สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ เทคนิค วิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านทักษะชีวิต ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ เทคนิค วิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านทักษะชีวิต ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์เทคนิค วิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านทักษะชีวิต ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลด เทคนิค วิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านทักษะชีวิต โดย สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา

เทคนิคและวิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายที่มุ่งให้การศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทยได้พัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลก บนพื้นฐานของความเป็นไทย อีกทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานเด็กไทย และได้กำหนดจุดเน้น การพัฒนาคุณภาพด้านผู้เรียนที่ครอบคลุมทั้งในด้านความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะ ดังนั้นการแสวงหา เทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับให้ครูผู้สอนนำไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนตามจุดเน้นได้อย่างเป็นรูปธรรม สนองตามแนวนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นับเป็นเครื่องมือที่สำคัญ อันจะส่งผลให้การดำเนินงานตามนโยบายบรรลุตามเป้าหมายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดทำเอกสารชุดเทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จำนวน 12 รายการขึ้น ซึ่งประกอบด้วย
- ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
- ด้านคิดเลขเป็น คิดเลขคล่อง
- ด้านการคิดขั้นพื้นฐาน
- ด้านการคิดขั้นสูง
- ด้านการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวัย
- ด้านการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
- ด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
- ด้านการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- ด้านใฝ่เรียนรู้
- ด้านใฝ่ดี
- ด้านทักษะชีวิต
- ด้านอยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการศึกษาและการทำงาน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารชุดเทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้บรรลุตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสนองตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการได้ต่อไป
เอกสารชุดเทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้น การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน มีจำนวน 12 ด้าน จัดทำเป็นเอกสาร จำนวน 12 เล่ม ดังนี้
- ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
- ด้านคิดเลขเป็น คิดเลขคล่อง
- ด้านการคิดขั้นพื้นฐาน
- ด้านการคิดขั้นสูง
- ด้านการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวัย
- ด้านการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
- ด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
- ด้านการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- ด้านใฝ่เรียนรู้
- ด้านใฝ่ดี
- ด้านทักษะชีวิต
- ด้านอยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการศึกษาและการทำงาน
ในแต่ละด้านได้จากการถอดประสบการณ์ผลงานของครูผู้สอนที่มีความโดดเด่นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละเขตทั่วประเทศ คัดเลือกและบันทึกการสาธิตเทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนลงใน DVD ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานถอดเทคนิค วิธีการดังกล่าวจัดทำเป็นเอกสารเผยแพร่สำหรับเป็นแนวทางให้ครูผู้สอนทั่วไปได้นำไปปฏิบัติ เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายจุดเน้นด้านผู้เรียนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
เทคนิคและวิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดนิ่ง การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นเพียงการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 อีกต่อไป ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการศึกษาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทักษะชีวิทที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เผชิญในชีวิตประจำวัน
การพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนไม่ใช่เพียงการเพิ่มเนื้อหาหรือวิชาใหม่เข้าไปในหลักสูตร แต่เป็นการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะเหล่านี้เข้ากับเนื้อหาวิชาการอย่างเป็นธรรมชาติ ทักษะชีวิตที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วยทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการปรับตัว และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย มีส่วนร่วม และเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงของผู้เรียน
ความสำคัญของการพัฒนาทักษะชีวิตในระบบการศึกษา
ทักษะชีวิตเป็นความสามารถพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ทักษะเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการรู้หนังสือหรือความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่รวมถึงความสามารถในการจัดการอารมณ์ การสร้างสัมพันธภาพที่ดี การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
ในบริบทของการศึกษาไทย การเน้นทักษะชีวิตได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และการปรับปรุงในปี 2560 ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร และทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
การวิจัยทางการศึกษาจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าผู้เรียนที่ได้รับการพัฒนาทักษะชีวิตอย่างเป็นระบบมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนมากกว่าผู้ที่เรียนจากวิธีการสอนแบบเดิมที่เน้นการท่องจำและการทำซ้ำ นอกจากนี้ ยังพบว่าทักษะชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในอนาคตได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน หรือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนต้องอาศัยการวางแผนและการออกแบบที่รอบคอบ เริ่มต้นจากการกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ชัดเจน ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ต้องการให้ผู้เรียนได้รับ จากนั้นจึงพิจารณาเลือกวิธีการสอนและกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการของผู้เรียน บริบทของสถานศึกษา และทรัพยากรที่มีอยู่
หลักการสำคัญในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต คือ การให้ผู้เรียนได้เป็นผู้กระทำเอง มีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างแข็งขัน และได้รับประสบการณ์ตรงที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ กิจกรรมดังกล่าวควรมีลักษณะเป็นปัญหาหรือสถานการณ์จริงที่ผู้เรียนอาจพบเจอในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การเรียนรู้มีความหมายและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
การบูรณาการทักษะชีวิตเข้ากับเนื้อหาวิชาการเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถดำเนินการได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้โครงงานเป็นฐาน การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลัก การเรียนรู้เชิงสำรวจ หรือการเรียนรู้แบบร่วมมือ วิธีการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาวิชาการได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังได้ฝึกฝนทักษะสำคัญต่างๆ ในเวลาเดียวกัน
เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน
การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน หรือ Project-Based Learning เป็นวิธีการสอนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โดยเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกันในโครงงานที่มีความซับซ้อน มีระยะเวลายาว และเชื่อมโยงกับปัญหาหรือประเด็นในโลกแห่งความจริง
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเริ่มต้นจากการกำหนดคำถามหลักหรือปัญหาที่น่าสนใจและมีความซับซ้อนพอที่จะทำให้ผู้เรียนต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ และทักษะต่างๆ ในการหาคำตอบ คำถามดังกล่าวควรเป็นคำถามเปิดที่ไม่มีคำตอบเดียว และสามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ชีวิตของผู้เรียนได้
จากนั้นผู้เรียนจะได้รับการแบ่งกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน โดยแต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกที่มีความสามารถและความถนัดที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้จากกันและกัน ในระหว่างดำเนินโครงงาน ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะการวางแผน การแบ่งงาน การติดต่อสื่อสار การแก้ไขปัญหา และการประเมินผลงานของตนเอง
บทบาทของครูในการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานจะเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้อำนวยความสะดวก ผู้ให้คำปรึกษา และผู้สนับสนุนการเรียนรู้ ครูจะคอยให้คำแนะนำเมื่อผู้เรียนประสบปัญหา ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดในมุมมองที่หลากหลาย และให้ข้อมูลย้อนกลับที่สร้างสรรค์ตลอดกระบวนการทำโครงงาน
ผลลัพธ์ของการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่สมบูรณ์ แต่รวมถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ผ่านมา การสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ และการประเมินทักษะต่างๆ ที่ได้พัฒนาขึ้น การนำเสนอผลงานต่อผู้อื่นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและความมั่นใจในตนเอง
การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลัก
การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลัก หรือ Problem-Based Learning เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โดยเฉพาะทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการทำงานเป็นทีม วิธีการนี้เริ่มต้นจากการนำเสนอปัญหาหรือสถานการณ์ที่ซับซ้อนและไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ผู้เรียนได้พิจารณา
ปัญหาที่นำมาใช้ในการเรียนรู้ควรมีลักษณะเป็นปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในสังคมหรือชุมชน มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เรียน และมีความซับซ้อนพอที่จะต้องใช้ความรู้จากหลายสาขาวิชามาประกอบการแก้ไข ตัวอย่างปัญหาที่เหมาะสมอาจเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ปัญหาการจัดการขยะ ปัญหาการอนุรักษ์พลังงาน หรือปัญหาสุขภาพของวัยรุ่น
กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลักประกอบด้วยขั้นตอนที่ชัดเจน เริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อทำความเข้าใจสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การกำหนดสิ่งที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม การค้นหาข้อมูลและความรู้ที่จำเป็น การกำหนดแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ การประเมินทางเลือกต่างๆ และการเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด
ในระหว่างกระบวนการแก้ปัญหา ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะการค้นหาข้อมูล การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ การสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งต่างๆ และการนำเสนอแนวคิดอย่างมีเหตุผล ทักษะเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21
การประเมินผลการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลักจะมุ่งเน้นทั้งกระบวนการและผลลัพธ์ โดยพิจารณาจากความสามารถในการระบุปัญหา การวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ การใช้เหตุผลในการตัดสินใจ และความสมเหตุสมผลของแนวทางแก้ไขที่เสนอ รวมถึงการประเมินทักษะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร
การพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์
ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะสำคัญที่ผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถเผชิญกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคิดเชิงวิพากษ์หมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล ระบุข้อเท็จจริงและความคิดเห็น และตัดสินใจบนพื้นฐานของหลักฐานที่เป็นเหตุเป็นผล
การพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น การอภิปรายกลุ่ม การวิเคราะห์กรณีศึกษา การเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ การตั้งคำถามเพื่อค้นหาความจริง และการประเมินข้อโต้แย้งต่างๆ อย่างเป็นระบบ ครูมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าตั้งคำถาม กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง และกล้าท้าทายความคิดเดิมๆ
ความคิดสร้างสรรค์ในการเรียนรู้หมายถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ การมองปัญหาในมุมมองที่แตกต่าง การรวมแนวคิดต่างๆ เข้าด้วยกันในรูปแบบใหม่ และการคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาที่มีความเป็นต้นฉบับ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ต้อง อาศัยการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ยอมรับความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดลองและผิดพลาดโดยไม่กลัวการตัดสิน
กิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อาจรวมถึงการระดมความคิด การเขียนเรื่องราวเชิงจินตนาการ การออกแบบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ การแต่งเพลงหรือบทกวี การวาดภาพแสดงความคิด หรือการจัดนิทรรศการที่มีเอกลักษณ์ สิ่งสำคัญคือการให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงออกในรูปแบบที่หลากหลายและเหมาะกับความถนัดของแต่ละคน
การผสมผสานระหว่างการคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างครบถ้วน โดยสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถี่ถ้วนและคิดค้นแนวทางแก้ไขที่แปลกใหม่และมีประสิทธิภาพ ทักษะทั้งสองนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลง
เทคนิคการสร้างความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
ทักษะการทำงานเป็นทีมเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างบุคคลที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน การพัฒนาทักษะนี้ในผู้เรียนต้องอาศัยการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการนั่งเป็นกลุ่มแต่ทำงานคนเดียว
หลักการสำคัญในการสร้างกิจกรรมการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยการกำหนดเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน การแบ่งบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม การสร้างความรับผิดชอบร่วมกัน และการมีระบบการติดต่อสื่อสารที่ดี สมาชิกแต่ละคนในทีมต้องรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญและมีส่วนร่วมในความสำเร็จของทีม
การแบ่งกลุ่มเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ กลุ่มควรมีขนาดที่เหมาะสม โดยทั่วไปคือ 3-5 คน เพื่อให้สมาชิกทุกคนมีโอกาสได้มีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย การจัดกลุ่มอาจพิจารณาจากความสามารถที่หลากหลาย ความสนใจที่แตกต่าง หรือบุคลิกภาพที่เสริมกัน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้จากกันและกัน
ในระหว่างการทำงานเป็นทีม ครูควรคอยสังเกตและให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของกลุ่ม เช่น การแบ่งปันความคิดเห็น การฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การจัดการความขัดแย้ง และการตัดสินใจร่วมกัน การสอนทักษะเหล่านี้อย่างชัดเจนจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างไฟล์ เทคนิค วิธีการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านทักษะชีวิต





