สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานการวิจัย การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำรายงานการวิจัย ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานการวิจัย การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
เผยแพร่ รายงานการวิจัย การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี โดย สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี

นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ รายงานการวิจัยการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี
การศึกษาในยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลジีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการการศึกษาแก่ประชาชนในพื้นที่
การดำเนินงานขององค์กรภาครัฐในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูลจำนวนมาก การประสานงานระหว่างหน่วยงาน การติดตามประเมินผลโครงการ และการรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้การทำงานมีความซับซ้อน ใช้เวลานาน และมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนในจังหวัดสระบุรี ด้วยพื้นที่ความรับผิดชอบที่กว้างขวาง ครอบคลุม 13 อำเภอ มีประชากรรวมกว่า 630,000 คน และมีสถานศึกษาทุกระดับรวมกว่า 400 แห่ง ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลและการประสานงานเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูง
การศึกษาเบื้องต้นพบว่า กระบวนการทำงานในปัจจุบันยังคงใช้ระบบเอกสารและการบันทึกข้อมูลแบบดั้งเดิม ซึ่งมีข้อจำกัดหลายประการ ได้แก่ การสูญหายของข้อมูล ความไม่สอดคล้องของข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ความล่าช้าในการรายงาน และความยากลำบากในการค้นหาข้อมูลย้อนหลัง นอกจากนี้ยังพบว่า บุคลากรต้องใช้เวลามากในการจัดทำรายงานและการประสานงาน แทนที่จะนำเวลาไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้
การวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน ทั้งจากบุคลากรภายในองค์กร สถานศึกษา และประชาชนผู้รับบริการ พบว่า มีความต้องการระบบที่สามารถ จัดเก็บและค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ติดตามความคืบหน้าของโครงการแบบเรียลไทม์ สร้างรายงานอัตโนมัติ และสามารถเข้าถึงได้จากหลากหลายอุปกรณ์
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันมือถือ ได้เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ สามารถพัฒนาระบบงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แอปพลิเคชันมือถือมีข้อดีหลายประการ เช่น ความสะดวกในการใช้งาน การเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา การแจ้งเตือนแบบทันที และต้นทุนการพัฒนาที่ไม่สูงมาก
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกระดับ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์เฉพาะประการแรก คือ การศึกษาและวิเคราะห์กระบวนการทำงานปัจจุบันของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี เพื่อระบุปัญหา อุปสรรค และความต้องการในการปรับปรุงระบบงาน การศึกษานี้ครอบคลุมการสำรวจความคิดเห็นจากบุคลากร การสังเกตการณ์ทำงาน และการวิเคราะห์เอกสารการทำงาน
วัตถุประสงค์เฉพาะประการที่สอง คือ การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมการทำงานหลักขององค์กร ได้แก่ ระบบจัดการข้อมูลโครงการ ระบบติดตามประเมินผล ระบบรายงาน ระบบแจ้งเตือน และระบบการสื่อสารภายในองค์กร แอปพลิเคชันจะถูกพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบ Android และ iOS
วัตถุประสงค์เฉพาะประการที่สาม คือ การทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้น โดยการนำไปใช้งานจริงกับกลุ่มผู้ใช้ตัวอย่าง และประเมินความพึงพอใจ ประสิทธิภาพการทำงาน และข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง
วัตถุประสงค์เฉพาะประการสุดท้าย คือ การจัดทำคู่มือการใช้งานและแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้องค์กรอื่นๆ สามารถนำผลการวิจัยไปปรับใช้ได้ตามบริบทของตนเอง
ขอบเขตการวิจัย
การวิจัยนี้มีขอบเขตที่ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ขอบเขตด้านเนื้อหา จำกัดเฉพาะการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่รวมถึงระบบการเรียนการสอนออนไลน์หรือระบบอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารจัดการ
ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ครอบคลุมบุคลากรของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี จำนวน 45 คน ผู้แทนสถานศึกษาในพื้นที่ 30 คน และตัวแทนประชาชนผู้รับบริการ 50 คน รวมทั้งหมด 125 คน
ขอบเขตด้านเวลา การวิจัยดำเนินการเป็นระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการ ระยะที่ 2 การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชัน ระยะที่ 3 การทดสอบและปรับปรุง ระยะที่ 4 การประเมินผลและจัดทำรายงาน
ขอบเขตด้านเทคโนโลยี แอปพลิเคชันจะพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี React Native เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบ Android และ iOS ฐานข้อมูลใช้ Firebase สำหรับการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ และมีระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน
ทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมในการวิจัยครั้งนี้ ได้รวบรวมความรู้และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารจัดการในองค์กรภาครัฐ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษา และแนวโน้มการพัฒนาระบบงานดิจิทัล
แนวคิดเรื่องการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ มีพื้นฐานมาจากทฤษฎีระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System) ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเพื่อช่วยในการตัดสินใจและการบริหารจัดการขององค์กร ระบบสารสนเทศที่ดีต้องมีคุณสมบัติสำคัญหลายประการ ได้แก่ ความถูกต้องของข้อมูล ความทันเวลา ความสมบูรณ์ ความเข้าใจได้ง่าย และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล
งานวิจัยของศรีสมร แสงสุก (2565) ที่ศึกษาเรื่อง “การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการโครงการของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลพบุรี” พบว่า การใช้ระบบสารสนเทศช่วยลดเวลาในการจัดทำรายงานได้ถึง 60% และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งานจากระดับปานกลางเป็นระดับมาก นอกจากนี้ยังพบว่า การออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ที่เข้าใจง่ายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับของผู้ใช้
การศึกษาของอนุชา วิทยากร (2564) เรื่อง “ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับเทคโนโลจีของบุคลากรภาครัฐ กรณีศึกษา แอปพลิเคชันมือถือ” ระบุว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ของบุคลากรภาครัฐ ประกอบด้วย ประโยชน์ที่รับรู้ ความง่ายในการใช้งาน การสนับสนุนจากผู้บริหาร และการฝึกอบรม การวิจัยนี้แนะนำให้มีการเตรียมความพร้อมของบุคลากรก่อนการนำระบบใหม่มาใช้
แนวโน้มการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารจัดการ จากการศึกษาของ Johnson และ Smith (2023) พบว่า องค์กรส่วนใหญ่เลือกใช้เทคโนโลยี Cross-platform Development เช่น React Native หรือ Flutter เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและบำรุงรักษา รวมทั้งสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม
วิธีการดำเนินการวิจัย
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยประเภทการพัฒนา (Development Research) ที่มีการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ตามแนวทาง Design-Based Research โดยมีการทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
ระเบียบวิธีวิจัยแบ่งออกเป็น 5 ระยะหลัก ระยะที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการ ใช้การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน
ระยะที่ 2 การออกแบบระบบและสถาปัตยกรรม ใช้แนวทาง User-Centered Design โดยเริ่มจากการสร้าง User Persona และ User Journey Map เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ จากนั้นจึงออกแบบ Wireframe และ Prototype ของแอปพลิเคชัน พร้อมกำหนดสถาปัตยกรรมระบบและเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
ระยะที่ 3 การพัฒนาแอปพลิเคชัน ใช้วิธีการพัฒนาแบบ Agile Development โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น Sprint ๆ ละ 2 สัปดาห์ มีการทดสอบและรับ Feedback จากผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
ระยะที่ 4 การทดสอบและประเมินผล แบ่งออกเป็นการทดสอบหลายระดับ ได้แก่ Unit Testing สำหรับทดสอบฟังก์ชันย่อยๆ Integration Testing สำหรับทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบ และ User Acceptance Testing สำหรับทดสอบการใช้งานจริงกับผู้ใช้
ระยะที่ 5 การประเมินประสิทธิภาพและจัดทำคู่มือ ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากการใช้งานจริง การสำรวจความพึงพอใจ และการสัมภาษณ์ผู้ใช้งาน จากนั้นจึงจัดทำคู่มือการใช้งานและข้อเสนะแนะสำหรับการนำไปใช้
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามความต้องการและความพึงพอใจ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบประเมินการใช้งาน และระบบวิเคราะห์การใช้งานแอปพลิเคชัน เครื่องมือทุกชิ้นได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน และมีการทดสอบความเที่ยงด้วยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบัค
การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชัน
การออกแบบแอปพลิเคชันเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ผลการสำรวจความต้องการ ซึ่งพบว่า ผู้ใช้งานต้องการฟีเจอร์หลัก 6 ด้าน คือ การจัดการข้อมูลโครงการ การติดตามประเมินผล การจัดทำรายงาน การแจ้งเตือน การสื่อสารภายใน และการค้นหาข้อมูล
สถาปัตยกรรมของระบบออกแบบแบบ 3 ชั้น (3-Tier Architecture) ประกอบด้วย ชั้นการแสดงผล (Presentation Layer) เป็นแอปพลิเคชันมือถือที่พัฒนาด้วย React Native ชั้นธุรกิจ (Business Logic Layer) เป็น API Server ที่พัฒนาด้วย Node.js และ Express.js ชั้นข้อมูล (Data Layer) ใช้ Firebase Firestore สำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบ NoSQL และ Firebase Storage สำหรับการจัดเก็บไฟล์
การออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ยึดหลักการ Material Design ของ Google เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการใช้งานทั่วไปของผู้ใช้ Android และใช้หลักการ Human Interface Guidelines ของ Apple สำหรับ iOS โดยเน้นความเรียบง่าย ใช้งานง่าย และมีการตอบสนองที่รวดเร็ว
ฟีเจอร์การจัดการข้อมูลโครงการ ออกแบบให้สามารถสร้าง แก้ไข และลบข้อมูลโครงการได้ มีการจัดหมวดหมู่โครงการตามประเภทและสถานะ สามารถอัพโหลดเอกสารประกอบโครงการ และมีระบบควบคุมสิทธิการเข้าถึงตามบทบาทของผู้ใช้
ฟีเจอร์การติดตามประเมินผล มีการแสดงความคืบหน้าของโครงการในรูปแบบกราฟและแผนภูมิ สามารถตั้งค่าเป้าหมายและดูผลการดำเนินงานเทียบกับเป้าหมาย มีระบบการให้คะแนนและความเห็นต่อการดำเนินโครงการ
ฟีเจอร์การจัดทำรายงาน สามารถสร้างรายงานอัตโนมัติในรูปแบบต่างๆ เช่น รายงานสรุปรายเดือน รายงานตามโครงการ รายงานการประเมินผล สามารถส่งออกรายงานเป็นไฟล์ PDF หรือ Excel และมีระบบการส่งรายงานอัตโนมัติตามกำหนดเวลา
ฟีเจอร์การแจ้งเตือน ใช้ Firebase Cloud Messaging สำหรับส่ง Push Notification มีการแจ้งเตือนตามเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การอัพเดทข้อมูลโครงการ การครบกำหนดส่งรายงาน การได้รับข้อความใหม่ สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนตามความต้องการของแต่ละผู้ใช้
ตัวอย่างไฟล์ รายงานการวิจัย การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการบริหารงานส่งเสริมการเรียนรู้ของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสระบุรี

