สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการปฎิบัติตามคู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดย สหกรณ์โรงเรียน สพฐ. 

พัฒนาการเรียนรู้ร่วมกัน คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ฉบับครอบคลุม

การจัดการเรียนรู้การสหกรณ์เป็นหนึ่งในวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนไทย โดยเฉพาะในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การเรียนรู้แบบสหกรณ์ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น แต่ยังพัฒนาทักษะทางสังคม ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน

คู่มือฉบับนี้ได้รวบรวมแนวคิด หลักการ และวิธีการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับบริบทการศึกษาไทย โดยคำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย ตลอดจนการปรับใช้เทคนิคต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามกรอบหลักสูตรใหม่ที่เน้นการพัฒนาสมรรถนะหลักของผู้เรียน

ความหมายและความสำคัญของการเรียนรู้การสหกรณ์

การเรียนรู้การสหกรณ์ หรือ Cooperative Learning เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มเพื่อบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ร่วมกัน โดยสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อนในกลุ่ม ไม่ใช่เพียงแค่การนั่งทำงานใกล้กันหรือการแบ่งงานกันทำ แต่เป็นการสร้างความร่วมมือที่แท้จริงในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา

ความสำคัญของการเรียนรู้การสหกรณ์ในระบบการศึกษาไทยปรากฏชัดเจนจากการที่วิธีการนี้สามารถพัฒนาผู้เรียนได้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ โดยเฉพาะในบริบทสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับการมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี การเรียนรู้แบบสหกรณ์ช่วยหล่อหลอมค่านิยมเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียนอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ การเรียนรู้การสหกรณ์ยังตอบสนองต่อนโยบายการศึกษาไทย 4 กรรมวิธีการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนรู้จักคิด รู้จักทำ รู้จักอยู่ร่วมกัน และรู้จักเป็น โดยเฉพาะในมิติของการรู้จักอยู่ร่วมกันซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้แบบสหกรณ์ ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง การประนีประนอม และการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ ซึ่งล้วนเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคมประชาธิปไตย

หลักการสำคัญของการเรียนรู้การสหกรณ์

การจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยหลักการสำคัญ 5 ประการ ซึ่งเป็นเสาหลักที่ทำให้การทำงานกลุ่มกลายเป็นการเรียนรู้การสหกรณ์ที่แท้จริง

หลักการแรกคือการพึ่งพาอาศัยกันในทางบวก หมายถึงการที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มรู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนในกลุ่มและต้องช่วยเหลือเพื่อนด้วยเช่นกัน เพื่อให้กลุ่มประสบความสำเร็จ ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้ลำพังหากกลุ่มไม่ประสบความสำเร็จ นี่คือแก่นของการทำงานร่วมกันที่แตกต่างจากการแข่งขันหรือการทำงานแบบปัจเจกชน

หลักการที่สองคือความรับผิดชอบส่วนบุคคล สมาชิกแต่ละคนต้องรับผิดชอบต่อส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมายและต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองได้เรียนรู้เนื้อหาที่กำหนดจริง ไม่สามารถซ่อนตัวหรือปล่อยให้เพื่อนในกลุ่มทำงานแทนได้ ครูต้องประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคนอย่างชัดเจน และนักเรียนต้องรู้ว่าตนเองจะถูกประเมินจากการปฏิบัติงานของตนเอง

หลักการที่สามคือการปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน นักเรียนต้องมีโอกาสในการสื่อสารกันโดยตรง อธิบายความรู้ที่ตนเองมีให้เพื่อนฟัง ตั้งคำถาม ให้คำแนะนำ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน การจัดที่นั่งและการกำหนดกิจกรรมต้องเอื้อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ลักษณะนี้

หลักการที่สี่คือทักษะระหว่างบุคคลและทักษะกลุ่มย่อย นักเรียนต้องได้รับการสอนทักษะทางสังคมที่จำเป็นสำหรับการทำงานร่วมกัน เช่น การรู้จักกันและไว้ใจกัน การสื่อสารอย่างชัดเจนและไม่คลุมเครือ การยอมรับและสนับสนุนซึ่งกันและกัน และการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์

หลักการสุดท้ายคือการประมวลผลกลุ่ม กลุ่มต้องมีเวลาในการสะท้อนความคิดและประเมินผลว่ากลุ่มทำงานได้ดีในเรื่องใด ควรปรับปรุงในเรื่องใด และมีแผนในการพัฒนาประสิทธิภาพของกลุ่มในครั้งต่อไป การประมวลผลนี้ช่วยให้นักเรียนรู้จักการสะท้อนความคิดและพัฒนาทักษะเมตาคอกนิชัน

รูปแบบและเทคนิคการเรียนรู้การสหกรณ์

เทคนิคการเรียนรู้การสหกรณ์มีหลากหลายรูปแบบที่ครูสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเนื้อหา วัตถุประสงค์ และระดับชั้นของผู้เรียน เทคนิคที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในบริบทการศึกษาไทยมีดังต่อไปนี้

เทคนิค Think-Pair-Share เป็นเทคนิคพื้นฐานที่เหมาะสำหรับการนำเข้าสู่การเรียนรู้การสหกรณ์ โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการทำงานกลุ่ม ขั้นตอนแรกครูตั้งคำถามหรือปัญหาให้นักเรียนคิดหาคำตอบเป็นเวลา 1-2 นาที จากนั้นจับคู่กับเพื่อนข้างเคียงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาข้อสรุปร่วมกัน สุดท้ายนำเสนอผลการอภิปรายต่อหน้าชั้นเรียน เทคนิคนี้ช่วยให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และลดปัญหานักเรียนเขินอายที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น

เทคนิค Jigsaw เป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนาโดย Elliot Aronson ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการสอนเนื้อหาที่มีปริมาณมากและซับซ้อน นักเรียนจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มหลัก จากนั้นแต่ละคนในกลุ่มจะได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อย่อยหนึ่ง โดยไปรวมตัวกับนักเรียนจากกลุ่มอื่นที่ได้หัวข้อเดียวกันเป็น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษาและเตรียมตัวให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นจริงๆ หลังจากนั้นจึงกลับมาสอนเพื่อนในกลุ่มหลัก ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้เนื้อหาทั้งหมดผ่านการสอนของเพื่อน

เทคนิค Student Teams-Achievement Divisions หรือ STAD เป็นเทคนิคที่เน้นการให้รางวัลแก่กลุ่มตามผลงานรวมของสมาชิก โดยนักเรียนจะเรียนรู้เนื้อหาในกลุ่มแล้วทำแบบทดสอบเป็นรายบุคคล คะแนนของแต่ละคนจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนกลุ่ม และกลุ่มที่ได้คะแนนดีจะได้รับการยกย่องชมเชย เทคนิคนี้เหมาะสำหรับการทบทวนเนื้อหาและการเตรียมสอบ

เทคนิค Teams-Games-Tournaments หรือ TGT มีลักษณะคล้ายกับ STAD แต่เปลี่ยนจากการทำแบบทดสอบเป็นการแข่งขันในรูปแบบเกม ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานและแรงจูงใจในการเรียนรู้ การแข่งขันจะจัดให้นักเรียนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันแข่งขันด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสชนะที่เท่าเทียมกัน

เทคนิค Group Investigation เป็นเทคนิคที่ให้อิสระแก่นักเรียนในการเลือกหัวข้อที่สนใจภายใต้ประเด็นใหญ่ที่กำหนด แล้วทำการวิจัยหาข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม วางแผนการนำเสนอ และประเมินผลงานของตนเองและเพื่อน เทคนิคนี้เหมาะสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่มีความพร้อมในการทำงานอิสระมากขึ้น

การประยุกต์ใช้ตามระดับชั้นเรียน

การจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ต้องปรับให้เหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย โดยคำนึงถึงความสามารถทางสติปัญญา ทักษะทางสังคม และความสนใจของนักเรียน

สำหรับระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 การจัดการเรียนรู้ควรเน้นกิจกรรมที่สั้นและเรียบง่าย เนื่องจากนักเรียนในวัยนี้มีความสามารถในการตั้งใจจำกัดและยังต้องการการแนะนำที่ชัดเจนจากครู เทคนิค Think-Pair-Share เหมาะสมมากสำหรับวัยนี้ โดยครูอาจเริ่มจากการให้นักเรียนคิดเป็นเวลาสั้นๆ จับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างเคียง แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาและความซับซ้อนของกิจกรรม

การจัดกลุ่มสำหรับนักเรียนประถมตอนต้นควรเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 2-3 คน และควรหมุนเวียนสมาชิกบ่อยๆ เพื่อให้นักเรียนได้ทำงานกับเพื่อนหลากหลายคน กิจกรรมที่เหมาะสมรวมถึงการอ่านเป็นคู่ การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ง่ายๆ ร่วมกัน การทำงานศิลปะหรือประดิษฐ์ และการเล่นเกมการศึกษาที่ต้องใช้ความร่วมมือ ครูต้องให้ความสำคัญกับการสอนทักษะทางสังคมพื้นฐาน เช่น การรอคิด การแบ่งปันวัสดุ การฟังเพื่อน และการใช้คำพูดสุภาพ

ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 นักเรียนมีความสามารถในการทำงานร่วมกันในระยะเวลาที่ยาวขึ้นและสามารถรับผิดชอบงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เทคนิค Jigsaw เริ่มเหมาะสมสำหรับวัยนี้ โดยเฉพาะในวิชาสังคมศึกษา ศิลปะ และภาษาไทย กลุ่มสามารถขยายเป็น 4-5 คน และนักเรียนสามารถทำหน้าที่ต่างๆ ในกลุ่มได้ เช่น หัวหน้ากลุ่ม เลขานุการ ผู้ควบคุมเวลา และผู้รายงาน

การใช้เทคนิค STAD และ TGT เหมาะสมมากสำหรับการทบทวนและเสริมทักษะในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ นักเรียนในวัยนี้ชอบการแข่งขันและการได้รับการยกย่อง ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้สูง โครงงานกลุ่มเริ่มเป็นไปได้และควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการวางแผน การแบ่งงาน และการประสานงานกัน

สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 นักเรียนในช่วงวัยรุ่นตอนต้นมีการพัฒนาทางสติปัญญาและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีความสนใจในความสัมพันธ์กับเพื่อนและต้องการความเป็นอิสระมากขึ้น การเรียนรู้การสหกรณ์ในระดับนี้สามารถใช้เทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น Group Investigation ที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเลือกหัวข้อและวิธีการเรียนรู้

กลุ่มสามารถมีสมาชิก 5-6 คนและควรมีความหลากหลายทั้งด้านความสามารถและเพศ การใช้เทคโนโลยีในการทำงานกลุ่มเริ่มมีบทบาทสำคัญ โดยนักเรียนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นคว้า การนำเสนอด้วยโปรแกรมต่างๆ และการสื่อสารกันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โครงการระยะยาวที่ต้องใช้การวางแผนและการทำงานร่วมกันหลายสัปดาห์เป็นสิ่งที่เหมาะสมและท้าทาย

การประเมินผลในระดับนี้ควรรวมถึงการประเมินกระบวนการทำงานกลุ่มด้วย ไม่ใช่เพียงผลงาน นักเรียนควรได้รับการฝึกฝนการให้ผลป้อนกลับแก่เพื่อนอย่างสร้างสรรค์และการรับฟังข้อเสนอแนะ การสะท้อนความคิดเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ของตนเองและกลุ่มเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เป็นช่วงที่นักเรียนมีความพร้อมสูงสุดสำหรับการเรียนรู้การสหกรณ์ในรูปแบบที่ซับซ้อนและต้องการความรับผิดชอบสูง กิจกรรมสามารถเป็นโครงการวิจัยที่แท้จริง การแก้ปัญหาชุมชน หรือการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม นักเรียนสามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดการความขัดแย้งภายในกลุ่มได้ด้วยตนเอง

การใช้เทคนิค Structured Controversy ที่ให้นักเรียนถกเถียงในประเด็นที่มีมุมมองหลากหลายเป็นสิ่งที่เหมาะสมและช่วยพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ นักเรียนจะได้เรียนรู้การรับฟังมุมมองที่แตกต่าง การหาหลักฐานสนับสนุนความคิดเห็น และการประนีประนอม

ตัวอย่างไฟล์ คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6


คู่มือการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในสถานศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สหกรณ์โรงเรียน สพฐ. 

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด