สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ร่วมกิจกรรมรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการหัวข้อ เรื่อง การจัดการเรียนการสอนในยุค next normal หรือ generative AI โดย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ร่วมกิจกรรมรับเกียรติบัตร เชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการหัวข้อ เรื่อง การจัดการเรียนการสอนในยุค next normal หรือ generative AI โดย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

การศึกษาไทย จาก Next Normal สู่ยุค Generative AI เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
การศึกษาไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ หลังจากที่โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาทั่วโลกอย่างรุนแรง เราได้เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า “Next Normal” หรือภาวะปกติใหม่ที่การเรียนการสอนต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น และในขณะเดียวกัน เราก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษาไทยไปตลอดกาล
การเปลี่ยนผ่านจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการบรรยายและการท่องจำไปสู่การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และสังคมเศรษฐกิจ การที่นักเรียนในกรุงเทพมหานครสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงได้ง่ายกว่านักเรียนในจังหวัดชายแดนใต้หรือภาคเหนือตอนบนเป็นความท้าทายที่ระบบการศึกษาไทยต้องเผชิญ
ในบริบทของ Next Normal นั้น การจัดการเรียนการสอนไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว ครูและนักเรียนต่างก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน หรือที่เรียกว่า Blended Learning ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนแบบปกติกับการเรียนออนไลน์ รูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การเรียนการสอนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามจังหวะของตนเอง
การเปลี่ยนแปลงของบทบาทครูในยุค Next Normal
บทบาทของครูในยุค Next Normal ได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หากในอดีตครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แบบทิศทางเดียว แต่ในปัจจุบันครูต้องกลายเป็น “facilitator” หรือผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ครูต้องสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ การสร้างเนื้อหาดิจิทัล การประเมินผลแบบออนไลน์ หรือการใช้เครื่องมือโต้ตอบระหว่างครูและนักเรียน
ความสามารถในการปรับตัวของครูไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ครูหลายคนที่เคยไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลジีต้องเรียนรู้การใช้โปรแกรมต่างๆ เช่น Zoom, Google Meet, Microsoft Teams, หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้อย่าง Google Classroom ในเวลาอันสั้น การปรับตัวครั้งนี้ทำให้เห็นถึงศักยภาพและความยืดหยุ่นของครูไทยที่สามารถเอาชนะอุปสรรคทางเทคโนโลยีได้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังคงมีความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีของครู การเข้าถึงอุปกรณ์ที่เหมาะสม และการสร้างเนื้อหาการเรียนรู้ที่มีคุณภาพสำหรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ครูต้องเรียนรู้ไม่เพียงแต่เทคนิคการสอนแบบใหม่ แต่ยังต้องเข้าใจถึงจิตวิทยาการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลด้วย
การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียน
นักเรียนในยุค Next Normal ต้องพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือ Self-directed Learning มากขึ้น การเรียนการสอนแบบออนไลน์หรือแบบผสมผสานต้องการให้นักเรียนมีวินัยในตนเองสูง สามารถจัดการเวลาได้ดี และมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้ในยุค Next Normal ยังเน้นไปที่การพัฒนา Digital Literacy หรือความรู้ด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมไม่เพียงแต่การใช้เทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลออนไลน์ การใช้สื่อดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ และการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ นักเรียนต้องเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างข้อมูลที่เชื่อถือได้และข่าวปลอม เข้าใจถึงผลกระทบของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
การมีส่วนร่วมของนักเรียนในการเรียนการสอนแบบออนไลน์เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เนื่องจากการขาดการปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้าทำให้นักเรียนบางคนรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงจูงใจในการเรียน ดังนั้น การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สร้างการมีส่วนร่วมและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูและเพื่อนนักเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การก้าวเข้าสู่ยุคของ Generative AI ในการศึกษา
การเกิดขึ้นของ Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ เช่น ChatGPT, Claude, Bard และเครื่องมืออื่นๆ ได้สร้างการปฏิวัติครั้งใหม่ในวงการศึกษา เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาการเรียนรู้ แต่ยังสามารถเป็นผู้ช่วยในการสอน ให้คำปรึกษา และแม้กระทั่งประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนได้
การใช้ Generative AI ในการศึกษาเปิดโอกาสใหม่ๆ มากมาย เช่น การสร้างเนื้อหาการเรียนรู้ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล การให้คำอธิบายที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย การสร้างแบบทดสอบและกิจกรรมการเรียนรู้ การแปลภาษา และการช่วยเหลือนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ตัวอย่างเช่น AI สามารถช่วยสร้างเนื้อหาเป็นภาษาไทยที่เหมาะสมกับระดับการศึกษาของนักเรียน หรือแปลงเนื้อหาที่ซับซ้อนให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
อย่างไรก็ตาม การใช้ Generative AI ในการศึกษายังมีความท้าทายและข้อกังวลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นจริง นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องการลอกเลียนแบบและการสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน หากพึ่งพา AI มากเกินไป
ประเด็นด้านจริยธรรมในการใช้ AI ในการศึกษาก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนักเรียน การใช้ข้อมูลเพื่อฝึกอบรม AI และการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด ระบบการศึกษาไทยต้องกำหนดนโยบายและแนวทางการใช้ AI ที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยง
การพัฒนาหลักสูตรสำหรับยุคใหม่
การปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เข้ากับยุค Next Normal และ Generative AI เป็นความจำเป็นเร่งด่วน หลักสูตรใหม่ต้องเน้นการพัฒนาทักษะที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน
การออกแบบหลักสูตรแบบสหวิทยาการ หรือ Interdisciplinary Curriculum กลายเป็นแนวทางที่สำคัญ เนื่องจากปัญหาในโลกจริงต้องการความรู้จากหลายสาขาวิชา การผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศิลปะ หรือที่เรียกว่า STEAM Education จะช่วยให้นักเรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างวิชาต่างๆ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้
การสอนให้นักเรียนใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ นักเรียนต้องเรียนรู้ที่จะใช้ AI เป็นผู้ช่วยในการค้นหาข้อมูล การวิเคราะห์ การสร้างแนวคิดเริ่มต้น แต่ยังคงใช้การคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจของตนเองในการประเมินและปรับปรุงผลงาน การสอน AI Literacy จึงเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในศตวรรษที่ 21
การประเมินผลในยุคดิจิทัล
รูปแบบการประเมินผลในยุค Next Normal และ Generative AI ต้องเปลี่ยนไปจากการทดสอบแบบดั้งเดิมที่เน้นการท่องจำไปสู่การประเมินที่เน้นกระบวนการคิด การประยุกต์ใช้ความรู้ และการแก้ปัญหา การประเมินแบบ Portfolio หรือการรวบรวมผลงานของนักเรียนตลอดภาคเรียน การประเมินผ่านโครงงาน และการประเมินแบบ Peer Assessment ที่นักเรียนประเมินผลงานของเพื่อนกลายเป็นรูปแบบการประเมินที่มีความหมายมากขึ้น
การใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล เช่น การใช้แพลตฟอร์มการประเมินออนไลน์ การประเมินแบบ Adaptive Testing ที่ปรับระดับความยากของคำถามตามความสามารถของนักเรียน และการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ของนักเรียน ช่วยให้ครูสามารถเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของนักเรียนได้ดีขึ้น
การประเมินผลในยุคที่มี AI ยังต้องพิจารณาถึงวิธีการป้องกันการใช้ AI ในการโกงสอบ การออกแบบการประเมินที่มุ่งเน้นไปที่กระบวนการคิดมากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย การประเมินผ่านการนำเสนอหรือการอธิบายแนวคิด และการประเมินในสถานการณ์จริงที่ไม่สามารถใช้ AI ช่วยได้ทั้งหมด
ความท้าทายในการเข้าถึงเทคโนโลยี
ช่องว่างทางดิจิทัล หรือ Digital Divide เป็นหนึ่งในความท้าทายใหญ่ที่สุดของการจัดการเรียนการสอนในยุค Next Normal โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความแตกต่างทางภูมิศาสตร์และสังคมเศรษฐกิจสูง นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลหรือครัวเรือนที่มีรายได้น้อยอาจไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการเรียนออนไลน์
การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เอกชนในการให้บริการอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ในราคาที่เข้าถึงได้ และชุมชนในการสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียน โครงการต่างๆ เช่น การให้ยืมแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ การจัดทำจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีในชุมชน และการฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยีแก่ครูและผู้ปกครอง เป็นตัวอย่างของมาตรการที่สามารถช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลได้
ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยียังส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาในระยะยาว หากไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง นักเรียนที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเพียงพออาจตกขบวนในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 และส่งผลต่อโอกาสในการศึกษาต่อและการทำงานในอนาคต
การพัฒนาครูสำหรับยุคใหม่
การพัฒนาครูให้มีความพร้อมสำหรับการจัดการเรียนการสอนในยุค Next Normal และ Generative AI เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษา ครูต้องได้รับการฝึกอบรมทั้งด้านเทคนิคการใช้เทคโนโลยีและด้านการออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมดิจิทัล
การฝึกอบรมครูต้องครอบคลุมหลายด้าน เริ่มจากทักษะพื้นฐานในการใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ การสร้างเนื้อหาดิจิทัล การใช้เครื่องมือการประเมินออนไลน์ ไปจนถึงทักษะขั้นสูงในการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ของนักเรียน และการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้แบบ Personalized Learning
การพัฒนาครูต้องเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ไม่ใช่การฝึกอบรมครั้งเดียว เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูต้องได้รับการอัปเดตความรู้และทักษะอย่างสม่ำเสมอ การสร้างชุมชนการเรียนรู้ของครู หรือ Professional Learning Community ที่ครูสามารถแบ่งปันประสบการณ์ ปัญหา และแนวทางแก้ไขระหว่างกันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาครูแบบยั่งยืน
การสนับสนุนจากผู้บริหารสถานศึกษาและนโยบายจากหน่วยงานต้นสังกัดเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ครูต้องได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเวลา งบประมาณ และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเอง
คำชี้แจง แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการหัวข้อ เรื่อง การจัดการเรียนการสอนในยุค next normal หรือ generative AI
แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการหัวข้อ เรื่อง การจัดการเรียนการสอนในยุค next normal หรือ generative AI
ตอนที่ 1 สถานภาพทั่วไป
ตอนที่ 2 ระดับความพึงพอใจ / ความรู้ความเข้าใจ / การนำไปใช้ ต่อการเข้าร่วมโครงการ
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆ
หมายเหตุ
1. ระบบเต็มหรือจำกัดจำนวนต่อวัน แนะนำให้ทำช่วงเช้า
2. ใส่อีเมล์ผิดต้องใช้ gmail เท่านั้น
3. คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. ต้องใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์ อาจนานถึง 1วัน
5. อาจอยู่ในเมล์ขยะ
6. บางเพจจำกัด gmail และให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางเกียรติบัตรไม่ส่งทางอีเมล์ต้องดาวโหลดจากเว็บไซต์
ตัวอย่างเกียรติบัตร
