สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ พว. ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ พว. ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ พว. ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลดฟรี แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ พว.

แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กไทยสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
การศึกษาในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่กำลังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หรือการเรียนรู้เชิงรุก ได้กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การสอนที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการศึกษาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย วิธีการนี้เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนรู้ ส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง แทนที่จะเป็นเพียงผู้รับความรู้แบบเดิมๆ ที่ครูเป็นผู้บอกและนักเรียนเป็นผู้ฟังเท่านั้น
แนวคิด Active Learning มีรากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้หลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองของเพียเจต์ ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของไวก็อตสกี้ และแนวคิดการเรียนรู้แบบประสบการณ์ตรงของจอห์น ดิวอี้ ซึ่งล้วนเน้นว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ได้คิด ได้วิเคราะห์ และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น แทนที่จะเป็นการท่องจำความรู้แบบตายตัว การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ในระดับปฐมวัยจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จึงต้องอาศัยความเข้าใจในพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย และการออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสามารถของเด็กในแต่ละระดับ
ความหมายและหลักการสำคัญของ Active Learning
Active Learning หรือการเรียนรู้เชิงรุก หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจในกิจกรรมการเรียนรู้ ไม่ใช่การนั่งฟังครูบรรยายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้คิดวิเคราะห์ ได้แก้ปัญหา ได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้สร้างผลงานที่แสดงออกถึงความเข้าใจของตนเอง วิธีการนี้ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น และทักษะการแก้ปัญหาที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
หลักการสำคัญของ Active Learning ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่สำคัญ ประการแรกคือ การมีส่วนร่วมของผู้เรียน ซึ่งหมายถึงการที่ผู้เรียนต้องเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับความรู้แบบ passive ประการที่สองคือ การสร้างความหมายด้วยตนเอง ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสประมวลความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิมที่ตนมีอยู่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งและยั่งยืน ประการที่สามคือ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะปฏิบัติและเห็นการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง ประการที่สี่คือ การเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ซึ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เรียนรู้จากเพื่อน และได้พัฒนาทักษะทางสังคม
การนำ Active Learning มาใช้ในห้องเรียนไทยนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากในอดีตการศึกษาไทยมักเน้นการท่องจำและการสอบที่วัดความจำเป็นหลัก ทำให้เด็กไทยหลายคนมีความรู้ดีแต่ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และการนำความรู้ไปใช้จริง การเปลี่ยนมาใช้แนวทาง Active Learning จะช่วยพัฒนาเด็กไทยให้มีความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ และมีทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต
แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับระดับปฐมวัย
เด็กในระดับปฐมวัยมีช่วงอายุประมาณ 3-6 ปี เป็นช่วงวัยที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เด็กในวัยนี้เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเล่น การสำรวจ และการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับเด็กปฐมวัยจึงควรเน้นกิจกรรมที่สนุกสนาน ให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย ได้สัมผัสของจริง และได้แสดงออกอย่างอิสระภายใต้การดูแลและคำแนะนำของครูที่อบอุ่น
กิจกรรม Active Learning ที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยประกอบด้วยหลายรูปแบบ การเล่นตามมุมต่างๆ เช่น มุมบล็อก มุมบทบาทสมมติ มุมศิลปะ มุมหนังสือ และมุมวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการที่ดีเยี่ยมในการให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กสามารถเลือกไปเล่นในมุมที่ตนสนใจ ได้ทดลองสิ่งต่างๆ ได้แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นขณะเล่น และได้โต้ตอบกับเพื่อนในลักษณะธรรมชาติ ครูมีบทบาทเป็นผู้สังเกต ผู้อำนวยความสะดวก และผู้ให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น
การเล่านิทานแบบมีส่วนร่วมเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญ แทนที่ครูจะเป็นผู้เล่าเรื่องให้เด็กฟังเพียงอย่างเดียว ควรให้เด็กมีส่วนร่วมในการเล่าเรื่อง การทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น การแสดงท่าทางประกอบ หรือการช่วยกันแต่งต่อเรื่องราว วิธีนี้ช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก นอกจากนี้การใช้หนังสือภาพที่มีภาพสวยงามและเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัย พร้อมกับการตั้งคำถามให้เด็กคิดและแสดงความคิดเห็น จะช่วยกระตุ้นการคิดและการสื่อสารของเด็กได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็กปฐมวัย การร้องเพลง การเต้นรำ การเล่นเกมเคลื่อนไหว ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กของเด็ก แต่ยังช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวะ ความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น การผสมผสานการเคลื่อนไหวเข้ากับการเรียนรู้เนื้อหาอื่นๆ เช่น การร้องเพลงนับเลข การเต้นตามรูปทรงเรขาคณิต หรือการเคลื่อนไหวแสดงลักษณะของสัตว์ต่างๆ จะทำให้การเรียนรู้สนุกสนานและน่าจดจำมากขึ้น
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้แบบ Active ในปฐมวัย เด็กควรได้มีโอกาสทดลองใช้สีต่างๆ ดินน้ำมัน กระดาษ และวัสดุอื่นๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องทำตามแบบที่ครูกำหนดเสมอไป การให้อิสระในการสร้างสรรค์จะช่วยพัฒนาจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ปัญหาของเด็ก ขณะเดียวกันการใช้กล้ามเนื้อมือในการวาดภาพ ตัด ปะ ปั้น ก็ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อเล็กที่จำเป็นสำหรับการเขียนในอนาคต
แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
เมื่อเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาตอนต้น เด็กเริ่มมีความพร้อมในการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการที่เป็นระบบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ยังคงต้องเน้นการปฏิบัติจริงและประสบการณ์ตรงเป็นหลัก เนื่องจากเด็กในวัยนี้ยังคงเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมและการลงมือทำ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ในระดับนี้จึงควรสมดุลระหว่างการสอนทักษะพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การอ่าน การเขียน และการคำนวณ กับการให้เด็กได้ใช้ทักษะเหล่านี้ในบริบทที่มีความหมายและน่าสนใจ
การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นวิธีการที่เหมาะสมมากสำหรับระดับประถมตอนต้น ครูสามารถออกแบบโครงงานเล็กๆ ที่ให้เด็กได้สำรวจหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น โครงงานเรื่องพืชที่เด็กได้ปลูกต้นถั่วงอกและสังเกตการเจริญเติบโต โครงงานเรื่องชุมชนที่เด็กได้สำรวจบริเวณรอบโรงเรียนและสัมภาษณ์คนในชุมชน หรือโครงงานเรื่องสัตว์ที่เด็กได้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ชนิดที่ตนสนใจและนำเสนอให้เพื่อนฟัง โครงงานเหล่านี้ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการค้นคว้า การสังเกต การบันทึกข้อมูล และการนำเสนอ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้แบบร่วมมือกันมีความสำคัญมากในระดับประถมตอนต้น เด็กในวัยนี้เริ่มพัฒนาทักษะทางสังคมและต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน การจัดกิจกรรมกลุ่มย่อยที่เด็กต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน เช่น การแก้ปริศนา การสร้างโมเดล หรือการเตรียมการแสดงสั้นๆ จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม การฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ และการประนีประนอม ครูควรสอนทักษะการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจน และช่วยเหลือกลุ่มที่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน
การใช้เกมการศึกษาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำให้การเรียนรู้สนุกสนานและท้าทาย เกมคณิตศาสตร์ที่ใช้ลูกเต้า บัตรตัวเลข หรือเกมบอร์ด สามารถช่วยให้เด็กฝึกทักษะการคำนวณในบริบทที่สนุกสนาน เกมภาษาที่ใช้บัตรคำ การต่อคำ หรือการเล่านิทานต่อกัน จะช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาและความคิดสร้างสรรค์ เกมวิทยาศาสตร์ที่ให้เด็กทดลองและค้นพบสิ่งต่างๆ จะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและทักษะการสืบเสาะหาความรู้ การเลือกใช้เกมที่เหมาะสมกับเนื้อหาที่สอนและระดับความสามารถของเด็กจะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเชื่อมโยงการเรียนรู้กับชีวิตจริงของเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก เด็กจะเรียนรู้ได้ดีขึ้นเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เรียนมีความหมายและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของตน ตัวอย่างเช่น การสอนคณิตศาสตร์เรื่องการบวกลบโดยใช้สถานการณ์การซื้อของ การสอนภาษาไทยโดยให้เด็กเขียนจดหมายถึงคนที่ตนรัก การสอนวิทยาศาสตร์โดยให้เด็กสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือการสอนสังคมศึกษาโดยให้เด็กศึกษาเกี่ยวกับชุมชนของตนเอง การเชื่อมโยงเช่นนี้จะทำให้เด็กเห็นคุณค่าของการเรียนรู้และมีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น
แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
เด็กในระดับประถมศึกษาตอนปลายมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่สูงขึ้น สามารถคิดเชิงนามธรรมได้มากขึ้น มีความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้ได้ดี การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ในระดับนี้จึงสามารถมีความซับซ้อนมากขึ้น เน้นการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้อย่างเหมาะสม เด็กเริ่มสามารถรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเองได้มากขึ้น จึงควรส่งเสริมให้เขามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ วางแผนการทำงาน และประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองร่วมกับเพื่อน
ลักษณะการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับช่วงวัยนี้ คือการเรียนรู้ที่ท้าทาย มีเป้าหมายชัดเจน และมีการเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรียน ครูควรจัดกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ลงมือคิด ลงมือปฏิบัติ และเรียนรู้จากการแก้ปัญหาที่อยู่รอบตัว เช่น การเรียนรู้แบบโครงงาน การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ หรือกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสดงความคิดเห็นของตนอย่างอิสระ การตั้งคำถามปลายเปิด การใช้สถานการณ์สมมติ และการจำลองสถานการณ์ก็เป็นเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กคิดอย่างลึกซึ้งและใช้เหตุผลในการอธิบายคำตอบของตนเอง
การเรียนรู้แบบโครงงานในระดับประถมศึกษาตอนปลายควรมีความลึกและซับซ้อนมากขึ้น เด็กสามารถทำโครงงานที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ มีขั้นตอนการวางแผนอย่างละเอียด การค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่ง และการนำเสนอผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น โครงงานวิทยาศาสตร์ที่เด็กตั้งสมมติฐาน ทดลอง สังเกต วิเคราะห์ผล และสรุปผลด้วยตนเอง โครงงานสังคมศึกษาที่เด็กศึกษาประเด็นปัญหาในชุมชน เช่น ปัญหาขยะ ปัญหาน้ำเสีย หรือปัญหาจราจร แล้วนำเสนอแนวทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ หรือโครงงานภาษาไทยที่ให้นักเรียนสร้างหนังสือนิทาน บทละคร หรือสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารกับคนในโรงเรียน การทำโครงงานลักษณะนี้ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีมอย่างครบถ้วน
การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานหรือ Problem-Based Learning เป็นอีกแนวทางที่เหมาะสมสำหรับช่วงชั้นนี้ ครูเริ่มต้นด้วยการนำเสนอปัญหาที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันหรือสังคม เช่น ทำไมเราต้องประหยัดพลังงาน ทำอย่างไรให้โรงเรียนสะอาดขึ้น หรือจะช่วยลดขยะในห้องเรียนได้อย่างไร จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันระดมสมอง วิเคราะห์ปัญหา วางแผนหาคำตอบ และลงมือปฏิบัติจริง ขั้นตอนการเรียนรู้แบบนี้ช่วยให้เด็กเรียนรู้กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ฝึกทักษะการสืบค้นข้อมูล และเข้าใจความสำคัญของการทำงานร่วมกับผู้อื่น
กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ร่วมกันในลักษณะของการเรียนรู้แบบร่วมมือหรือ Cooperative Learning ซึ่งนักเรียนแต่ละคนมีบทบาทและความรับผิดชอบของตนเองภายในกลุ่ม ทุกคนมีส่วนในการคิดและลงมือทำ การแบ่งหน้าที่ในกลุ่ม เช่น ผู้นำเสนอ ผู้บันทึกข้อมูล ผู้ค้นคว้า หรือผู้จัดการเวลา ช่วยพัฒนาให้เด็กมีวินัยในการทำงาน และรู้จักการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่น การเรียนรู้แบบนี้ส่งเสริมทั้งด้านสังคมและอารมณ์ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เชิงวิชาการ
เทคโนโลยียังมีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้ของเด็กประถมตอนปลาย ครูสามารถใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เกมการศึกษา หรือแอปพลิเคชันเพื่อช่วยให้นักเรียนค้นคว้าข้อมูล ฝึกทักษะ และสร้างผลงานของตนเอง ตัวอย่างเช่น การใช้โปรแกรม Canva หรือ PowerPoint เพื่อจัดทำสื่อประกอบการนำเสนอ การใช้ Google Earth ในการสำรวจภูมิศาสตร์ หรือการใช้เว็บไซต์วิทยาศาสตร์เสมือนเพื่อทดลองแนวคิดก่อนการทดลองจริงในห้องเรียน การผสมผสานเทคโนโลยีในกระบวนการเรียนรู้ช่วยให้เด็กสนุกและเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น
ครูควรออกแบบการประเมินผลที่หลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของการเรียนรู้แบบ Active Learning ไม่ควรประเมินจากการทดสอบเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้วิธีการประเมินระหว่างเรียน เช่น การสังเกตพฤติกรรม การให้เพื่อนประเมินกันเอง การให้เด็กสะท้อนผลการเรียนรู้ของตน รวมถึงการประเมินผลงานหรือชิ้นงานที่เกิดจากการเรียนรู้จริง วิธีนี้จะช่วยให้เห็นพัฒนาการของผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะได้อย่างรอบด้าน
การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จึงควรเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิด ได้ลงมือทำ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด และได้ภาคภูมิใจกับผลงานของตนเอง เด็กจะค่อยๆ เรียนรู้การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ และการสะท้อนผลการเรียนรู้ของตนในทุกขั้นตอน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตในอนาคต
ตัวอย่างไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ระดับชั้นปฐมวัย – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6


เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ
รวมแผน และสื่อการจัดการเรียนการสอน พว. (ล่าสุด)
- แผนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- แผนวิทยาการคำนวณ
- แผนสุขศึกษาและพละศึกษา
