สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ กำหนดการสอน สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 4 ปี ปีการศึกษา 2567 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำกำหนดการสอน สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 4 ปี ปีการศึกษา 2567 ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ กำหนดการสอน สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 4 ปี ปีการศึกษา 2567 ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

แบ่งปันไฟล์ กำหนดการสอน สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 4 ปี ปีการศึกษา 2567 ไฟล์ word แก้ไขได้

แนวทางการจัดกำหนดการสอนสำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี เพื่อพัฒนาการเรียนรู้อย่างครบถ้วน

การจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยในช่วงอายุ 3-4 ปี ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง เด็กในวัยนี้มีการพัฒนาทางสมองอย่างรวดเร็ว และมีความสามารถในการรับรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ การออกแบบกำหนดการสอนที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับครูและผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ

ความสำคัญของการจัดกำหนดการสอนในวัยปฐมวัย

เด็กอายุ 3-4 ปีอยู่ในช่วงวัยที่เรียกว่า “ช่วงทอง” ของการเรียนรู้ สมองของเด็กในวัยนี้มีการสร้างเส้นใยประสาทใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นสูงในการรับรู้ข้อมูลใหม่ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาทักษะต่างๆ ทั้งด้านการคิด ภาษา สังคม อารมณ์ และร่างกาย

การมีกำหนดการสอนที่ชัดเจนจะช่วยให้ครูและผู้ดูแลสามารถวางแผนการจัดกิจกรรมได้อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนา และสามารถติดตามประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ของบุตรหลานและสามารถให้การสนับสนุนได้อย่างเหมาะสม

หลักการพื้นฐานในการจัดกำหนดการสอน

การจัดกำหนดการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยต้องยึดหลักการสำคัญหลายประการ ได้แก่ การยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้ผ่านการเล่น การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และการพัฒนาอย่างองค์รวม เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างในการเรียนรู้ จึงต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะตัว

หลักการการเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในวัยนี้ เพราะการเล่นคือภาษาธรรมชาติของเด็ก ผ่านการเล่น เด็กจะได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ อย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกเครียดหรือกดดัน การจัดกิจกรรมต้องมีความสมดุลระหว่างเวลาเล่นอิสระและกิจกรรมที่มีการชี้นำ

การพัฒนาทักษะภาษาและการสื่อสาร

ในช่วงอายุ 3-4 ปี เด็กจะมีการพัฒนาทางภาษาอย่างรวดเร็ว คำศัพท์ของเด็กจะขยายตัวจาก 1,000 คำ เป็น 1,500-2,000 คำ และสามารถสร้างประโยคที่ซับซ้อนขึ้นได้ การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาภาษาจึงควรมีความหลากหลาย เช่น การเล่านิทาน การร้องเพลง การสนทนา และการเล่นกับคำ

กิจกรรมการฟังนิทานควรจัดทุกวัน เป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที โดยเลือกนิทานที่มีเนื้อหาเหมาะกับวัย มีภาพประกอบที่สวยงามและน่าสนใจ ครูควรใช้เสียงที่มีชีวิตชีวา เปลี่ยนน้ำเสียงตามตัวละคร และใช้ท่าทางประกอบเพื่อให้เด็กเข้าใจและสนใจมากขึ้น

การร้องเพลงเป็นกิจกรรมที่เด็กชื่นชอบและช่วยพัฒนาภาษาได้ดี ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะสนุก คำง่าย และมีท่าทางประกอบ เพลงไทยดั้งเดิมเช่น เพลงลูกทุ่ง เพลงพื้นบ้าน หรือเพลงสำหรับเด็กที่มีเนื้อหาให้ความรู้ จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาไทยและวัฒนธรรมไปด้วย

การพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น

การพัฒนาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในเด็กปฐมวัยไม่ได้หมายถึงการสอนให้เด็กท่องจำตัวเลขหรือทำโจทย์คณิตศาสตร์ แต่เป็นการช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดพื้นฐานต่างๆ เช่น การนับ การเปรียบเทียบขนาด การจำแนกรูปร่าง การจัดลำดับ และการเข้าใจรูปแบบ

กิจกรรมการนับสามารถทำได้ตลอดทั้งวัน เช่น นับจำนวนเด็กที่มาโรงเรียน นับขั้นบันไดขณะเดิน นับของเล่นก่อนเก็บ การนับควรเริ่มจาก 1-5 แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นไป เมื่อเด็กนับได้คล่องแล้วจึงสอนให้เข้าใจว่าตัวเลขแต่ละตัวแทนจำนวนจริง

การเปรียบเทียบขนาดสามารถทำผ่านกิจกรรมประจำวัน เช่น เปรียบเทียบขนาดของใบไม้ ลูกบอล ภาชนะต่างๆ การใช้คำศัพท์เช่น ใหญ่-เล็ก สูง-เตี้ย ยาว-สั้น จะช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดการเปรียบเทียบ

การพัฒนาทักษะการเขียนและการวาดเขียน

การพัฒนาทักษะมือในเด็กปฐมวัยเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเขียนในอนาคต เด็กอายุ 3-4 ปีควรได้รับการฝึกฝนทักษะมือผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การปั้นดิน การเล่นของเล่นที่ต้องใช้นิ้วมือหยิบจับ การร้อยลูกปัด การวาดภาพอิสระ

การวาดภาพอิสระเป็นกิจกรรมที่สำคัญมาก ควรให้เด็กได้วาดทุกวัน โดยไม่จำกัดหัวข้อหรือบังคับให้วาดตามแบบ ให้เด็กได้แสดงออกตามจินตนาการ ครูควรให้กำลังใจและชื่นชมผลงานของเด็ก ไม่วิจารณ์หรือแก้ไข เพราะในวัยนี้การวาดภาพเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความคิดของเด็ก

การฝึกถือดินสอให้ถูกวิธีควรเริ่มจากการใช้ดินสอสีขนาดใหญ่ ค่อยๆ ลดขนาดลงเมื่อเด็กมีความชำนาญมากขึ้น ไม่ควรเร่งรัดให้เด็กเขียนตัวอักษรในช่วงแรก แต่ให้เน้นการขีดเขียนเส้นต่างๆ เช่น เส้นตรง เส้นโค้ง วงกลม ซิกแซก

การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์

ทักษะทางสังคมและอารมณ์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตในสังคม เด็กอายุ 3-4 ปีเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น เข้าใจกฎเกณฑ์ง่ายๆ และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาด้านนี้จึงมีความสำคัญมาก

กิจกรรมการเล่นกลุ่มจะช่วยให้เด็กเรียนรู้การแบ่งปัน การรอคิว การประนีประนอม และการทำงานร่วมกัน ควรจัดกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ 3-4 คน เพื่อให้เด็กทุกคนมีโอกาสมีส่วนร่วม และครูสามารถดูแลได้ทั่วถึง

การสอนเรื่องอารมณ์ควรทำผ่านกิจกรรมประจำวัน เช่น การพูดคุยเรื่องความรู้สึก การใช้หนังสือภาพที่เล่าเรื่องอารมณ์ต่างๆ การแสดงบทบาทสมมติ ช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะระบุและแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม

การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้

สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างมาก ห้องเรียนสำหรับเด็กปฐมวัยควรมีมุมกิจกรรมต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มุมหนังสือ มุมบล็อก มุมศิลปะ มุมบ้านจำลอง มุมวิทยาศาสตร์ การจัดมุมต่างๆ จะช่วยให้เด็กได้เลือกกิจกรรมที่สนใจและเรียนรู้ตามความสามารถของตนเอง

มุมหนังสือควรมีหนังสือภาพที่หลากหลาย เหมาะกับวัย และเปลี่ยนเป็นระยะเพื่อให้เด็กได้อ่านหนังสือใหม่ๆ ควรมีพรมหรือเบาะนิ่มให้เด็กนั่งอ่านหนังสืออย่างสบาย มีแสงสว่างเพียงพอ และอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบ

มุมบล็อกควรมีบล็อกขนาดและรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เด็กได้สร้างสรรค์ผลงาน มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการสร้าง และมีชั้นวางสำหรับเก็บผลงานที่เด็กต้องการเก็บไว้ต่อ

ตัวอย่างกำหนดการรายวัน

กำหนดการรายวันสำหรับเด็กปฐมวัยควรมีความยืดหยุ่น แต่มีโครงสร้างที่ชัดเจนเพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและคาดเดาได้ การเริ่มวันควรด้วยกิจกรรมต้อนรับที่อบอุ่น เช่น การทักทายกัน การร้องเพลงเบาๆ หรือการพูดคุยเรื่องสภาพอากาศ

ช่วงเช้าหลังอาหารเช้าเป็นเวลาที่เด็กมีสมาธิดี เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เช่น การฟังนิทาน กิจกรรมคณิตศาสตร์เบื้องต้น หรือกิจกรรมภาษา ควรจัดกิจกรรมประมาณ 15-20 นาที แล้วพักเบรกให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย

ช่วงกลางวันหลังอาหารกลางวันควรเป็นเวลาพักผ่อนหรือกิจกรรมเงียบๆ เช่น การฟังเพลงเบา การนวดตัวเอง หรือการนอนพักสำหรับเด็กที่ต้องการ สำหรับเด็กที่ไม่อยากนอนสามารถทำกิจกรรมเงียบๆ เช่น การดูหนังสือ การปั้นดิน

ช่วงบ่ายเป็นเวลาสำหรับกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่น การเล่นกลางแจ้ง กิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหว หรือกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ การปิดท้ายวันควรทำด้วยกิจกรรมที่สงบ เช่น การพูดคุยสรุปกิจกรรมในวัน หรือการร้องเพลงลา

การบูรณาการหลักสูตรตามแนวคิดโครงงาน

การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กปฐมวัย โดยเลือกหัวข้อที่เด็กสนใจ แล้วบูรณาการการเรียนรู้ทุกด้านเข้าด้วยกัน เช่น โครงงานเรื่อง “ผีเสื้อ” สามารถรวมการเรียนรู้เรื่องวงจรชีวิต การนับจำนวน การวาดภาพ การเล่านิทาน และการร้องเพลงเกี่ยวกับผีเสื้อ

การทำโครงงานจะช่วยให้เด็กเห็นความเชื่อมโยงของการเรียนรู้ และสามารถประยุกต์ความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ โครงงานหนึ่งๆ ควรดำเนินการประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กมีเวลาเพียงพอในการสำรวจและเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง

การเลือกหัวข้อโครงงานควรให้เด็กมีส่วนร่วม เช่น การสำรวจความสนใจของเด็ก การสังเกตสิ่งที่เด็กพูดถึงบ่อยๆ หรือการโหวตเลือกหัวข้อในกลุ่ม การให้เด็กมีส่วนร่วมจะทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากขึ้น

การประเมินและติดตามพัฒนาการของเด็ก

การประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัยไม่ควรใช้การทดสอบแบบดั้งเดิม แต่ควรใช้การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การเก็บผลงานของเด็ก และการสนทนากับเด็ก การประเมินควรเน้นไปที่ความก้าวหน้าของเด็กแต่ละคน ไม่ใช่การเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น

การเก็บพอร์ตโฟลิโอเป็นวิธีที่ดีในการติดตามพัฒนาการ โดยเก็บผลงานของเด็กอย่างเป็นระบบ เช่น งานวาดภาพ งานฝึกเขียน ภาพถ่ายจากการทำกิจกรรม คำพูดของเด็กที่น่าสนใจ การเก็บผลงานควรมีการวันที่และคำอธิบายเพื่อแสดงให้เห็นความเจริญเติบโต

การสื่อสารกับผู้ปกครองเรื่องพัฒนาการของเด็กควรทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรรอเพียงการประชุมผู้ปกครอง ครูควรส่งข้อมูลกิจกรรมประจำวัน แชร์ภาพถ่ายการทำกิจกรรม และแจ้งจุดเด่นของเด็กให้ผู้ปกครองทราบ

การจัดกิจกรรมพิเศษและงานเทศกาล

การจัดกิจกรรมพิเศษและงานเทศกาลจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยและสร้างความทรงจำดีๆ เทศกาลสำคัญที่ควรจัดให้เด็กได้เรียนรู้ เช่น วันสงกรานต์ วันลอยกระทง วันแม่ วันพ่อ วันเด็ก การจัดกิจกรรมควรเน้นให้เด็กได้เข้าใจความหมายของเทศกาลนั้นๆ ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง

กิจกรรมวันสงกรานต์สามารถจัดให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการขอพรจากผู้ใหญ่ การรดน้ำให้ท่านผู้เฒ่าผู้แก่ การทำบุญ การเล่นน้ำอย่างสุภาพ ควรมีการเล่านิทานเกี่ยวกับประวัติของวันสงกรานต์ และจัดกิจกรรมทำขนมไทยง่ายๆ ที่เด็กสามารถช่วยทำได้

กิจกรรมวันลอยกระทงควรเริ่มจากการเล่านิทานเรื่องที่มาของประเพณี การสอนให้เด็กเห็นความสำคัญของแม่น้ำลำคลอง การร่วมกันทำกระทงจากใบตอง หรือวัสดุธรรมชาติ การจัดกิจกรรมลอยกระทงจำลองในอ่างน้ำเพื่อความปลอดภัย

เทคนิคการจัดการพฤติกรรม

เด็กอายุ 3-4 ปียังอยู่ในช่วงการเรียนรู้การควบคุมตนเอง การจัดการพฤติกรรมจึงเป็นส่วนสำคัญของกำหนดการสอน การใช้วิธีการเชิงบวกจะได้ผลดีกว่าการลงโทษ การชื่นชมและให้กำลังใจเมื่อเด็กทำดี การตั้งกฎข้อน้อยๆ ที่ชัดเจน และการสอนทักษะการแก้ปัญหาจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการควบคุมตนเอง

การตั้งกฎในห้องเรียนควรมีเด็กมีส่วนร่วม เช่น การประชุมกันคิดกฎที่ทุกคนต้องปฏิบัติ การใช้ภาพหรือสัญลักษณ์ประกอบกฎเพื่อให้เด็กจำได้ง่าย กฎควรเป็นเชิงบวก เช่น “เราใช้เสียงเบา” แทนที่จะเป็น “ห้ามส่งเสียงดัง”

เมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ครูควรใช้เทคนิค “หยุด คิด ทำ” ช่วยให้เด็กหยุดพฤติกรรมที่กำลังทำ คิดถึงทางเลือกอื่น แล้วเลือกวิธีที่เหมาะสม การสอนให้เด็กแก้ปัญหา

ตัวอย่างไฟล์ กำหนดการสอน สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 4 ปี ปีการศึกษา 2567


เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : ครูดา ดาโบกี้   

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด