สื่อฟรีออนไลน์.com

ขอแนะนำไฟล์ รายงานวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงาน (Project- Based Learning) ด้วย POP MODEL เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต

การปฏิวัติการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วย POP MODEL การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต

การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องการการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในวิชาวิทยาศาสตร์ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึกและการประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริง การสอนเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตถือเป็นหัวข้อที่ท้าทายสำหรับครูผู้สอน เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่มีความซับซ้อนและเป็นนามธรรม ผู้เรียนมักจะมีปัญหาในการเข้าใจและเชื่อมโยงความรู้กับประสบการณ์ในชีวิตจริง

การวิจัยครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning) ด้วย POP MODEL เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การวิจัยนี้ดำเนินการในห้องเรียนจริงเพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการสอนใหม่ที่พัฒนาขึ้น

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นแนวทางการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ผู้เรียนไม่ใช่ผู้รับความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง ผ่านการคิด การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประยุกต์ใช้ความรู้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้น เนื่องจากได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่

การสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning) เป็นอีกหนึ่งแนวทางการสอนที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ผ่านการทำโครงงานที่มีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริง การสอนแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดวิจารณญาณ และทักษะการแก้ปัญหา โครงงานจะช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของความรู้ที่เรียนมา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้

POP MODEL เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ Preparation (การเตรียมการ) Operation (การปฏิบัติ) และ Presentation (การนำเสนอ) ในขั้นตอนการเตรียมการ ผู้เรียนจะได้รบการชี้แจงเป้าหมายการเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่กำหนดให้ และวางแผนการดำเนินงาน ขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการดำเนินกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ ผู้เรียนจะได้ลงมือปฏิบัติจริง สำรวจ ทดลอง และค้นหาคำตอบ ส่วนขั้นตอนการนำเสนอเป็นการแสดงผลงานและแลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้รับกับเพื่อนๆ และครูผู้สอน

การประยุกต์ใช้ POP MODEL ในการสอนเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เนื่องจากได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ได้สังเกต ทดลอง และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้แบบนี้จะทำให้ความรู้ติดทนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

การดำเนินการวิจัยเริ่มต้นจากการศึกษาหลักสูตรและเนื้อหาเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต เพื่อทำความเข้าใจเป้าหมายการเรียนรู้และความยากง่ายของเนื้อหา จากนั้นจึงศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานที่เหมาะสมกับเนื้อหานี้ การออกแบบกิจกรรมจะต้องคำนึงถึงระดับพัฒนาการของผู้เรียน ความสนใจ และประสบการณ์เดิมของผู้เรียน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 40 คน จากโรงเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นักเรียนกลุ่มนี้มีพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในระดับปานกลาง และมีความสนใจในการทำกิจกรรมแบบกลุ่ม การเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย เพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากร

การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน ผู้เรียนจะต้องสามารถอธิบายลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ เข้าใจกลไกการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับพันธุกรรมในชีวิตจริงได้ จากเป้าหมายนี้จึงออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

กิจกรรมแรกเป็นการสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมของตนเองและครอบครัว ผู้เรียนจะได้สำรวจลักษณะต่างๆ เช่น สีตา สีผม รูปหูฟัง สีผิว และลักษณะอื่นๆ ที่มองเห็นได้ชัดเจน จากนั้นจะเปรียบเทียบกับลักษณะของพ่อแม่และญาติๆ เพื่อดูความคล้ายคลึงกัน กิจกรรมนี้จะทำให้ผู้เรียนตระหนักถึงการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูก และเข้าใจว่าลักษณะบางอย่างจะถูกถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง

กิจกรรมที่สองเป็นการทดลองเพาะปลูกพืชเพื่อศึกษาลักษณะทางพันธุกรรม ผู้เรียนจะได้ปลูกถั่วเขียวหรือข้าวโพดที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น สีเมล็ด รูปร่างเมล็ด หรือความสูงของต้น จากนั้นจะติดตามการเจริญเติบโตและบันทึกลักษณะต่างๆ ที่สังเกตได้ เมื่อพืชออกดอกและติดผลแล้ว ผู้เรียนจะสังเกตลักษณะของเมล็ดรุ่นลูกว่ามีความคล้ายคลึงกับแม่พันธุ์หรือไม่ กิจกรรมนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในพืช

กิจกรรมที่สามเป็นการศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมของสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ในชุมชน ผู้เรียนจะได้สำรวจลักษณะของสุนัข แมว ไก่ หรือสัตว์อื่นๆ ที่มีในชุมชน โดยดูความคล้ายคลึงระหว่างสัตว์แม่และลูก สังเกตลักษณะต่างๆ เช่น สีขน รูปร่างหู รูปตา หรือขนาดตัว กิจกرรมนี้จะทำให้ผู้เรียนเห็นการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในสัตว์ และเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

การประยุกต์ใช้ POP MODEL ในกิจกรรมเหล่านี้จะเริ่มต้นจากขั้นตอน Preparation ครูจะแนะนำเป้าหมายการเรียนรู้ อธิบายความสำคัญของเรื่องลักษณะทางพันธุกรรม และให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับคำถามต่างๆ เช่น ทำไมเราจึงมีลักษณะคล้ายกับพ่อแม่ ทำไมพี่น้องบางคนคล้ายกันบางคนไม่คล้าย หรือทำไมสุนัขพันธุ์เดียวกันจึงมีลักษณะคล้ายๆ กัน คำถามเหล่านี้จะกระตุ้นความสนใจและสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้

ในขั้นตอน Operation ผู้เรียนจะได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบไว้ โดยครูจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น ผู้เรียนจะได้ทำงานเป็นกลุ่มเล็กๆ 4-5 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยเหลือกัน การทำงานกลุ่มจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากเพื่อนๆ และพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน

การทำกิจกรรมจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้เรียนมีเวลาเพียงพอในการสังเกต ติดตาม และบันทึกข้อมูล โดยเฉพาะกิจกรรมการเพาะปลูกพืชที่ต้องใช้เวลาในการรอให้พืชเจริญเติบโต ในระหว่างการทำกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือการสัมภาษณ์ผู้รู้ในชุมชน

ขั้นตอน Presentation เป็นการนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนความรู้ ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะนำเสนอผลการศึกษาของตนในรูปแบบต่างๆ เช่น โปสเตอร์ PowerPoint หรือการแสดง การนำเสนอจะต้องประกอบด้วยการอธิบายกิจกรรมที่ทำ ผลที่ได้ และข้อสรุป นอกจากนี้ยังต้องเชื่อมโยงกับความรู้ทางทฤษฎีที่เรียนมา และอธิบายประโยชน์ของความรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมในชีวิตจริง

การประเมินผลการเรียนรู้จะใช้การประเมินแบบหลากหลาย ทั้งการประเมินระหว่างเรียน (Formative Assessment) และการประเมินหลังเรียน (Summative Assessment) การประเมินระหว่างเรียนจะดูจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ความรับผิดชอบในการทำงานกลุ่ม และความก้าวหน้าในการเรียนรู้ ส่วนการประเมินหลังเรียนจะดูจากผลงานที่นำเสนอ การทำแบบทดสอบ และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์ใหม่

ผลการวิจัยพบว่า ผู้เรียนที่ได้รับการสอนด้วยรูปแบบ POP MODEL มีความเข้าใจเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนประมาณ 25% นอกจากนี้ผู้เรียนยังแสดงความสนใจในการเรียนมากขึ้น มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างแข็งขัน และสามารถเชื่อมโยงความรู้กับชีวิตจริงได้ดีขึ้น

การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนมีทักษะการสืบเสาะหาความรู้เพิ่มขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น ผู้เรียนหลายคนสามารถเชื่อมโยงความรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมกับสถานการณ์ในชีวิตจริงได้ เช่น การเลือกซื้อสัตว์เลี้ยง การปรับปรุงพันธุ์พืช หรือการดูแลสุขภาพ

ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอนแบบใหม่นี้อยู่ในระดับสูง ผู้เรียนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการเรียนสนุกและน่าสนใจมากขึ้น ไม่น่าเบื่อเหมือนการเรียนแบบเดิมที่ครูเป็นผู้บรรยายเพียงฝ่ายเดียว ผู้เรียนยังรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ และภูมิใจในผลงานที่ได้ทำ การได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายทำให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อ และสามารถเรียนรู้ได้ตามรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

ครูผู้สอนที่ใช้รูปแบบ POP MODEL นี้ก็มีความพึงพอใจสูงเช่นกัน ครูรู้สึกว่าผู้เรียนมีการตอบสนองที่ดีขึ้น มีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น และสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น แม้ว่าการเตรียมการสอนจะใช้เวลามากกว่าเดิม แต่ครูรู้สึกว่าคุ้มค่าเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ได้รับ ครูยังได้เรียนรู้วิธีการสอนใหม่ๆ และสามารถพัฒนาตนเองในด้านการจัดการเรียนการสอน

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ผู้เรียนพบว่า ผู้เรียนเข้าใจแนวคิดเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมได้ดีขึ้น สามารถอธิบายสาเหตุที่ทำให้ลูกมีลักษณะคล้ายพ่อแม่ได้ และเข้าใจว่าลักษณะบางอย่างจะถูกถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง ผู้เรียนยังสามารถยกตัวอย่างการใช้ความรู้เรื่องพันธุกรรมในชีวิตจริงได้ เช่น การเลือกซื้อผลไม้ที่มีคุณภาพดี การเลือกสัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะตามต้องการ หรือการดูแลสุขภาพตนเองโดยการรู้ประวัติโรคในครอบครัว

ข้อจำกัดของการวิจัยครั้งนี้คือ การดำเนินการใช้เวลานานกว่าการสอนแบบเดิม ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์และสื่อการสอนที่หลากหลาย และต้องใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมมากกว่าปกติ นอกจากนี้การทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเพาะปลูกพืช อาจจะไม่สามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลที่ได้อาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม

แนวทางในการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์คือ ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์สามารถนำรูปแบบ POP MODEL ไปประยุกต์ใช้ในการสอนเนื้อหาอื่นๆ ได้ โดยปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน การใช้รูปแบบนี้จะช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เรียนมีความเข้าใจที่ดีขึ้น และสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้

สถานศึกษาควรสนับสนุนให้ครูใช้รูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยจัดหาอุปกรณ์ สื่อการสอน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น นอกจากนี้ควรจัดการอบรมให้ครูได้เรียนรู้เทคนิคการสอนใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน การสร้างชุมชนการเรียนรู้ของครูจะช่วยให้การพัฒนาการเรียนการสอนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ผลการใช้การสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning) ร่วมกับ POP MODEL ต่อความรู้และความเข้าใจเรื่องพันธุกรรมในนักเรียน

แนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning) ในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และการสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning หรือ PBL) เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง การนำการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานมาใช้ร่วมกันช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

แนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

การเรียนรู้เชิงรุกเน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การถาม-ตอบ การอภิปราย การทดลอง และการทำงานกลุ่ม ซึ่งส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์และความเข้าใจในเนื้อหาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แนวคิดการสอนแบบโครงงาน (Project-Based Learning)

การสอนแบบโครงงาน หรือ PBL มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือทำโครงงานที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน โดยการทำโครงงานช่วยกระตุ้นความสนใจและความเข้าใจในเนื้อหาของผู้เรียนในแบบที่เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้จริงในชีวิตประจำวัน

การใช้ POP MODEL ในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต

POP MODEL คือแนวทางการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีขั้นตอนชัดเจนและโครงสร้างที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต

การใช้ POP MODEL ในการเรียนรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรม

POP MODEL มีขั้นตอนการดำเนินการหลักๆ 3 ขั้น ได้แก่

  • P (Preparation): การเตรียมความพร้อม ครูและนักเรียนร่วมกันเตรียมความรู้เบื้องต้นและตั้งคำถามเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรม
  • O (Operation): การดำเนินการ ผู้เรียนทำโครงงานหรือทดลอง เพื่อค้นหาคำตอบของปัญหาที่ตั้งไว้
  • P (Presentation): การนำเสนอ ผู้เรียนสรุปและนำเสนอผลการเรียนรู้ของตนเองแก่เพื่อนร่วมชั้น

การนำ POP MODEL มาช่วยจัดกิจกรรมจะช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนในการเรียนรู้ลักษณะทางพันธุกรรม เนื่องจากเนื้อหามีการจัดระเบียบและมีขั้นตอนที่ชัดเจน

ผลการวิจัยและประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานร่วมกับ POP MODEL

การใช้แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานด้วย POP MODEL ในการเรียนรู้เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกันของผู้เรียน

จากการวิจัยพบว่า การใช้วิธีการดังกล่าวช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนรู้จักการตั้งคำถาม วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมและความรับผิดชอบ

แนะนำให้ครูผู้สอนนำ POP MODEL มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงานในบทเรียนที่เน้นการลงมือปฏิบัติและการเรียนรู้จากประสบการณ์

เครดิต : คุณครูพรพรรณ ปิ่นเงิน

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

เป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ตัวอย่างไฟล์หน้าปก

เป็นไฟล์ PPTX แก้ไขได้

ขอแนะนำไฟล์ รายงานวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและการสอนแบบโครงงาน (Project- Based Learning) ด้วย POP MODEL เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่

ดาวน์โหลดไฟล์หน้าปก คลิกที่นี่

ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณครูพรพรรณ ปิ่นเงิน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด