สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลด เป็นไฟรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา(Self Assessment Report)ระดับการศึกษาปฐมวัย ปีการศึกษา2565 ซึ่งคุณครูสามารถนำไปใช้เป็นตัวอย่างและเป็นแนวทางในการจัดทำรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา(Self Assessment Report) ระดับการศึกษาปฐมวัยได้ครับ
ขอแนะนำไฟล์เอกสาร รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา(Self Assessment Report)ระดับการศึกษาปฐมวัย ปีการศึกษา 2565

SAR ปฐมวัย เขียนรายงานประเมินตนเองฉบับสมบูรณ์ สร้างโรงเรียนอนุบาลคุณภาพ
การจัดทำรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา หรือที่เรียกกันติดปากว่า SAR (Self-Assessment Report) สำหรับระดับการศึกษาปฐมวัย ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนคุณภาพของสถานศึกษาให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง หลายครั้งที่คณะครูและผู้บริหารอาจรู้สึกว่าการทำ SAR เป็นเพียงเอกสารที่ต้องจัดทำให้เสร็จสิ้นตามวงรอบการประเมิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว รายงานฉบับนี้คือกระจกเงาที่สะท้อนภาพการทำงานทั้งหมดของสถานศึกษา เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยให้เรามองเห็นทั้งจุดแข็งที่ควรภาคภูมิใจและจุดที่ควรพัฒนา เพื่อนำไปสู่การวางแผนยกระดับคุณภาพการดูแลและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัยอันเป็นที่รักของเราได้อย่างแท้จริง บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงแก่นแท้ของการจัดทำ SAR ระดับปฐมวัยอย่างละเอียดทุกมิติ เพื่อเปลี่ยนภาระให้กลายเป็นพลังในการพัฒนาสถานศึกษาอย่างยั่งยืน
จุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจ SAR ที่ดี คือการมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการประเมินตนเอง ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การตัดสินว่าใครดีกว่าใคร หรือการจับผิดข้อบกพร่อง แต่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการพัฒนาคุณภาพภายในสถานศึกษาเป็นสำคัญ รายงาน SAR เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพประจำปีของโรงเรียน ที่ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้สถานศึกษาของเรามีสุขภาพแข็งแรงเพียงใด มีส่วนไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กทุกคนที่ก้าวเข้ามาในรั้วสถานศึกษาแห่งนี้ ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพรอบด้าน ทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา การเขียน SAR จึงไม่ใช่แค่การรวบรวมข้อมูล แต่คือกระบวนการทบทวนไตร่ตรองการทำงานอย่างเป็นระบบของบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหาร ครูผู้สอน ไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
หัวใจสำคัญของการประเมินตนเองนั้นเริ่มต้นที่การทำความเข้าใจมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย ซึ่งเป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินงานของสถานศึกษา ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ได้กำหนดมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยไว้ 3 มาตรฐาน ซึ่งแต่ละมาตรฐานได้สะท้อนภาพคุณภาพที่คาดหวังในมิติต่างๆ ไว้อย่างครอบคลุม การเขียน SAR ที่ดีจึงต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราวการดำเนินงานของสถานศึกษาที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและมีหลักฐานสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ
มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก นับเป็นมาตรฐานที่เป็นผลลัพธ์สุดท้ายและสำคัญที่สุดของการจัดการศึกษา เพราะเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาตัวเด็กนั่นเอง มาตรฐานนี้จะพิจารณาถึงพัฒนาการของเด็กในทุกๆ ด้าน ว่ามีความสมบูรณ์ แข็งแรง สมวัย และมีความสุขหรือไม่ การประเมินในส่วนนี้ไม่ได้วัดจากคะแนนสอบ แต่มาจากการสังเกตพฤติกรรมและร่องรอยการเรียนรู้ที่หลากหลาย สถานศึกษาต้องสามารถแสดงให้เห็นว่าเด็กๆ มีพัฒนาการด้านร่างกายที่แข็งแรง มีน้ำหนักส่วนสูงตามเกณฑ์ สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็กได้อย่างคล่องแคล่วสมวัย พวกเขาสามารถวิ่งเล่น กระโดด ปีนป่ายได้อย่างมั่นคง และในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบจับดินสอสี ร้อยลูกปัด หรือฉีกปะกระดาษได้อย่างประณีต สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานเชิงประจักษ์ของคุณภาพด้านร่างกาย ในด้านพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจ เราต้องมองว่าเด็กร่าเริงแจ่มใส แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับวัย รู้จักควบคุมตนเอง รู้จักการรอคอย แบ่งปัน และมีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าซักถาม สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สถานศึกษามอบให้ ส่วนพัฒนาการด้านสังคม คือความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เด็กๆ สามารถเล่นและทำงานร่วมกับเพื่อนได้ ปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน เคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิต และสุดท้ายคือพัฒนาการด้านสติปัญญา คือความสามารถในการเรียนรู้ เด็กๆ มีความกระตือรือร้นสนใจสิ่งรอบตัว ช่างสังเกต ชอบตั้งคำถาม สามารถสื่อสารเล่าเรื่องราวหรือประสบการณ์ของตนเองได้ มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานศิลปะหรือการเล่นบทบาทสมมติ การเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับมาตรฐานนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกการสังเกตพฤติกรรมเด็กรายบุคคล การจัดทำแฟ้มสะสมงาน (Portfolio) ที่แสดงพัฒนาการและผลงานของเด็ก การสัมภาษณ์พูดคุยกับเด็ก และการใช้แบบประเมินพัฒนาการที่เป็นมาตรฐานและเหมาะสมกับช่วงวัย
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา มาตรฐานนี้เปรียบเสมือนสมองและโครงสร้างหลักของสถานศึกษาที่จะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพในทุกๆ ส่วน การเขียนรายงานในส่วนนี้ต้องแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา มีการกำหนดเป้าหมายและแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาและความต้องการของชุมชน มีการบริหารจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรได้รับการพัฒนาทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ การบริหารจัดการงบประมาณและทรัพยากรก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีความโปร่งใสและใช้ไปเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กอย่างคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางกายภาพก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน สถานศึกษาต้องสะอาด ปลอดภัย มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเล่นและการเรียนรู้ มีอาคารสถานที่ที่มั่นคงแข็งแรง มีห้องน้ำห้องส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และมีสื่อ อุปกรณ์ของเล่นที่หลากหลาย ปลอดภัย และเพียงพอต่อจำนวนเด็ก การสร้างระบบการประกันคุณภาพภายในที่เข้มแข็งก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของมาตรฐานนี้ สถานศึกษาต้องมีกลไกการควบคุม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และนำผลการประเมินนั้นมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้คือการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครอง สถานศึกษาต้องมีช่องทางการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการร่วมวางแผน การเป็นวิทยากร หรือการร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ข้อมูลที่ใช้สนับสนุนการเขียนมาตรฐานนี้อาจมาจากเอกสารหลักฐานต่างๆ เช่น แผนปฏิบัติการประจำปี รายงานการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา รายงานการนิเทศภายใน หลักฐานการอบรมพัฒนาของครู หรือผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ปกครอง
มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ มาตรฐานนี้คือหัวใจของการปฏิบัติงานในห้องเรียนโดยตรง เป็นการสะท้อนคุณภาพของครูผู้สอนในการออกแบบและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็ก การเขียน SAR ในส่วนนี้ต้องฉายภาพให้เห็นว่าครูมีความเข้าใจในปรัชญาและหลักการของการจัดการศึกษาปฐมวัยอย่างถ่องแท้ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อนำมาใช้วางแผนการจัดประสบการณ์ได้อย่างเหมาะสมกับวัย ความสามารถ และความสนใจของเด็กแต่ละคน การจัดประสบการณ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสอนบนกระดาน แต่ต้องบูรณาการการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กปฐมวัย ครูต้องสามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่อบอุ่นและท้าทาย เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานและมีความสุขกับการมาโรงเรียน ครูต้องใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาเพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กๆ การจัดกิจกรรมต้องส่งเสริมพัฒนาการเด็กครบทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเสรี กิจกรรมกลางแจ้ง และเกมการศึกษา ทุกกิจกรรมต้องมีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือการวัดและประเมินผลพัฒนาการ ต้องเป็นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การตรวจผลงาน และการพูดคุยกับเด็ก แล้วนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงการจัดประสบการณ์และช่วยเหลือเด็กได้อย่างทันท่วงที หลักฐานที่สะท้อนคุณภาพของมาตรฐานนี้มีอยู่มากมาย เช่น แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ บันทึกหลังสอน สื่อการสอนที่ครูผลิตขึ้นเอง ผลงานของเด็กที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการในด้านต่างๆ ภาพถ่ายหรือวิดีโอบันทึกกิจกรรมการเรียนการสอนที่น่าสนใจ
กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำหรับเขียน SAR นั้นต้องอาศัยการวางแผนอย่างเป็นระบบ เริ่มต้นจากการแต่งตั้งคณะทำงาน กำหนดปฏิทินการดำเนินงานที่ชัดเจน จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งต้องมาจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและใช้วิธีการที่เหมาะสม เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การศึกษาเอกสารและหลักฐานร่องรอยต่างๆ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล คณะทำงานต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกันเพื่อตีความและสรุปผลการประเมินในแต่ละมาตรฐาน ระบุให้ชัดเจนว่าสถานศึกษามีระดับคุณภาพอยู่ในระดับใด (เช่น ยอดเยี่ยม ดีเลิศ ดี พอใช้ หรือปรับปรุง) ในแต่ละประเด็น พร้อมทั้งอธิบายจุดแข็ง จุดที่ควรพัฒนา และแนวทางการพัฒนาในอนาคต การเขียนรายงาน SAR ที่ดีนั้นต้องใช้ภาษาที่กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่น่าสนใจ อาจใช้ตาราง กราฟ หรือแผนภูมิประกอบเพื่อทำให้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือต้องสะท้อนความเป็นจริงตามข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่ ไม่ใช่การเขียนขึ้นจากความรู้สึกหรือจินตนาการ
เมื่อจัดทำรายงาน SAR ฉบับสมบูรณ์เสร็จสิ้นแล้ว ภารกิจยังไม่จบสิ้น SAR ไม่ควรเป็นเพียงเอกสารที่เก็บเข้าแฟ้มเพื่อรอรับการประเมินจากภายนอก แต่ต้องถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สถานศึกษาควรนำเสนอผลการประเมินตนเองต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความเห็นชอบ และเผยแพร่รายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ชุมชน หรือหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และที่สำคัญที่สุดคือการนำผลการประเมินและข้อเสนอแนะที่ได้จาก SAR มาจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในปีถัดไป เพื่อยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวงจรคุณภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด หรือที่เรียกว่าวงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act) นั่นเอง
โดยสรุปแล้ว รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ในระดับปฐมวัย คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนคุณค่าและจิตวิญญาณของความเป็นครูและนักบริหารมืออาชีพ เป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมกันทบทวนการทำงานของตนเองด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนา เพื่อเป้าหมายสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวคือการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีที่สุดให้กับเด็กปฐมวัยทุกคนที่อยู่ในความดูแลของเรา การจัดทำ SAR ด้วยความเข้าใจและใส่ใจในทุกรายละเอียด จึงไม่ใช่ภาระ แต่เป็นเกียรติและความภาคภูมิใจในการสร้างสถานศึกษาปฐมวัยให้เป็นบ้านหลังที่สองที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง
รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา แนวทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับปฐมวัย
การประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self Assessment Report) เป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยเฉพาะในระดับการศึกษาปฐมวัย ซึ่งการประเมินนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานะและคุณภาพของการเรียนการสอน รวมถึงการจัดการและการบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็ก บทความนี้จะแบ่งออกเป็น ๓ บทความย่อย เพื่อให้เข้าใจในแต่ละด้านของการประเมินตนเองของสถานศึกษาปฐมวัย
ความสำคัญของการประเมินตนเองในระดับการศึกษาปฐมวัย
การประเมินตนเองในระดับการศึกษาปฐมวัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และอารมณ์ที่รวดเร็ว การประเมินตนเองช่วยให้สถานศึกษาสามารถตรวจสอบและประเมินคุณภาพการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการดูแลเด็กในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้เห็นถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของสถานศึกษา นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถวางแผนพัฒนาการเรียนการสอนและการบริการได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
การประเมินตนเองยังช่วยให้ผู้บริหารและครูในสถานศึกษาสามารถเข้าใจถึงความต้องการและความคาดหวังของผู้ปกครองและชุมชน ทำให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การมีข้อมูลที่ชัดเจนจะเป็นฐานข้อมูลในการวางแผนพัฒนาในอนาคต
กระบวนการและวิธีการประเมินตนเองในสถานศึกษา
กระบวนการประเมินตนเองในสถานศึกษาปฐมวัยประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญหลายขั้นตอน เริ่มต้นจากการตั้งคณะกรรมการประเมินตนเองซึ่งประกอบด้วยผู้บริหาร ครู และผู้แทนจากผู้ปกครอง โดยคณะกรรมการจะต้องกำหนดเกณฑ์และตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน ซึ่งอาจรวมถึงคุณภาพของหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
ในขั้นตอนถัดไปคือการเก็บข้อมูล ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การสำรวจความคิดเห็นจากผู้ปกครอง การสัมภาษณ์ครูและนักเรียน การสังเกตการเรียนการสอน และการวิเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา การเก็บข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สถานศึกษาสามารถเห็นภาพรวมของสถานการณ์การศึกษาที่แท้จริง
หลังจากนั้นจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาข้อสรุปและรายงานผลการประเมิน โดยจะต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาและอภิปรายถึงผลการประเมิน และวางแผนการพัฒนาในอนาคตต่อไป
ผลลัพธ์และการนำผลการประเมินไปใช้
ผลลัพธ์จากการประเมินตนเองสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน การพัฒนาศักยภาพของครู การจัดการสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
นอกจากนี้ สถานศึกษาควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนการพัฒนาที่ได้วางไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การใช้ผลการประเมินตนเองเป็นแนวทางในการพัฒนาจะช่วยให้สถานศึกษาสามารถปรับตัวและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
การประเมินตนเองในระดับการศึกษาปฐมวัยจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยช่วยให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาการเรียนการสอนและการบริการเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพในอนาคต
เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้





ขอบคุณแหล่งที่มา : โรงเรียนโคกศรีวิทยายน
ดาวน์โหลด ไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา : โรงเรียนโคกศรีวิทยายน