สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนทุกท่านทำแบบทดสอบออนไลน์เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรวม โดย ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 9 จังหวัดขอนแก่น
ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร เชิญชวนทุกท่านทำแบบทดสอบออนไลน์เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรวม โดย ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 9 จังหวัดขอนแก่น

การจัดการเรียนรวม รากฐานสำคัญของการศึกษาที่เท่าเทียมในสังคม
การจัดการเรียนรวมหรือที่เรียกว่า Inclusive Education เป็นแนวคิดทางการศึกษาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังพัฒนาระบบการศึกษาให้มีความเท่าเทียมและครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่ม การจัดการเรียนรวมไม่ได้หมายความเพียงแค่การนำเด็กที่มีความต้องการพิเศษเข้ามาเรียนในห้องเรียนปกติเท่านั้น แต่เป็นการสร้างระบบการศึกษาที่ยอมรับความหลากหลายของผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างด้านความสามารถ พื้นเหลืองทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม หรือภาษา
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการตระหนักว่าเด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยไม่ถูกแยกออกจากเพื่อนวัยเดียวกัน การจัดการเรียนรวมจึงเป็นการปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งเน้นให้โรงเรียนและระบบการศึกษาปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับความต้องการของผู้เรียนทุกคน แทนที่จะให้ผู้เรียนต้องปรับตัวเข้ากับระบบที่มีอยู่
ประวัติและพัฒนาการของการจัดการเรียนรวม
การจัดการเรียนรวมมีรากฐานมาจากขบวนการสิทธิมนุษยชนและสิทธิของคนพิการในช่วงศตวรรษที่ 20 ประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษอย่างเท่าเทียม ในปี 1994 การประชุมซาลามังกาในประเทศสเปนได้ออกแถลงการณ์ซาลามังกา (Salamanca Statement) ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญที่วางรากฐานของการจัดการเรียนรวมในระดับโลก
ในประเทศไทย การพัฒนาการจัดการเรียนรวมเริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงทศวรรษ 1990 โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการศึกษาของประเทศ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้มีการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความสามารถพิเศษอย่างชัดเจน
การพัฒนาดังกล่าวเกิดขึ้นควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคมไทยต่อคนพิการและผู้ที่มีความแตกต่าง จากเดิมที่มองว่าเป็นภาระหรือความน่าสงสาร กลายเป็นการมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลายของมนุษย์ที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้
หลักการและแนวคิดพื้นฐานของการจัดการเรียนรวม
การจัดการเรียนรวมตั้งอยู่บนหลักการสำคัญหลายประการ หลักการแรกคือหลักความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งหมายความว่าเด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในสภาพแวดล้อมที่ไม่แยกแยะ การที่เด็กคนหนึ่งมีความต้องการพิเศษไม่ได้หมายความว่าเขาต้องถูกแยกออกจากเพื่อนในวัยเดียวกัน
หลักการที่สองคือหลักการมีส่วนร่วมและการเข้าถึง ไม่ใช่เพียงแค่การให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษเข้ามานั่งในห้องเรียนปกติ แต่ต้องให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างแท้จริง การเข้าถึงหลักสูตรและการเรียนการสอนต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน
หลักการที่สามคือหลักการยอมรับความหลากหลาย การจัดการเรียนรวมมองว่าความแตกต่างของผู้เรียนเป็นทรัพยากรที่มีค่า ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องแก้ไข ความหลากหลายนี้สร้างโอกาสการเรียนรู้ที่อุดมไปด้วยประสบการณ์สำหรับผู้เรียนทุกคน เด็กได้เรียนรู้การยอมรับ ความเข้าใจ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หลักการที่สี่คือหลักการพัฒนาศักยภาพสูงสุด ระบบการจัดการเรียนรวมต้องมุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกคนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองให้เต็มที่ตามความสามารถ ไม่ใช่การลดมาตรฐานหรือคาดหวังต่ำ แต่เป็นการหาวิธีการที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ตามศักยภาพของตนเอง
ประโยชน์ของการจัดการเรียนรวม
การจัดการเรียนรวมนำมาซึ่งประโยชน์มากมายสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ การได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม ภาษา และพฤติกรรมได้ดีกว่าการเรียนในสถานที่แยกต่างหาก เด็กเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนที่มีพัฒนาการปกติ และได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิทที่สำคัญผ่านการปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน
สำหรับเด็กที่มีพัฒนาการปกติ การได้เรียนรู้ร่วมกับเพื่อนที่มีความหลากหลายช่วยพัฒนาคุณลักษณะที่สำคัญหลายประการ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ การยอมรับความแตกต่าง ทักษะการช่วยเหลือผู้อื่น และความเข้าใจในความหลากหลายของมนุษย์ เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจกว้างขวางและพร้อมที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมที่หลากหลาย
สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา การจัดการเรียนรวมเป็นโอกาสในการพัฒนาความเชี่ยวชาญและทักษะการสอนที่หลากหลาย ครูต้องเรียนรู้วิธีการปรับการสอน การประเมิน และการจัดการห้องเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน สิ่งนี้ทำให้ครูกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะการสอนที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับสังคมโดยรวม การจัดการเรียนรวมช่วยลดความไม่เท่าเทียมและสร้างสังคมที่ครอบคลุมมากขึ้น เมื่อเด็กทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากศักยภาพของประชากรทุกคน ไม่มีการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์เนื่องจากการขาดโอกาสทางการศึกษา
รูปแบบและวิธีการจัดการเรียนรวม
การจัดการเรียนรวมมีรูปแบบและระดับที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เรียนและความพร้อมของสถานศึกษา รูปแบบแรกคือการจัดการเรียนรวมเต็มรูปแบบ (Full Inclusion) ซึ่งเด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนในห้องเรียนปกติตลอดเวลา โดยได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
รูปแบบที่สองคือการจัดการเรียนรวมบางส่วน (Partial Inclusion) ซึ่งเด็กใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องเรียนปกติ แต่อาจต้องไปรับบริการพิเศษในห้องทรัพยากรหรือพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในบางช่วงเวลา รูปแบบนี้เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมในบางด้าน เช่น การบำบัดการพูด การบำบัดทางกายภาพ หรือการสอนทักษะเฉพาะ
รูปแบบที่สามคือการจัดการเรียนรวมแบบผสมผสาน (Blended Inclusion) ซึ่งผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนปกติกับการเรียนในสภาพแวดล้อมพิเศษตามความเหมาะสม รูปแบบนี้ให้ความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน
วิธีการสำคัญในการจัดการเรียนรวมประกอบด้วยการปรับหลักสูตร การปรับวิธีการสอน การปรับการประเมิน และการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม การปรับหลักสูตรอาจหมายถึงการเลือกเนื้อหาที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เรียนแต่ละคน การสร้างเป้าหมายการเรียนรู้ที่เป็นรายบุคคล หรือการเพิ่มทักษะชีวิตประจำวันในหลักสูตร
การปรับวิธีการสอนรวมถึงการใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่ม การใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียน และการสร้างโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความรู้ผ่านช่องทางที่ต่างกัน การปรับการประเมินอาจใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การทำโครงงาน หรือการประเมินผลงาน แทนการใช้การสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว
บทบาทของครูในการจัดการเรียนรวม
ครูมีบทบาทสำคัญที่สุดในความสำเร็จของการจัดการเรียนรวม ครูต้องเป็นทั้งผู้สอน ผู้สังเกต นักจิตวิทยา และผู้ประสานงาน ครูต้องมีความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของผู้เรียน เทคนิคการสอนที่แตกต่าง และวิธีการจัดการห้องเรียนที่เหมาะสม
ทักษะแรกที่ครูต้องมีคือทักษะการสังเกตและการประเมินความต้องการของผู้เรียน ครูต้องสามารถระบุจุดแข็ง จุดอ่อน รูปแบบการเรียนรู้ และความต้องการพิเศษของผู้เรียนแต่ละคน การสังเกตนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับการสอนให้เหมาะสม
ทักษะที่สองคือทักษะการออกแบบการเรียนการสอนที่หลากหลาย ครูต้องสามารถสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในห้องเรียนเดียวกัน การใช้หลักการออกแบบสากล (Universal Design for Learning) เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเน้นการสร้างการเรียนการสอนที่เข้าถึงได้สำหรับผู้เรียนที่หลากหลายตั้งแต่เริ่มต้น
ทักษะที่สามคือทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ครูต้องสามารถสื่อสารกับผู้ปกครอง บุคลากรสนับสนุน ผู้บริหาร และครูคนอื่น ๆ เพื่อสร้างเครือข่ายการสนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับผู้เรียน การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการเรียนรวมที่ประสบความสำเร็จ
ทักษะที่สี่คือทักษะการจัดการพฤติกรรมเชิงบวก ครูต้องรู้วิธีการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ การป้องกันปัญหาพฤติกรรม และการจัดการกับพฤติกรรมที่ท้าทายอย่างสร้างสรรค์ การใช้กลยุทธ์เชิงบวกแทนการลงโทษจะช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีสำหรับทุกคน
การสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชน
ครอบครัวเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการจัดการเรียนรวม พ่อแม่และผู้ปกครองต้องมีบทบาทในการสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน การสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาผู้เรียน
ครอบครัวต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกและวิธีการสนับสนุนที่เหมาะสม พ่อแม่ต้องเรียนรู้เทคนิคการช่วยเหลือลูกในการทำการบ้าน การฝึกทักษะต่าง ๆ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ที่บ้าน การให้กำลังใจและการสร้างความมั่นใจให้กับลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก
ชุมชนก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจัดการเรียนรวม การสร้างการยอมรับและความเข้าใจในชุมชนจะช่วยลดอคติและการแบ่งแยก กิจกรรมชุมชนที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนมีส่วนร่วมจะช่วยเสริมสร้างทักษะทางสังคมและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสนับสนุนโดยการจัดสรรงงบประมาณสำหรับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก การจัดฝึกอบรมบุคลากร และการสร้างโครงการที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรวมในพื้นที่ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการวางแผนและการดำเนินงานจะช่วยให้การจัดการเรียนรวมมีความยั่งยืนและเหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น
คำชี้แจง แบบทดสอบออนไลน์เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรวม
คำชี้แจง แบบทดสอบมีจำนวน 20 ข้อ ทำผ่าน 80% เป็นต้นไป
สามารถรับเกียรติบัตรได้ทางอีเมลที่ท่านแจ้งไว้
อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งคำตอบด้วยนะครับ
หมายเหตุ
1. ระบบเต็มหรือถึงจำกัดจำนวนต่อวัน ให้รอวันถัดไป
ตัวอย่าง : This exam is not currently accepting submissions. Please check back again later.
(อาจมีคำอื่น ๆ นอกจากนี้)
2. ควรใช้ Gmail ในการทำแบบทดสอบ
3. คะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด
4. อาจใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์นานถึง 1 วัน
5. อีเมลล์ตอบกลับอาจอยู่ในหัวข้อเมล์ขยะ
6. แบบทดสอบถูกจำกัด gmail ให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางการอบรม ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์จากผู้ให้การอบรม
ตัวอย่างเกียรติบัตร
