่ไม่มากเกินไปจนทำให้กระดาษฉีกขาด ควรระบายด้วยแรงกดที่สม่ำเสมอตลอดทั้งวงกลม เพื่อให้ความเข้มของสีเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการตรวจสอบการระบายให้ตรงกับเลขข้อที่ต้องการตอบ เพราะข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือการระบายผิดข้อ หรือข้ามข้อไป การนับข้อให้ถูกต้องและการตรวจสอบซ้ำก่อนส่งกระดาษคำตอบจึงเป็นขั้นตอนที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
ข้อผิดพลาดแรกที่พบบ่อยที่สุดคือการระบายไม่เต็มวงกลม หลายคนมักจะระบายเพียงแค่เครื่องหมายถูกหรือกากบาท หรือระบายเพียงส่วนหนึ่งของวงกลม ซึ่งทำให้เครื่องอ่านไม่สามารถตรวจจับได้ การแก้ไขคือต้องระบายให้เต็มทั้งวงกลมและมีความเข้มสม่ำเสมอ
ข้อผิดพลาดที่สองคือการระบายหลายคำตอบในข้อเดียว บางครั้งเมื่อไม่แน่ใจในคำตอบ นักเรียนอาจจะระบายหลายตัวเลือกในหวังว่าจะได้คำตอบที่ถูก แต่การกระทำนี้จะทำให้ได้คะแนนเป็นศูนย์ในข้อนั้น เพราะเครื่องอ่านจะถือว่าเป็นการตอบผิด การแก้ไขคือต้องเลือกคำตอบเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละข้อ และหากต้องการเปลี่ยนคำตอบ ต้องลบให้สะอาดก่อนระบายใหม่
ข้อผิดพลาดที่สามคือการลบไม่สะอาด เมื่อต้องการเปลี่ยนคำตอบ การลบที่ไม่สะอาดจะทิ้งร่องรอยของการระบายเก่าไว้ ซึ่งอาจทำให้เครื่องอ่านตรวจจับได้และถือเป็นการระบายหลายคำตอบ การใช้ยางลบที่มีคุณภาพดีและการลบอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งจำเป็น
การเขียนหรือขีดเขียนบนกระดาษคำตอบนอกเหนือจากการระบายวงกลมก็เป็นข้อผิดพลาดที่สำคัญ เครื่องอ่านอาจตรวจจับเครื่องหมายเหล่านี้และประมวลผลผิดพลาด ดังนั้นกระดาษคำตอบควรสะอาดและมีเพียงการระบายวงกลมเท่านั้น
เทคนิคการจัดการเวลาเมื่อใช้กระดาษคำตอบ
การจัดการเวลาเมื่อใช้กระดาษคำตอบ 40 ข้อต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เริ่มต้นจากการวางแผนเวลาก่อนเริ่มสอบ หากมีข้อสอบ 40 ข้อและเวลา 90 นาที ควรแบ่งเวลาให้กับแต่ละข้อประมาณ 2 นาที โดยเหลือเวลา 10 นาทีสุดท้ายไว้สำหรับการตรวจสอบและระบายคำตอบ
เทคนิคที่มีประสิทธิภาพคือการอ่านข้อสอบและจดจำคำตอบไว้ในใจก่อน แล้วค่อยมาระบายกระดาษคำตอบทีเดียวทุกข้อ วิธีนี้จะช่วยลดเวลาที่เสียไปในการสลับไปมาระหว่างการอ่านข้อสอบและการระบายคำตอบ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความจำดีและมั่นใจในคำตอบของตนเอง
สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจในความจำ ควรระบายคำตอบไปทีละข้อพร้อมกับการอ่านข้อสอบ แต่ให้ความระมัดระวังในการนับข้อให้ถูกต้อง การใช้นิ้วชี้หรือปากกาชี้ข้อที่กำลังทำจะช่วยลดความผิดพลาดในการข้ามข้อหรือระบายผิดข้อ
การเก็บเวลาสำหรับการตรวจสอบก็เป็นสิ่งสำคัญ ในช่วงเวลาสุดท้าย ควรตรวจสอบว่าทุกข้อได้ระบายคำตอบแล้ว ไม่มีข้อที่ข้ามไป และการระบายมีความเหมาะสมตามมาตรฐาน การใช้เวลานี้อย่างมีประสิทธิภาพอาจทำให้คะแนนดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
การเลือกเครื่องเขียนที่เหมาะสม
การเลือกเครื่องเขียนสำหรับใช้กับกระดาษคำตอบ 40 ข้อมีความสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิด ดินสอที่เหมาะสมที่สุดคือดินสอ 2B เพราะมีความเข้มพอเหมาะที่เครื่องอ่านสามารถตรวจจับได้ชัดเจน แต่ไม่เข้มเกินไปจนทำให้ยากต่อการลบ ดินสอ HB ก็สามารถใช้ได้ แต่อาจต้องกดแรงกว่าเล็กน้อย
ยางลบเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรเลือกยางลบที่นุ่มและสามารถลบให้สะอาดโดยไม่ทำให้กระดาษขาดหรือเป็นรอย ยางลบแบบขาวหรือสีชมพูมักจะมีคุณภาพดีกว่ายางลบสีอื่นๆ และควรหลีกเลี่ยงยางลบที่แข็งหรือเก่าเกินไป
การเตรียมดินสอสำรอง 2-3 แท่งเป็นสิ่งที่แนะนำ เพราะหากดินสอหักหรือทื่อระหว่างการสอบ จะได้ไม่เสียเวลาไปกับการเหลาดินสอ ดินสอควรเหลาให้มีความคมพอเหมาะ ไม่แหลมเกินไปจนง่ายต่อการหัก และไม่ทื่อเกินไปจนการระบายไม่ชัดเจน
การใช้เครื่องเหลาดินสอแบบพกพาก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องเลือกแบบที่มีที่รองฝุ่นเพื่อไม่ให้เกิดความสกปรกบนโต๊ะสอบ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการเหลาดินสอระหว่างการสอบเพราะจะเสียเวลาและสร้างเสียงรบกวน
การรับมือกับความเครียดระหว่างการสอบ
ความเครียดระหว่างการสอบสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้กระดาษคำตอบได้อย่างมาก เมื่อเครียด มืออาจสั่นทำให้การระบายไม่แม่นยำ หรืออาจทำให้สมาธิกระจัดกระจายและเกิดข้อผิดพลาดในการนับข้อ การเตรียมจิตใจและการมีเทคนิคการผ่อนคลายจึงมีความสำคัญ
เทคนิคการหายใจลึกๆ เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ระหว่างการสอบ การหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ ปล่อยออกจะช่วยลดความเครียดและทำให้จิตใจสงบลง การทำเช่นนี้สักครู่ก่อนเริ่มระบายกระดาษคำตอบจะช่วยให้มือมั่นคงและการระบายแม่นยำขึ้น
การมีทัศนคติเชิงบวกต่อการสอบก็เป็นสิ่งสำคัญ การมองการสอบเป็นโอกาสในการแสดงความรู้ความสามารถมากกว่าการมองเป็นภาระหรือสิ่งที่น่ากลัว จะช่วยลดความกดดันและทำให้สามารถใช้ความสามารถได้เต็มที่ การเตรียมตัวอย่างเพียงพอก็จะสร้างความมั่นใจและลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นระหว่างการสอบ เช่น ระบายผิดข้อหรือลืมระบายข้อใดข้อหนึ่ง ไม่ควรตื่นตระหนกแต่ควรใช้เวลาในการแก้ไขอย่างสงบและระมัดระวัง การรีบร้อนมักทำให้เกิดข้อผิดพลาดเพิ่มเติม
เทคนิคการตรวจสอบกระดาษคำตอบ
การตรวจสอบกระดาษคำตอบก่อนส่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่มีความสำคัญมาก ควรเริ่มจากการตรวจสอบว่าทุกข้อได้ระบายคำตอบแล้วหรือไม่ โดยการนับจำนวนข้อที่ระบายไปแล้วให้ตรงกับจำนวนข้อทั้งหมด การข้ามข้อโดยไม่ระบายคำตอบเป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการตรวจสอบ
ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบคุณภาพของการระบายแต่ละข้อ ดูว่าการระบายมีความเต็มและเข้มพอสมควรหรือไม่ หากพบการระบายที่ไม่สมบูรณ์ ควรระบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น แต่ให้ระวังไม่ให้ระบายหนักเกินไปจนกระดาษขาด
การตรวจสอบความสะอาดของกระดาษคำตอบก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ต้องแน่ใจว่าไม่มีเครื่องหมายหรือการขีดเขียนอื่นๆ นอกจากการระบายวงกลมคำตอบ หากมียางลบหรือฝุ่นติดอยู่บนกระดาษ ควรเป่าออกให้หมดก่อนส่งกระดาษคำตอบ
การตรวจสอบการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องแน่ใจว่าชื่อ รหัสประจำตัว และข้อมูลอื่นๆ ถูกกรอกอย่างครบถ้วนและชัดเจน เพราะหากข้อมูลเหล่านี้ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน อาจทำให้ผลการสอบไม่สามารถนำไปใช้ได้
กลยุทธ์การเดาคำตอบอย่างชาญฉลาด
แม้ว่าการเดาคำตอบไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบคำตอบแน่ชัด การมีกลยุทธ์การเดาที่ดีสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนได้ ข้อแรกที่ควรทำคือการขจัดตัวเลือกที่เป็นไปไม่ได้ออกไปก่อน หากสามารถขจัดได้ 1-2 ตัวเลือก โอกาสในการเดาถูกจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การใช้หลักเหตุผลในการเดาก็เป็นสิ่งที่ดี เช่น หากเป็นข้อสอบวิทยาศาสตร์ ตัวเลือกที่มีคำว่า “เสมอ” หรือ “ไม่เคย” มักจะเป็นคำตอบที่ผิด เพราะในธรรมชาติแทบไม่มีสิ่งใดที่เป็นจริงเสมอหรือไม่เป็นจริงเลย ตัวเลือกที่มีคำว่า “บางครั้ง” หรือ “โดยทั่วไป” มักจะมีโอกาสถูกมากกว่า
การสังเกตรูปแบบของคำตอบที่ถูกก่อนหน้านี้ก็อาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่ควรใช้เป็นกลยุทธ์หลัก เพราะการสอบที่ดีควรมีการกระจายคำตอบอย่างสุ่ม อย่างไรก็ตาม หากสังเกตเห็นว่าไม่เคยเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งเลย อาจพิจารณาเลือกตัวเลือกนั้นในข้อที่ไม่แน่ใจ
สิ่งสำคัญที่สุดในการเดาคำตอบคือการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและไม่เปลี่ยนใจบ่อยเกินไป สัญชาตญาณแรกมักจะถูกกว่าการคิดซ้ำคิดซาก หากได้ระบายคำตอบแล้ว ไม่ควรเปลี่ยนแปลงเว้นแต่จะมั่นใจแน่นอนว่าคำตอบใหม่ถูกกว่า
การปรับปรุงทักษะการใช้กระดาษคำตอบ
การพัฒนาทักษะการใช้กระดาษคำตอบ 40 ข้อต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การซื้อกระดาษคำตอบจำลองมาฝึกใช้ที่บ้านเป็นวิธีที่ดีในการทำความคุ้นเคย ควรฝึกการระบายให้เต็มวงกลมและมีความเร็วในการระบายที่เหมาะสม
การจับเวลาตัวเองระหว่างการฝึกจะช่วยพัฒนาความเร็วในการใช้กระดาษคำตอบ ควรตั้งเป้าหมายให้สามารถระบายคำตอบได้ข้อละ 10-15 วินาที รวมถึงการเปลี่ยนจากข้อหนึ่งไปยังข้ออีกข้อหนึ่ง ความเร็วนี้จะช่วยให้มีเวลาเหลือสำหรับการคิดตอบข้อสอบมากขึ้น
การฝึกการลบและระบายใหม่ก็เป็นทักษะที่จำเป็น ควรฝึกการลบให้สะอาดและรวดเร็ว โดยไม่ทำให้กระดาษขาดหรือเป็นรอย การมีเทคนิคการลบที่ดีจะช่วยให้สามารถแก้ไขคำตอบได้อย่างมั่นใจเมื่อจำเป็น
การศึกษาจากข้อผิดพลาดที่เคยทำก็เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ควรบันทึกข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นและหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก การเรียนรู้จากประสบการณ์จะทำให้การใช้กระดาษคำตอบมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อควรระวังพิเศษสำหรับการสอบสำคัญ
สำหรับการสอบสำคัญเช่น O-NET GAT/PAT หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มีข้อควรระวังพิเศษที่แตกต่างจากการสอบทั่วไป ข้อแรคือการตรวจสอบกระดาษคำตอบให้แน่ใจว่าเป็นแบบที่ถูกต้องสำหรับวิชาที่สอบ เพราะบางครั้งอาจมีกระดาษคำตอบหลายแบบในการสอบครั้งเดียว
การใช้เวลาในการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการสอบระดับชาติมักจะมีรายละเอียดมากมายที่ต้องกรอก เช่น รหัสนักเรียน ชื่อโรงเรียน รหัสห้องสอบ เป็นต้น
สำหรับรูปแบบของข้อสอบนั้น เราสามารถแบ่งประเภทของข้อสอบได้หลายลักษณะ แต่ถ้าแบ่งตามลักษณะของการทำข้อสอบแล้ว เราสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
ข้อสอบแบบอัตนัย (subjective)
คือข้อสอบที่เน้นให้ผู้สอบ เขียนคำตอบตอบออกมาเป็นความเรียงโดยเสรีตามทักษะภาษาและความคิดเห็นของแต่ละคน ซึ่งในการออกข้อสอบแบบอัตนัยนั้น มีหลักการหรือเทคนิคในการดำเนินการดังนี้
1. เขียนคำถามและคำชี้แจงเกี่ยวกับการทำข้อสอบ เช่น ลักษณะการตอบคำถาม เวลาที่ใช้ และคะแนนของคำถามให้ชัดเจน
2. ควรใช้ข้อสอบแบบอัตนัยในการวัดเกี่ยวกับการอภิปรายข้อวิจารณ์หรือการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรใช้วัดเรื่องของความรู้ความจำ
3. ในการออกข้อสอบอัตนัย ควรตั้งคำถามที่กระชับ รัดกุม ไม่คลุมเครือ
4. การออกข้อสอบอัตนัย ควรพุ่งประเด็นไปที่จุดสำคัญของเรื่องที่ต้องการวัดที่วางไว้ในการวิเคราะห์หลักสูตร
5. ไม่ควรออกข้อสอบให้มากข้อ ควรกำหนดจำนวนข้อสอบให้สัมพันธ์กับเวลา เพราะต้องเผื่อเวลาให้ผู้สอบวิเคราะห์และเขียนคำตอบ
6. ไม่ควรกำหนดข้อสอบให้มีหลายข้อแล้วให้ผู้สอบเลือกตอบเป็นบางข้อ เพราะแต่ละข้อนั้นมีความยากง่ายไม่เท่ากัน จะส่งผลให้การวัดไม่มีประสิทธิภาพ
7. ในตรวจข้อสอบ ผู้ตรวจต้องมีชุดคำตอบที่กำหนดไว้ เพื่อเปรียบเทียบกับคำตอบของผู้สอบ
8. ผู้ตรวจต้องตรวจด้วยใจที่เป็นกลาง และควรมีคนตรวจมากกว่าหนึ่งคน เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
ข้อสอบแบบปรนัย (objective)
เป็นลักษณะของข้อสอบแบบถามตอบที่มีการกำหนดตัวเลือกคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้ว ผู้สอบมีหน้าที่ในการเลือกคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งมีหลายลักษณะ ตามแนวทางในการทำข้อสอบ คือ
– แบบถูก-ผิด (true- false) คือลักษณะข้อสอบปรนัยที่มีแค่สองตัวเลือก โดยเน้นให้ผู้สอบพิจารณ์ข้อคำถามแล้วให้คำตอบว่า ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่
– แบบเติมคำ (completion) คือลักษณะข้อสอบปรนัยที่เน้นให้ผู้สอบเขียนตอบสั้นๆ ในส่วนที่เว้นว่างไว้ในข้อสอบ
– แบบจับคู่(matching) คือลักษณะของข้อสอบปรนัยที่ให้เลือกคำตอบจากชุดคำตอบที่กำหนด ไปใส่ในข้อคำถามที่ถูกต้อง
– แบบเลือกตอบ (multiple choice) คือลักษณะของข้อสอบปรนัยที่มีคำถามและตัวเลือกคำตอบให้ 3-5 ข้อ แล้วให้ผู้สอบเลือกคำตอบที่ถูกต้องจากตัวเลือกที่กำหนด
ซึ่งหลักการและเทคนิคในการออกข้อสอบแบบปรนัยนั้น สามารถสรุปโดยรวมคร่าวๆดังนี้
1. การออกข้อสอบปรนัยต้องระบุคำชี้แจงในการทำข้อสอบให้ชัดเจน ถึงวิธีการทำ เวลาที่ใช้ และคะแนนที่ได้ในแต่ละข้อ
2. ใช้คำถามที่สั้นกระชับไม่ใช้คำฟุ้มเฟือย ไม่คลุมเครือ
3. ควรมีตัวเลือกคำตอบหรือให้ตอบคำถามที่ถูกต้องตายตัวแน่นอน
4. ไม่ควรสร้างข้อสอบให้เกิดการแนะคำตอบ เช่น ข้อแรกถามว่าเมืองหลวงของประเทศไทยคือข้อใด และข้อถัดถามว่า กรุงเทพฯที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยมีกี่เขต เป็นต้น
5. ควรใช้ข้อสอบแบบปรนัยกับการวัดในเรื่องความรู้ความจำ
6. ควรออกข้อสอบให้ครอบคลุมเนื้อหาที่ได้สอนไปแล้ว ไม่ควรออกข้อสอบในเนื้อหานอกเหนือจากที่สอน
7. กำหนดจำนวนข้อสอบให้สัมพันธ์กับเวลาในการทำและความเข้มข้นของเนื้อหา เช่น วิชาคณิตศาสตร์อาจกำหนดข้อสอบไว้เพียง 20 ข้อต่อการทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง ในขณะที่ วิชาสังคมศึกษาอาจกำหนดข้อสอบได้ถึง 60 ข้อต่อการทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง เป็นต้น
ตัวอย่างไฟล์ กระดาษคำตอบ 40 ข้อ

