สื่อฟรีออนไลน์.com
ขอแนะนำไฟล์ แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล(Individual Davelopment Plan : ID PLAN)
สร้างอนาคตที่ใช่ด้วยมือคุณ เจาะลึกแผนพัฒนาตนเอง (ID PLAN) ฉบับสมบูรณ์ที่คนทำงานต้องรู้
ในโลกของการทำงานที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว หลายครั้งที่เราอาจรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ทำงานไปวันๆ รอรับเงินเดือน แต่ลึกๆ แล้วกลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่เห็นเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน คำถามที่ว่า “อีก 5 ปีข้างหน้าเราจะอยู่ที่ไหน” หรือ “เราจะเก่งขึ้นในด้านใดได้บ้าง” กลายเป็นคำถามที่ตอบได้ยากเต็มที หากคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้ หรือเป็นคนหนึ่งที่เปี่ยมด้วยความฝันและต้องการกำหนดทิศทางความสำเร็จด้วยตัวเอง เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดชิ้นหนึ่งที่คุณต้องรู้จักและนำมาใช้ในชีวิตคือ แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล หรือที่เรียกกันติดปากว่า Individual Development Plan (ID PLAN) ซึ่งไม่ใช่แค่เอกสารที่ทำส่งหัวหน้าตอนประเมินผลประจำปี แต่เป็นเข็มทิศนำทางสู่การเป็นตัวคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุดทั้งในแง่การทำงานและชีวิตส่วนตัว
แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล หรือ ID PLAN คือข้อตกลงที่ชัดเจนระหว่างตัวเราเองกับเป้าหมายในอนาคต เป็นแผนที่การเดินทางที่ออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะ ไม่ใช่พิมพ์เขียวสำเร็จรูปที่ใช้ได้กับทุกคน มันคือกระบวนการที่เริ่มต้นจากการสำรวจและทำความเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การตั้งเป้าหมายที่จับต้องได้ และวางแผนการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อปิดช่องว่างระหว่างตัวตนของเราในปัจจุบันกับจุดที่เราอยากจะไปให้ถึงในอนาคต ความสวยงามของ ID PLAN คือการมอบอำนาจในการขับเคลื่อนชีวิตกลับมาอยู่ในมือของเราเอง แทนที่จะปล่อยให้โชคชะตาหรือคนอื่นเป็นผู้กำหนด เราจะกลายเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบเส้นทางความก้าวหน้าของตนเอง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมิติของ ID PLAN ตั้งแต่แนวคิด ความสำคัญ องค์ประกอบ ไปจนถึงขั้นตอนการสร้างแผนอย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้และสร้างอนาคตที่ใช่ด้วยมือของคุณเอง
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการลงมือทำ เราต้องเข้าใจถึงหัวใจหลักที่ทำให้ ID PLAN ไม่ใช่แค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เป็นเครื่องมือที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกและบุคคลที่ประสบความสำเร็จเลือกใช้ นั่นคือ “ความสำคัญ” ของมันนั่นเอง ในมุมของพนักงาน การมี ID PLAN ที่ชัดเจนเปรียบเสมือนการมีแสงสว่างส่องทาง มันช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าในงานที่ทำมากกว่าแค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ เราจะเข้าใจว่าทักษะที่เรากำลังพยายามฝึกฝนในวันนี้ จะส่งผลต่อตำแหน่งงานที่เราใฝ่ฝันในอีกสามปีข้างหน้าอย่างไร มันช่วยสร้างแรงจูงใจจากภายใน ทำให้การตื่นมาทำงานในทุกๆ เช้ามีความหมายมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสื่อสารชั้นเยี่ยมระหว่างเรากับหัวหน้างาน แทนที่จะรอให้หัวหน้ามาบอกว่าเราต้องพัฒนาอะไร เราสามารถเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาเกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของเราได้อย่างมืออาชีพ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นและความรับผิดชอบต่อเส้นทางอาชีพของตนเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หัวหน้าทุกคนมองหาในตัวทีมงาน
ในมุมขององค์กร การส่งเสริมให้พนักงานจัดทำ ID PLAN ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะมันหมายถึงองค์กรกำลังลงทุนในการพัฒนา “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด การที่พนักงานมีแผนการเติบโตที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร จะช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงานที่มีคุณภาพ (Talent Retention) ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพนักงานมองเห็นอนาคตของตนเองในองค์กร เขาก็ย่อมอยากจะอยู่และเติบโตไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้การวางแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ องค์กรจะรู้ว่ามีใครบ้างที่มีศักยภาพพร้อมจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งที่สำคัญในอนาคต และต้องพัฒนาทักษะอะไรเพิ่มเติมให้พวกเขาบ้าง เรียกได้ว่า ID PLAN คือจุดเชื่อมที่ทำให้เป้าหมายของบุคคลและเป้าหมายขององค์กรเดินทางไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์
องค์ประกอบสำคัญของ ID PLAN ที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ซับซ้อน แต่ต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียดในทุกส่วน ส่วนแรกและเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การประเมินตนเอง (Self-Assessment) ขั้นตอนนี้คือการส่องกระจกมองดูตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและรอบด้านที่สุด เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจุดแข็ง (Strengths) ของเราคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางเทคนิค (Hard Skills) เช่น การเขียนโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้โปรแกรมต่างๆ หรือทักษะทางสังคม (Soft Skills) เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ความเป็นผู้นำ ในทางกลับกัน เราต้องกล้ายอมรับในจุดที่ควรพัฒนา (Areas for Improvement) หรือจุดอ่อนของเรา ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำ แต่เพื่อหาหนทางในการแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น นอกจากนี้ การสำรวจความสนใจ (Interests) และค่านิยมในการทำงาน (Work Values) ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันจะช่วยให้เป้าหมายที่เราตั้งขึ้นสอดคล้องกับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและรู้สึกเติมเต็มอย่างแท้จริง
เมื่อเราเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้แล้ว องค์ประกอบส่วนถัดมาคือ การกำหนดเป้าหมายในอาชีพ (Career Goals) ซึ่งควรแบ่งออกเป็นเป้าหมายระยะสั้น (Short-term Goals) ที่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายใน 1-2 ปี เช่น การเรียนจบคอร์สออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะเฉพาะด้าน การเป็นผู้นำในโปรเจกต์เล็กๆ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหน้าที่ปัจจุบันให้ได้ 15% และเป้าหมายระยะยาว (Long-term Goals) สำหรับ 3-5 ปีขึ้นไป เช่น การเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับผู้จัดการ การย้ายสายงานไปในแผนกที่สนใจ หรือแม้กระทั่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในอนาคต หัวใจสำคัญของการตั้งเป้าหมายคือการใช้หลักการ SMART Goal เข้ามาช่วย นั่นคือเป้าหมายต้องมีความเฉพาะเจาะจง (Specific) วัดผลได้ (Measurable) บรรลุผลได้จริง (Achievable) มีความเกี่ยวข้องกับทิศทางใหญ่ของเรา (Relevant) และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน (Time-bound) การตั้งเป้าหมายแบบนี้จะเปลี่ยนความฝันที่ล่องลอยให้กลายเป็นแผนการที่จับต้องได้
จากเป้าหมายที่ชัดเจน นำเราไปสู่องค์ประกอบส่วนที่สาม นั่นคือ แผนปฏิบัติการและกิจกรรมการพัฒนา (Action Plan & Development Activities) ส่วนนี้คือการตอบคำถามว่า “เราจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างไร” เราต้องระบุกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาทักษะและ competencies ที่จำเป็นให้ชัดเจน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดอยู่แค่การเข้าห้องอบรมสัมมนาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้จากการทำงานจริง (On-the-Job Training) เช่น การอาสารับผิดชอบโปรเจกต์ที่ท้าทายขึ้น การขอเรียนรู้งานข้ามสายงานจากเพื่อนร่วมทีม การได้รับมอบหมายงานใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความรับผิดชอบเดิม นอกจากนี้ยังมีวิธีการพัฒนาอื่นๆ ที่ทรงพลังไม่แพ้กัน เช่น การมีพี่เลี้ยง (Mentoring) หรือโค้ช (Coaching) ที่คอยให้คำแนะนำและแบ่งปันประสบการณ์ การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Study) ผ่านการอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ หรือลงเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ และการสร้างเครือข่าย (Networking) กับผู้คนในแวดวงสายอาชีพของเราเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ
องค์ประกอบสุดท้ายที่มักถูกลืมแต่สำคัญไม่แพ้กันคือ การกำหนดทรัพยากรที่ต้องการและวิธีการวัดผล (Required Resources & Measurement) ในส่วนนี้ เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าในการทำตามแผนปฏิบัติการนั้น เราต้องการการสนับสนุนอะไรบ้าง เช่น งบประมาณจากบริษัทสำหรับการอบรม เวลาทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อไปเรียนต่อ หรือการสนับสนุนจากหัวหน้างานในการมอบหมายโปรเจกต์ที่ท้าทาย และที่สำคัญที่สุดคือ เราจะวัดความสำเร็จของแผนนี้ได้อย่างไร การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators – KPIs) ที่ชัดเจนจะช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังเดินมาถูกทางหรือไม่ เช่น “สำเร็จคอร์สเรียน Data Science ภายในไตรมาสที่ 3” หรือ “สามารถนำเสนอโปรเจกต์ต่อหน้าผู้บริหารได้อย่างมั่นใจภายใน 6 เดือน” ตัวชี้วัดเหล่านี้จะเป็นหมุดหมายให้เราคอยตรวจสอบความคืบหน้าและเฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ ระหว่างทางได้
ทีนี้มาถึงภาคปฏิบัติของการสร้างสรรค์ ID PLAN ของเราเอง ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมทั้งเวลาและจิตใจ การทำ ID PLAN ไม่ใช่การบ้านที่ต้องรีบทำให้เสร็จ แต่เป็นการลงทุนทางความคิดกับอนาคตของตัวเอง ดังนั้นควรหาเวลาเงียบๆ ที่ไม่มีใครรบกวน อาจจะเป็นช่วงสุดสัปดาห์ เตรียมสมุดปากกาหรือไฟล์เอกสารที่ชอบ แล้วเริ่มต้นด้วยการเปิดใจคุยกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ที่สุด
ขั้นตอนต่อมาคือการลงมือ สำรวจและวิเคราะห์ตนเอง ตามองค์ประกอบที่กล่าวไปข้างต้น ลองใช้เทคนิค SWOT Analysis กับตัวเองก็ได้ ลิสต์รายการจุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) ที่อยู่รอบตัว เช่น เทรนด์ของตลาดงาน เทคโนโลยีใหม่ๆ และอุปสรรค (Threats) ที่อาจขัดขวางการเติบโตของเราได้ ลองถามคำถามชี้นำตัวเอง เช่น “งานประเภทไหนที่ทำแล้วรู้สึกมีพลัง” “คำชมเรื่องอะไรที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าบ่อยที่สุด” “ทักษะอะไรที่เห็นคนอื่นทำแล้วรู้สึกอยากทำได้แบบนั้นบ้าง” “ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ อยากจะทำงานอะไร” การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นภาพตัวเองชัดขึ้น
จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอน การร่างเป้าหมายและเชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการ นำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ตนเองมากำหนดเป็นเป้าหมายทั้งระยะสั้นและยาว เขียนออกมาให้ชัดเจนตามหลัก SMART Goal เมื่อได้เป้าหมายแล้ว ให้แตกเป้าหมายใหญ่ออกมาเป็นกิจกรรมการพัฒนาย่อยๆ ที่ต้องทำ เช่น หากเป้าหมายระยะยาวคือการเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดภายใน 5 ปี เป้าหมายระยะสั้นในปีนี้อาจจะเป็น “การพัฒนาทักษะการวางแผนกลยุทธ์และการบริหารทีม” ดังนั้น แผนปฏิบัติการอาจจะประกอบไปด้วย การลงเรียนคอร์ส Mini MBA ด้านการตลาด การขอเป็นผู้ช่วยหัวหน้าโปรเจกต์ในแคมเปญถัดไป การอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเป็นผู้นำเดือนละ 1 เล่ม และการนัดพูดคุยกับผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนปัจจุบันเพื่อขอคำแนะนำ (Mentoring)
ขั้นตอนที่สำคัญมากหลังจากที่เรามีร่างแผนของตัวเองแล้วคือ การพูดคุยและขอความคิดเห็น (Seek Feedback) คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดคุยด้วยคือหัวหน้างานโดยตรงของเรา การนำร่าง ID PLAN ไปปรึกษาหัวหน้าไม่ใช่การขออนุญาต แต่เป็นการสร้างพันธมิตรในการเติบโต หัวหน้าอาจให้มุมมองที่เรามองข้ามไป แนะแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับทิศทางของทีมและองค์กรมากขึ้น หรืออาจช่วยเปิดทางให้เราเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น การกระทำเช่นนี้แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นของเรา และทำให้ ID PLAN ไม่ใช่แค่แผนของเราคนเดียว แต่เป็นแผนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรด้วย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ID PLAN ไม่ใช่เอกสารที่ทำเสร็จแล้วเก็บเข้าลิ้นชัก แต่มันคือ เอกสารที่มีชีวิต (Living Document) เราต้องนำมันออกมาทบทวนและปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างน้อยที่สุดทุกๆ ไตรมาส หรือทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสอบว่าเรายังคงเดินทางอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่ มีเป้าหมายไหนที่สำเร็จไปแล้วบ้าง มีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง และมีเป้าหมายใหม่ๆ ที่อยากจะเพิ่มเข้าไปหรือไม่ โลกเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตัวเราเองก็เช่นกัน การปรับปรุงแผนให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง จงใช้มันเป็นเครื่องมือในการสนทนากับหัวหน้าในช่วงประเมินผลงานประจำปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและความสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีได้อย่างเป็นรูปธรรม
การเดินทางนับพันลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ การสร้างแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล หรือ ID PLAN ก็เช่นกัน มันคือการลงทุนในทรัพย์สินที่ล้ำค่าที่สุดนั่นคือ “ตัวคุณเอง” อาจต้องใช้เวลาและความพยายามในช่วงเริ่มต้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นประเมินค่าไม่ได้ มันคือความชัดเจนในเส้นทางอาชีพ คือความมั่นใจในศักยภาพของตนเอง คือแรงผลักดันในการเรียนรู้และเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง อย่ารอให้ใครมาออกแบบอนาคตให้คุณ จงหยิบปากกาขึ้นมา แล้วเริ่มต้นเขียนแผนที่สู่ความสำเร็จฉบับของคุณเองตั้งแต่วันนี้ เพราะอนาคตที่ใช่ สร้างได้ด้วยมือของเราเอง
ID Plan เครื่องมือเพื่อการพัฒนาวิชาชีพของข้าราชการครู
การจัดทำแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID PLAN) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาความสามารถและทักษะในการปฏิบัติงาน โดยมุ่งหวังให้บุคลากรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บทความนี้จะแบ่งออกเป็น ๓ บทความ เพื่อชี้แจงถึงความสำคัญ ขั้นตอนในการจัดทำ และตัวอย่างของแผนพัฒนาตนเอง
ความสำคัญของแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (ID PLAN)
การพัฒนาตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในด้านการสอน การจัดการเรียนรู้ และการดูแลนักเรียน โดยแผนพัฒนาตนเองรายบุคคลมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆ เช่น
- การกำหนดเป้าหมาย : ID PLAN ช่วยให้บุคลากรสามารถกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาทักษะและความรู้เฉพาะทาง เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และนโยบายการศึกษา
- การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน : การประเมินตนเองจะช่วยให้สามารถรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต : ID PLAN ส่งเสริมให้บุคลากรมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนในการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง (ID PLAN)
การจัดทำ ID PLAN มีขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
- การประเมินตนเอง : บุคลากรควรทำการประเมินตนเองเพื่อค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อน รวมถึงความต้องการในการพัฒนาในด้านต่างๆ
- การตั้งเป้าหมาย : กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ เช่น การเข้าอบรมสัมมนา การศึกษาต่อ หรือการพัฒนาทักษะใหม่ๆ
- การวางแผนการดำเนินการ : ระบุวิธีการและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา เช่น การเลือกหลักสูตรอบรม การหาผู้ให้คำปรึกษา หรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
- การประเมินผล : ควรมีการประเมินผลการพัฒนาตนเองเป็นระยะ เพื่อดูความก้าวหน้าและปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ตัวอย่างแผนพัฒนาตนเอง (ID PLAN)
การสร้างตัวอย่างแผนพัฒนาตนเองจะช่วยให้เข้าใจวิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์จริง ตัวอย่างของ ID PLAN สำหรับครูสามารถประกอบด้วย
- เป้าหมาย : พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีการศึกษา
- กิจกรรม : เข้าร่วมการอบรมการใช้เครื่องมือออนไลน์เพื่อการสอน
- ระยะเวลา : 6 เดือน
- ทรัพยากรที่ใช้ : หนังสือเรียน การอบรมออนไลน์ และการเข้าร่วมเวิร์กช็อป
- วิธีการประเมิน : การสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนและการตรวจสอบความก้าวหน้าในการใช้เทคโนโลยีในการสอน
โดยสรุป แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (ID PLAN) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถและทักษะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา การจัดทำแผนดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในระบบการศึกษาไทยในอนาคต
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร
แหล่งที่มา : เพจห้องสื่อ สอบสอน
เป็นไฟล์ Word แก้ไขได้





ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่าง
ขอบคุณแหล่งที่มา : เพจห้องสื่อ สอบสอน