สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดย สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คู่มือสำหรับครูและผู้บริหารสถานศึกษา

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ครูและสถานศึกษาทราบถึงความก้าวหน้าของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การดำเนินการวัดและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายตามที่หลักสูตรกำหนด

ความสำคัญของการวัดและประเมินผลการเรียนรู้

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาไทย เนื่องจากเป็นกลไกที่ช่วยให้ครูสามารถติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง การประเมินผลที่ดีจะช่วยให้ครูเข้าใจจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของนักเรียนแต่ละคน ทำให้สามารถปรับกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดให้การวัดและประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน โดยต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ การดำเนินการตามแนวทางนี้จะช่วยให้การศึกษาไทยมีคุณภาพและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

หลักการพื้นฐานของการวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางฯ ยึดหลักการสำคัญหลายประการ ได้แก่ หลักความต่อเนื่อง หมายความว่าการประเมินต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอตลอดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงการทดสอบเมื่อสิ้นสุดบทเรียนหรือภาคการศึกษาเท่านั้น หลักความหลากหลาย คือการใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมความสามารถของผู้เรียนในมิติต่างๆ

หลักความเหมาะสม หมายถึงการเลือกใช้วิธีการประเมินที่เหมาะสมกับธรรมชาติของเนื้อหา วัตถุประสงค์การเรียนรู้ และระดับพัฒนาการของผู้เรียน หลักความเป็นประโยชน์ คือการประเมินต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียน หลักความยุติธรรม หมายถึงการประเมินต้องให้โอกาสที่เท่าเทียมกันแก่ผู้เรียนทุกคน โดยไม่เลือกปฏิบัติ

ประเภทของการวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามจุดประสงค์และลักษณะการใช้งาน การประเมินเพื่อการวินิจฉัย (Diagnostic Assessment) เป็นการประเมินที่ดำเนินการก่อนการเรียนการสอนเพื่อทราบความรู้เดิม ความสามารถ และความพร้อมของผู้เรียน ข้อมูลที่ได้จะช่วยครูในการวางแผนการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน

การประเมินระหว่างการเรียนรู้ (Formative Assessment) เป็นการประเมินที่ดำเนินการระหว่างกระบวนการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง มีจุดประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียนและให้ข้อมูลป้องกลับ (Feedback) ที่จะช่วยปรับปรุงการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การประเมินหลังการเรียนรู้ (Summative Assessment) เป็นการประเมินที่ดำเนินการเมื่อสิ้นสุดหน่วยการเรียนรู้หรือภาคการศึกษา เพื่อสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจด้านการศึกษา

เครื่องมือการวัดและประเมินผล

การเลือกใช้เครื่องมือการวัดและประเมินผลที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ครูต้องให้ความสนใจ แบบทดสอบเป็นเครื่องมือที่ใช้กันแพร่หลาย สามารถแบ่งออกเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ เช่น แบบเลือกคำตอบที่ถูกต้อง แบบจับคู่ แบบถูกผิด และแบบทดสอบแบบเขียนตอบ เช่น แบบเติมคำ แบบตอบสั้น แบบอัตนัย การใช้แบบทดสอบแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

การประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio Assessment) เป็นวิธีการที่ช่วยให้เห็นพัฒนาการของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยการรวบรวมผลงานของนักเรียนตลอดระยะเวลาหนึ่ง การประเมินแบบแสดงออก (Performance Assessment) เน้นการประเมินความสามารถของผู้เรียนในการปฏิบัติจริง เช่น การนำเสนอ การทำโครงงาน การแสดง การทดลอง

การประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment) และการประเมินตนเอง (Self Assessment) เป็นวิธีการที่ช่วยพัฒนาความรับผิดชอบและทักษะการประเมินของผู้เรียน แบบสังเกต (Observation) เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการประเมินพฤติกรรมและทักษะกระบวนการ แบบบันทึกเหตุการณ์ (Anecdotal Record) ช่วยบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการเรียนรู้

การเขียนแผนการวัดและประเมินผล

การเขียนแผนการวัดและประเมินผลที่ดีต้องเริ่มจากการศึกษาหลักสูตรและกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ต้องการประเมิน จากนั้นกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ให้ชัดเจนและสามารถวัดได้ การเลือกวิธีการและเครื่องมือการประเมินต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์และธรรมชาติของเนื้อหา

การกำหนดเกณฑ์การประเมินต้องชัดเจนและเป็นธรรม โดยควรแจ้งให้ผู้เรียนทราบล่วงหน้า การจัดทำตารางสเปค (Table of Specification) จะช่วยให้การประเมินครอบคลุมเนื้อหาและทักษะที่สำคัญอย่างเหมาะสม การวางแผนเวลาในการประเมินต้องกระจายตลอดหลักสูตรและไม่ให้เป็นภาระมากเกินไปต่อผู้เรียน

การเตรียมการป้อนข้อมูลกลับให้กับผู้เรียนเป็นส่วนสำคัญของการประเมิน เพราะจะช่วยให้ผู้เรียนทราบจุดแข็งและสิ่งที่ต้องปรับปรุง การวางแผนการใช้ผลการประเมินในการปรับปรุงการเรียนการสอนจะทำให้การประเมินมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

การพัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพ

การพัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพต้องคำนึงถึงคุณลักษณะที่สำคัญหลายประการ ความตรง (Validity) หมายถึงเครื่องมือสามารถวัดสิ่งที่ต้องการวัดได้อย่างถูกต้อง ความเที่ยง (Reliability) คือความคงที่ของผลการวัด หากวัดซ้ำด้วยเครื่องมือเดียวกันในสภาพเดียวกันจะได้ผลใกล้เคียงกัน

ความเป็นปรนัย (Objectivity) หมายถึงการให้คะแนนไม่ขึ้นกับอัตวิสัยของผู้ให้คะแนน ความเหมาะสมของระดับความยาก (Appropriate Difficulty Level) คือเครื่องมือควรมีความยากง่ายที่เหมาะสมกับระดับของผู้เรียน ความสามารถในการแยกแยะ (Discrimination) เป็นความสามารถของเครื่องมือในการแยกความแตกต่างระหว่างผู้เรียนที่มีความสามารถสูงกับต่ำ

กระบวนการพัฒนาเครื่องมือเริ่มจากการกำหนดจุดประสงค์ วิเคราะห์เนื้อหา เขียนข้อสอบหรือแบบประเมิน ทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง วิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือ แก้ไขปรับปรุง และนำไปใช้จริง การทดลองใช้และการปรับปรุงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะทำให้เครื่องมือมีคุณภาพและความเหมาะสม

การนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน

การนำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้การประเมินไม่ใช่เพียงการให้คะแนนเท่านั้น การให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความก้าวหน้าและสิ่งที่ต้องพัฒนา การให้ข้อมูลป้อนกลับควรเป็นไปทันทีหรือเร็วที่สุดหลังการประเมิน มีความเฉพาะเจาะจง ชี้ให้เห็นจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา และให้คำแนะนำเพื่อการปรับปรุง

การจัดกิจกรรมเสริมและกิจกรรมรักษาระดับตามผลการประเมินจะช่วยให้ผู้เรียนทุกคนพัฒนาตามศักยภาพ ผู้เรียนที่มีผลการประเมินต่ำควรได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ ขณะที่ผู้เรียนที่มีความสามารถสูงควรได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาต่อไป การปรับปรุงวิธีการจัดการเรียนการสอนตามผลการประเมินจะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้ผลการประเมินในการสื่อสารกับผู้ปกครองเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ปกครองเข้าใจความก้าวหน้าของบุตรหลานและสามารถร่วมมือในการพัฒนา การรายงานผลควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เน้นความก้าวหน้าและแนวทางการพัฒนามากกว่าการตำหนิ

การประเมินตามสภาพจริง

การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) เป็นแนวทางการประเมินที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้ผู้เรียนแสดงความสามารถในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือใกล้เคียงกับความเป็นจริง การประเมินแบบนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ปัญหา

การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน (Project-based Learning) เป็นตัวอย่างของการประเมินตามสภาพจริง ผู้เรียนจะได้ทำงานในหัวข้อที่สนใจ ใช้ความรู้และทักษะที่หลากหลายในการแก้ปัญหา และนำเสนอผลงานต่อผู้อื่น การประเมินจึงครอบคลุมทั้งกระบวนการทำงานและผลงานที่ได้

การประเมินแบบสถานการณ์จำลอง (Simulation Assessment) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้เรียนประยุกต์ความรู้ในสถานการณ์ที่คล้ายกับความเป็นจริง การใช้เกม การแสดงบทบาทสมมติ หรือกรณีศึกษาจะช่วยให้การประเมินน่าสนใจและมีความหมายต่อผู้เรียนมากขึ้น

การใช้เทคโนโลยีในการวัดและประเมินผล

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การใช้โปรแกรมคำนวณคะแนนอัตโนมัติจะช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดในการคำนวณ ระบบจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System) ช่วยให้ครูสามารถติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนได้แบบเรียลไทม์

การทดสอบออนไลน์ (Online Testing) มีข้อดีในการประหยัดต้นทุนกระดาษ ให้ผลการประเมินที่รวดเร็ว และสามารถปรับเปลี่ยนข้อสอบให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน การใช้โปรแกรมสร้างข้อสอบจะช่วยให้ครูสามารถพัฒนาข้อสอบที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น

แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สามารถใช้ในการประเมินได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้เกมเพื่อการเรียนรู้ การบันทึกเสียง การถ่ายภาพผลงาน การสร้างวิดีโอนำเสนอ การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้การประเมินน่าสนใจและทันสมัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีในการประเมินต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ความปลอดภัย และความเป็นธรรม ครูต้องมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง และต้องมีแผนสำรองกรณีที่เทคโนโลยีเกิดปัญหา

การประเมินผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ

การประเมินผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษต้องใช้วิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมกับลักษณะและความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการประเมิน (Assessment Accommodation) เป็นสิ่งจำเป็น เช่น การให้เวลาเพิ่มเติม การใช้อุปกรณ์ช่วย การเปลี่ยนรูปแบบข้อสอบ การอนุญาตให้ผู้ช่วยอ่านข้อสอบ

สำหรับผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ครูอาจต้องใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เช่น การประเมินด้วยวาจา การใช้ภาพประกอบ การลดจำนวนข้อสอบ การแบ่งงานออกเป็นส่วนเล็ก ผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย อาจต้องการอุปกรณ์ช่วยหรือการปรับปรุงสภาพแวดล้อม

การประเมินผู้เรียนที่มีพรสวรรค์พิเศษต้องให้โอกาสในการแสดงความสามารถขั้นสูง การใช้โจทย์เปิด การเพิ่มความซับซ้อน การให้เลือกหัวข้อที่สนใจ จะช่วยให้ผู้เรียนกลุ่มนี้ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ การทำงานแบบอิสระหรือการวิจัยเล็กๆ อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้เรียนที่มีความสามารถสูง

การสร้างวัฒนธรรมการประเมินในสถานศึกษา

การสร้างวัฒนธรรมการประเมินที่ดีในสถานศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การประเมินเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนอย่างเป็นธรรมชาติ การมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกฝ่ายในการวางแผนและดำเนินการประเมินจะช่วยให้เกิดความเข้าใจและการยอมรับร่วมกัน

การฝึกอบรมครูในเรื่องการวัดและประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากการประเมินมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูจะช่วยให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีและการพัฒนาร่วมกัน การมีชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice) เกี่ยวกับการประเมินจะช่วยสร้างการเรียนรู้องค์กร

การสื่อสารกับผู้เรียนและผู้ปกครองเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และวิธีการประเมินจะช่วยลดความเข้าใจผิดและสร้างความร่วมมือ การสร้างบรรยากาศการประเมินที่ไม่เป็นการคุกคาม แต่เป็นการช่วยเหลือและพัฒนาจะทำให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการประเมิน


เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด