
บทความนี้ สื่อฟรีออนไลน์.com
ขอแนะนำไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชาพื้นฐานหน้าที่พลเมือง ชั้นป.1
แผนการจัดการเรียนรู้หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แนวทางการพัฒนาพลเมืองดีตามหลักประชาธิปไตย
การจัดการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะหล่อหลอมเด็กไทยให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติในอนาคต องค์การค้าของ สกสค ได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้จึงได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานที่ครอบคลุมทั้งด้านหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม ตลอดจนเศรษฐศาสตร์และภูมิศาสตร์เบื้องต้น เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชนไทยตั้งแต่วัยเยาว์ แผนการเรียนรู้นี้ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้ โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
หลักการและเหตุผลในการจัดทำแผนการเรียนรู้ฉบับนี้มีรากฐานมาจากความเชื่อที่ว่าการศึกษาในระดับประถมศึกษาควรมุ่งเน้นการพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย การปลูกฝังค่านิยมและทัศนคติที่ดีงามตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แผนการเรียนรู้นี้จึงได้บูรณาการค่านิยมหลัก 12 ประการของคนไทย เข้าไว้ในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กๆ ได้ซึมซับค่านิยมเหล่านี้ไปพร้อมกับการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ค่านิยมทั้ง 12 ประการนี้ประกอบด้วย ความมีคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ความมีระเบียบวินัย การเคารพกฎหมาย การเคารพผู้อื่น การมีจิตสาธารณะ การใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และอื่นๆ
โครงสร้างของครอบครัวและบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเรียนรู้เกี่ยวกับสังคม เด็กๆ ในวัยประถมศึกษาปีที่ 1 จะเริ่มเข้าใจว่าครอบครัวของตนเองมีสมาชิกหลายคน แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกันไป พ่อแม่มีหน้าที่ในการดูแลเลี้ยงดูบุตรหลาน หาเลี้ยงครอบครัว ส่วนลูกๆ ก็มีหน้าที่ในการเรียนหนังสือให้ดี ช่วยเหลืองานบ้านตามความสามารถ และเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ การเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างครอบครัวนี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจถึงความสำคัญของครอบครัว รู้จักหน้าที่ของตนเองในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว และเรียนรู้ที่จะมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัวแล้ว แผนการเรียนรู้ยังให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของนักเรียนในโรงเรียน โรงเรียนเป็นสังคมย่อยที่สองรองจากครอบครัว ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในวงกว้างขึ้น การเข้าใจว่าตนเองมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้างในฐานะนักเรียนจะช่วยให้เด็กๆ สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนได้ดีขึ้น บทบาทหน้าที่ของนักเรียนนั้นมีหลากหลาย เช่น การตั้งใจเรียน การทำการบ้าน การเข้าแถวเคารพธงชาติ การรักษาความสะอาดในห้องเรียนและบริเวณโรงเรียน การเคารพครูอาจารย์ การเป็นเพื่อนที่ดีต่อเพื่อนร่วมชั้นเรียน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน การเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่เหล่านี้จะช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบและระเบียบวินัยให้กับเด็กๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ
สิทธิและหน้าที่เป็นสองสิ่งที่เดินคู่กันไปเสมอ แผนการเรียนรู้นี้จึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่หน้าที่เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของตนเองด้วย เด็กๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ว่าตนเองมีสิทธิอะไรบ้างในครอบครัวและโรงเรียน สิทธิพื้นฐานของเด็กในครอบครัวประกอบด้วยสิทธิที่จะได้รับการดูแลเลี้ยงดู ได้รับความรักและความอบอุ่น ได้รับการศึกษา ได้แสดงความคิดเห็น และได้รับการปกป้องคุ้มครอง ส่วนสิทธิในโรงเรียนนั้นมีหลายประการ เช่น สิทธิในการเรียนรู้ สิทธิในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียน สิทธิในการได้รับความเป็นธรรม สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการได้รับความปลอดภัย การเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจว่าตนเองมีคุณค่าและมีความสำคัญในสังคม
หลักประชาธิปไตยเป็นอีกหัวข้อสำคัญที่ปรากฏในแผนการเรียนรู้ฉบับนี้ แม้ว่าเด็กๆ ในวัยประถมศึกษาปีที่ 1 อาจจะยังไม่สามารถเข้าใจแนวคิดเชิงทฤษฎีที่ซับซ้อนเกี่ยวกับประชาธิปไตยได้ แต่พวกเขาสามารถเรียนรู้และฝึกฝนการใช้หลักประชาธิปไตยในชีวิตประจำวันได้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การตัดสินใจร่วมกันในการเลือกเกมส์ที่จะเล่นในคาบพักผ่อน การลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าห้อง การแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมชั้นเรียน การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และการยอมรับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยปลูกฝังแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับประชาธิปไตยให้กับเด็กๆ เช่น การเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ความเสมอภาค และความยุติธรรม ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการเป็นพลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตยต่อไป
การบูรณาการหลักประชาธิปไตยเข้าไปในกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกิจกรรมกลุ่มในชั้นเรียน ครูอาจให้นักเรียนช่วยกันตัดสินใจว่าจะทำกิจกรรมอะไร โดยให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็น จากนั้นลงคะแนนเสียงเลือกกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ต้องการ หรือในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นในห้องเรียน ครูอาจเปิดโอกาสให้นักเรียนได้อภิปรายและหาทางแก้ไขร่วมกัน แทนที่จะบอกวิธีแก้ปัญหาโดยตรง วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะการแสดงความคิดเห็น การรับฟังผู้อื่น การเคารพความเห็นที่แตกต่าง และการตัดสินใจแบบประชาธิปไตย นอกจากนี้ การให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการกำหนดกฎระเบียบของห้องเรียนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจและเห็นคุณค่าของหลักประชาธิปไตย
การเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นในหน่วยที่ 3 ของแผนการเรียนรู้นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะช่วยสร้างรากฐานความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจให้กับเด็กๆ ตั้งแต่ยังเล็ก หัวข้อเรื่องสินค้าและบริการที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม เพราะเป็นเรื่องที่เด็กๆ สามารถเห็นและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน สินค้าหมายถึงสิ่งของที่จับต้องได้ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ของเล่น หนังสือ เครื่องเขียน เครื่องใช้ในบ้าน และอื่นๆ ส่วนบริการหมายถึงการกระทำหรือการให้ความช่วยเหลือที่ไม่สามารถจับต้องได้ เช่น การตัดผม การรักษาพยาบาล การศึกษา การขนส่ง และการซ่อมแซมของต่างๆ การเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างสินค้าและบริการจะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจได้ดีขึ้น
ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การให้นักเรียนสำรวจสินค้าและบริการที่ใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและครอบครัว การนำภาพหรือของจริงมาจำแนกว่าเป็นสินค้าหรือบริการ การเล่นบทบาทสมมติเป็นผู้ขายและผู้ซื้อในตลาดจำลอง หรือการไปทัศนศึกษาร้านค้าในชุมชนเพื่อสังเกตสินค้าและบริการที่มีจำหน่าย กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ครูยังควรเชื่อมโยงการเรียนรู้เรื่องนี้เข้ากับชีวิตจริงของเด็กๆ โดยให้พวกเขาคิดและพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่พวกเขาหรือครอบครัวใช้บ่อยๆ เช่น อาหารเช้าที่กิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ บริการตัดผมที่ใช้ หรือบริการขนส่งสาธารณะที่ใช้เดินทางไปโรงเรียน
การจัดการทรัพยากรและการออมเป็นหัวข้อที่เชื่อมต่อจากการเรียนรู้เรื่องสินค้าและบริการ เมื่อเด็กๆ เข้าใจแล้วว่าสินค้าและบริการคือสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตสินค้าและให้บริการนั้นมีจำกัด และเราควรใช้อย่างรอบคอบและประหยัด แนวคิดเรื่องการจัดการทรัพยากรนี้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่รัฐบาลไทยส่งเสริมให้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เด็กๆ จะได้เรียนรู้ว่าการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด การไม่สิ้นเปลือง และการนำสิ่งของมาใช้ซ้ำหรือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นพฤติกรรมที่ดีและควรปฏิบัติ ตัวอย่างการจัดการทรัพยากรในชีวิตประจำวันของเด็กๆ เช่น การปิดน้ำขณะแปรงฟัน การปิดไฟเมื่อออกจากห้อง การใช้กระดาษทั้งสองหน้า การดูแลรักษาของใช้ให้อยู่นาน และการแบ่งปันของเล่นกับพี่น้อง
การออมเป็นทักษะทางการเงินพื้นฐานที่สำคัญที่ควรปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แผนการเรียนรู้นี้จึงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการออมและความสำคัญของการออมไว้ด้วย เด็กๆ จะได้เรียนรู้ว่าการออมคือการเก็บเงินหรือสิ่งของไว้ใช้ในอนาคต โดยไม่ใช้จ่ายทั้งหมดในปัจจุบัน ความสำคัญของการออมคือช่วยให้เรามีเงินหรือทรัพยากรไว้ใช้เมื่อมีความจำเป็น สามารถซื้อสิ่งที่ต้องการในอนาคต และเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ครูสามารถสอนเรื่องการออมผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การให้นักเรียนตั้งเป้าหมายการออมเล็กๆ เช่น อยากซื้อของเล่นชิ้นหนึ่งหรือหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วคำนวณว่าจะต้องออมเงินเท่าไหร่และนานแค่ไหนถึงจะมีเงินพอซื้อได้ การให้นักเรียนทำกระปุกออมเงินของตนเอง การสร้างตารางติดตามการออมเงิน หรือการเล่นเกมส์จำลองเกี่ยวกับการออมเงิน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจคุณค่าของการออมและฝึกฝนทักษะการวางแผนทางการเงินเบื้องต้น
การบูรณาการทักษะสำคัญต่างๆ เข้าไปในแผนการเรียนรู้เป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่งของแผนฉบับนี้ ทักษะสำคัญที่ได้รับการบูรณาการประกอบด้วยทักษะการคิด ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการคิดจะถูกพัฒนาผ่านกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และสรุปความรู้ต่างๆ เช่น การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสินค้าและบริการ การวิเคราะห์สาเหตุว่าทำไมเราจึงต้องออมเงิน หรือการคิดหาวิธีการประหยัดทรัพยากรในชีวิตประจำวัน ทักษะการสื่อสารจะได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้พูดคุย อภิปราย นำเสนอความคิดเห็น และเล่าประสบการณ์ของตนเอง เช่น การเล่าเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ของตนเองในครอบครัว การนำเสนอผลงานกลุ่มเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร หรือการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้หลักประชาธิปไตยในชั้นเรียน
ทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทักษะที่สำคัญมากในโลกปัจจุบัน แผนการเรียนรู้นี้จึงมีกิจกรรมกลุ่มหลายกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาทักษะนี้ให้กับนักเรียน เช่น การทำโครงงานกลุ่มเกี่ยวกับการสำรวจสินค้าและบริการในชุมชน การจัดกิจกรรมตลาดนัดในโรงเรียนโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน หรือการร่วมกันตกแต่งห้องเรียนตามธีมที่กำหนด กิจกรรมเหล่านี้จะสอนให้นักเรียนรู้จักการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การประนีประนอม และการทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมกัน ส่วนทักษะการแก้ปัญหาจะได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรมที่ให้นักเรียนเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาต่างๆ และต้องหาทางแก้ไข เช่น ถ้ามีเงินไม่พอจะซื้อของที่ต้องการควรทำอย่างไร ถ้าเพื่อนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของเราควรทำอย่างไร หรือถ้าต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียนควรทำอย่างไร กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยฝึกให้นักเรียนคิดอย่างเป็นระบบ พิจารณาทางเลือกต่างๆ และตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุด
สรุปรายละเอียดเป็นรูปภาพพอสังเขปได้ดังนี้ครับ
























ขอแนะนำไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชาพื้นฐานหน้าที่พลเมือง ชั้นป.1
เป็นไฟล์ PDF