สื่อฟรีออนไลน์.com
ขอเชิญอบรมโครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่ฐานสมรรถนะ
การปฏิวัติการศึกษาไทย โครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสู่ฐานสมรรถนะที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าห้องเรียนไทยในศตวรรษที่ 21
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดนิ่ง และทักษะในศตวรรษที่ 21 กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน ระบบการศึกษาไทยจึงต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกในอนาคต โครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่ฐานสมรรถนะจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความจำเป็นเร่งด่วนนี้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาครูให้มีทักษะและความรู้ในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่นั่งฟังและจดจำความรู้เท่านั้น
การเรียนรู้เชิงรุกหรือ Active Learning เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ไม่ใช่การรับความรู้อย่างเป็นกิจจะลักษณะจากครู แต่เป็นการที่ผู้เรียนต้องคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การอนุ การซักถาม การทำโครงงาน การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกันเป็นทีม วิธีการนี้ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ความสามารถในการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร และความร่วมมือ ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่สำคัญในยุคปัจจุบัน
โครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสู่ฐานสมรรถนะนี้ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญในอนาคตของประเทศ เพราะครูเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง การพัฒนาครูให้มีความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่เหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โครงการนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียดและครอบคลุม โดยคำนึงถึงบริบทของการศึกษาไทย ความต้องการของครู และความจำเป็นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
หลักการสำคัญของการเรียนรู้เชิงรุกคือการเปลี่ยนบท บาทของครูจากผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ หรือ Facilitator ครูจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสำรวจ ค้นหา และสร้างความรู้ด้วยตนเอง ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่ท้าทายและกระตุ้นความคิด ในขณะเดียวกัน ผู้เรียนก็เปลี่ยนจากผู้รับความรู้แบบพาสซีฟเป็นผู้เรียนรู้แบบแอคทีฟ ที่ต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ และประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกมีรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้เทคนคการอนุการถาม Think-Pair-Share ที่ให้ผู้เรียนคิดเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงหารือเป็นคู่ และนำเสนอต่อชั้นเรียน การเรียนรู้แบบโครงงาน Project-Based Learning ที่ให้ผู้เรียนทำโครงงานที่เชื่อมโยงกับปัญหาจริงในชุมชน การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา Problem-Based Learning ที่เริ่มต้นจากปัญหาจริงและให้ผู้เรียนค้นหาความรู้เพื่อแก้ปัญหานั้น การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา Case-Based Learning และการเรียนรู้แบบเกม Game-Based Learning ที่ใช้เกมเป็นสื่อในการเรียนรู้
การพัฒนาสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกนั้นต้องเริ่มต้นจากการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการของ Active Learning ครูจำเป็นต้องเข้าใจว่าการเรียนรู้เชิงรุกไม่ใช่เพียงแค่การให้ผู้เรียนทำกิจกรรมมากมาย แต่เป็นการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน มีการเชื่อมโยงกับเป้าหมายการเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ความเข้าใจด้วยตนเอง ผ่านการสะท้อนคิด การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่
โครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสู่ฐานสมรรถนะได้กำหนดสมรรถนะสำคัญที่ครูต้องพัฒนาไว้หลายด้าน ประกอบด้วย สมรรถนะด้านการออกแบบการเรียนรู้ ครูต้องสามารถวิเคราะห์ผู้เรียน กำหนดจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ เลือกใช้กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม และออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เรียน สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ ครูต้องสามารถสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วม อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ให้คำแนะนำและข้อมูลย้อนกลับที่เป็นประโยชน์ และปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้ตามสถานการณ์
สมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล ครูต้องสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้เชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอปพลิเคชันการเรียนรู้ แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างผลงานร่วมกันได้ สมรรถนะด้านการประเมินผลก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ครูต้องสามารถออกแบบการประเมินผลที่สอดคล้องกับการเรียนรู้เชิงรุก ใช้วิธีการประเมินผลที่หลากหลาย และให้ข้อมูลย้อนกลับที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ของตนเอง
รูปแบบการอบรมในโครงการนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบ โดยใช้หลักการของการเรียนรู้ผู้ใหญ่และการเรียนรู้เชิงรุกมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาครู การอบรมจะไม่เป็นเพียงการบรรยายเพื่อถ่ายทอดความรู้ แต่จะให้ครูได้สัมผัสและประสบการณ์การเรียนรู้เชิงรุกด้วยตนเอง ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ การอบรมจะประกอบด้วยส่วนของการสร้างความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Active Learning การฝึกปฏิบัติการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจำลองสถานการณ์การจัดการเรียนการสอน และการสะท้อนประสบการณ์การเรียนรู้
วิทยากรในโครงการนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา นักวิชาการ และครูผู้มีประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนแนวคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอบรมจะใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การบรรยายแบบมีส่วนร่วม การทำกิจกรรมกลุ่ม การศึกษาดูงาน การนำเสนอผลงาน และการอนุปรึกษาแนะแนว ผู้เข้าอบรมจะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สมบูรณ์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชั้นเรียนได้จริง
การติดตามและประเมินผลโครงการเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ทราบถึงความสำเร็จของโครงการและผลกระทบที่เกิดขึ้น การประเมินผลจะทำทั้งระหว่างการดำเนินโครงการและหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ โดยใช้เครื่องมือการประเมินผลที่หลากหลาย เช่น แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การสังเกตการจัดการเรียนการสอน และการวิเคราะห์ผลการเรียนของนักเรียน การติดตามผลจะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าครูสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความท้าทายในการนำ Active Learning มาใช้ในบริบทของการศึกษาไทยมีหลายประการ ความท้าทายแรกคือการเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนคติของครู หลายคนยังคงยึดติดกับวิธีการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการถ่ายทอดความรู้ การปรับเปลี่ยนมายังการเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ต้องใช้เวลาและความพยายาม ความท้าทายที่สองคือข้อจำกัดด้านทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก โรงเรียนหลายแห่งยังขายอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย ห้องเรียนที่ยืดหยุ่น หรือเทคโนโลジีที่จำเป็นสำหรับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
ความท้าทายที่สามคือระบบการประเมินผลและการสอบที่ยังคงเน้นการท่องจำและการทำข้อสอบ ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิดของการเรียนรู้เชิงรุกที่เน้นการพัฒนาทักษะการคิดและการประยุกต์ใช้ความรู้ ความท้าทายที่สี่คือความพร้อมและทัศนคติของผู้เรียน นักเรียนไทยหลายคนยังคุ้นเคยกับการเรียนแบบรับความรู้ การปรับตัวเข้าสู่การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมอาจต้องใช้เวลา ความท้าทายสุดท้ายคือการสนับสนุนจากผู้บริหาร ผู้ปกครอง และชุมชน การเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการเรียนการสอนต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ประโยชน์และผลกระทบเชิงบวกของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกนั้นมีมากมายและคุ้มค่าที่จะลงทุนพัฒนา ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกจะมีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณที่ดีขึ้น สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือของข่าวสาร และตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ทักษะการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์จะพัฒนาขึ้น เพราะผู้เรียนได้ฝึกฝนการคิดหาวิธีแก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมก็จะได้รับการพัฒนา เนื่องจากกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกหลายรูปแบบต้องใช้การทำงานร่วมกัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการนำเสนอผลงาน ผู้เรียนจะมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เพราะได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น นำเสนอผลงาน และได้รับการยอมรับจากเพื่อนและครู การเรียนรู้จะมีความหมายและจดจำได้นานขึ้น เพราะผู้เรียนได้สร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ตรง แทนที่จะท่องจำข้อมูลอย่างไร้ความหมาย
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้การเรียนรู้เชิงรุกในวิชาต่างๆ มีมากมายและสามารถปรับใช้ได้กับทุกระดับการศึกษา ในวิชาวิทยาศาสตร์ ครูสามารถใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ โดยให้นักเรียนตั้งสมมติฐาน ออกแบบการทดลอง ทำการทดลอง และสรุปผล แทนที่จะบรรยายทฤษฎีแล้วให้นักเรียนท่องจำ ในวิชาสังคมศึกษา ครูสามารถใช้การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา โดยนำเสนอปัญหาสังคมปัจจุบันให้นักเรียนวิเคราะห์ หาสาเหตุ และเสนอแนวทางแก้ไข ผ่านการทำงานเป็นกลุ่มและการนำเสนอ
ในวิชาภาษา ครูสามารถใช้การเรียนรู้แบบโครงงาน โดยให้นักเรียนสร้างสื่อต่างๆ เช่น คลิปวิดีโอ พอดแคสต์ หรือการแสดง เพื่อนำเสนอเรื่องราวหรือประเด็นที่สนใจ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษาแบบบูรณาการ ในวิชาคณิตศาสตร์ ครูสามารถใช้การแก้ปัญหาในชีวิตจริง โดยนำปัญหาจากสถานการณ์จริงมาให้นักเรียนแก้ไข เช่น การคำนวณค่าใช้จ่ายในการจัดงาน การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ หรือการออกแบบพื้นที่ใช้สอย
การเตรียมความพร้อมสำหรับการนำ Active Learning ไปใช้ในชั้นเรียนต้องเริ่มต้นจากการเตรียมตัวครูเอง ครูต้องศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดของการเรียนรู้เชิงรุกอย่างถ่องแท้ รวมทั้งวิธีการต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ การเข้าร่วมการอบรม การศึกษาจากหนังสือ บทความ และแหล่งข้อมูลต่างๆ จะช่วยสร้างพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง การสังเกตและเรียนรู้จากครูผู้มีประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกก็เป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาทักษะ
การเตรียมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญ ห้องเรียนควรจัดให้เอื้อต่อการทำงานกลุ่ม การเคลื่อนไหว และการใช้เทคโนโลยี การจัดหาอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมจะช่วยสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย การสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากผู้บริหาร เพื่อนครู และผู้ปกครองก็จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น
ได้รับเกียรติบัตร เมื่อผ่านการอบรมแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
รายละเอียดการอบรม
20 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
22 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาฯ
23 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
24 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
27 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
28 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
29 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ
31 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

ลิงก์เว็บอบรมโครงการพัฒนาครูเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่ฐานสมรรถนะ
20 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
22 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาฯ
23 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
24 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
27 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
28 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
29 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ
31 มีนาคม 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
ขอบคุณแหล่งที่มา สพม.เพชรบูรณ์