สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลดฟรี แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับเด็กปฐมวัยถึงประถมศึกษาปีที่ 6 แนวทางสร้างผู้เรียนที่กระตือรือร้นและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

การศึกษาในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก ครูผู้สอนไม่สามารถใช้วิธีการสอนแบบเดิมที่เน้นการบรรยายเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป เพราะเด็กในยุคนี้ต้องการการเรียนรู้ที่มีส่วนร่วม สนุกสนาน และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หรือการเรียนรู้เชิงรุกจึงเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในระดับปฐมวัยจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สำคัญในการพัฒนาทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น

ความหมายและหลักการของ Active Learning

Active Learning หรือการเรียนรู้เชิงรุกคือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การนั่งฟังครูบรรยายอย่างเดียว แต่เป็นการให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้มีความหมายและติดทนนานกว่าการเรียนแบบเดิม หลักการสำคัญของ Active Learning คือการเปลี่ยนบทบาทของครูจากผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ หรือที่เรียกว่า Facilitator ขณะที่นักเรียนจะเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น ตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง

รูปแบบการเรียนรู้นี้มีพื้นฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้หลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีพัฒนาการทางปัญญาของเพียเจต์ ที่เชื่อว่าเด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของไวก็อตสกี้ ที่เน้นความสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ที่เชื่อว่าผู้เรียนสร้างความรู้ขึ้นเองจากประสบการณ์และการสะท้อนคิด การนำทฤษฎีเหล่านี้มาผสมผสานกันจะช่วยให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย

ความสำคัญของ Active Learning สำหรับเด็กไทย

สังคมไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม การศึกษาจึงต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เด็กไทยในยุคปัจจุบันต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งต้องการทักษะที่หลากหลายมากกว่าการท่องจำความรู้เพียงอย่างเดียว Active Learning จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เด็กยังเล็ก

การเรียนรู้แบบเชิงรุกช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เมื่อเด็กได้เผชิญกับสถานการณ์จริงหรือปัญหาที่ท้าทาย พวกเขาจะเรียนรู้ที่จะคิดหาทางออก ลองผิดลองถูก และปรับปรุงวิธีการของตนเอง ทักษะเหล่านี้จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิตและเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ Active Learning ยังส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและทักษะทางสังคม เด็กได้เรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แบ่งปันความคิดของตนเอง และทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในโลกของการทำงานในอนาคต

ทักษะการสื่อสารก็เป็นอีกหนึ่งผลประโยชน์สำคัญของ Active Learning เด็กได้ฉลาดในการนำเสนอความคิดของตนเองทั้งการพูดและการเขียน ได้ฝึกการตั้งคำถาม การโต้แย้งอย่างสร้างสรรค์ และการอธิบายเหตุผล สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเองและสามารถแสดงออกได้อย่างเหมาะสม สำหรับบริบทของสังคมไทย Active Learning ยังช่วยปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม เช่น ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และความเคารพในความแตกต่างหลากหลาย ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการทำงานร่วมกันและการแก้ปัญหาในบริบทของชุมชนและสังคมไทย

การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับเด็กปฐมวัย

เด็กปฐมวัยคือเด็กในช่วงอายุ 3 ถึง 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยทองของการพัฒนาสมอง เด็กในวัยนี้เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเล่นและการสำรวจด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับเด็กปฐมวัยจึงต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นหลัก โดยครูต้องออกแบบกิจกรรมที่หลากหลาย น่าสนใจ และกระตุ้นให้เด็กอยากสำรวจและค้นพบด้วยตนเอง

กิจกรรมการเล่นตามมุมเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากสำหรับเด็กปฐมวัย ในห้องเรียนจะมีการจัดมุมต่างๆ เช่น มุมบล็อก มุมบทบาทสมมติ มุมศิลปะ มุมหนังสือ และมุมวิทยาศาสตร์ เด็กจะได้เลือกเล่นในมุมที่ตนเองสนใจ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการตัดสินใจและความรับผิดชอบในตนเอง ในมุมบล็อก เด็กได้พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกัน ในมุมบทบาทสมมติ เด็กได้ฝึกทักษะทางสังคม การสื่อสาร และจินตนาการ ขณะที่มุมศิลปะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมือเล็กและการแสดงออกทางอารมณ์

การเล่านิทานแบบมีส่วนร่วมเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เหมาะสำหรับเด็กปฐมวัย แทนที่ครูจะเล่านิทานให้เด็กฟังอย่างเดียว ควรให้เด็กมีส่วนร่วมในการเล่านิทาน เช่น ให้เด็กช่วยพูดคำซ้ำๆ ในนิทาน ทำท่าประกอบ หรือคาดเดาว่าเรื่องจะจบอย่างไร กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการฟัง การพูด และจินตนาการของเด็ก นอกจากนี้ การใช้หนังสือภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย หรือนิทานพื้นบ้านไทย จะช่วยให้เด็กเรียนรู้และภูมิใจในความเป็นไทยของตนเองตั้งแต่เล็ก

กิจกรรมสำรวจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการส่งเสริม Active Learning สำหรับเด็กปฐมวัย การพาเด็กออกไปสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น สังเกตใบไม้ รูปร่างหินก้อนต่างๆ หรือการสังเกตแมลง จะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติของเด็ก ครูควรเตรียมคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นการคิด เช่น ทำไมใบไม้ถึงมีสีเขียว ถ้าเราดูแลต้นไม้จะเกิดอะไรขึ้น แมลงกินอะไรเป็นอาหาร คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเริ่มคิดหาคำตอบและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโลกรอบตัว

การจัดกิจกรรมกลุ่มเล็กก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย แม้ว่าเด็กในวัยนี้จะยังอยู่ในช่วงที่มุ่งเน้นตนเองเป็นหลัก แต่การให้โอกาสเด็กได้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่มเล็ก 2-3 คน จะช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมเบื้องต้น เช่น การรอคอย การแบ่งปัน และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตัวอย่างกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การสร้างภาพร่วมกัน การเล่นปริศนาง่ายๆ เป็นทีม หรือการปลูกต้นไม้ในกระถางเล็กร่วมกัน ครูต้องคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือเมื่อเด็กเกิดความขัดแย้ง โดยสอนให้เด็กเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยการสื่อสารและการประนีประนอม

สำหรับเด็กไทยในระดับปฐมวัย การบูรณาการวัฒนธรรมไทยเข้าในกิจกรรม Active Learning เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เช่น การเล่นเกมพื้นบ้านไทยที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวและการคิด อย่างเกมกบเต้ากระโดด การเล่นมะค้างาน หรือการเล่นหมากข้าวหลาม กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ แต่ยังช่วยอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมไทยไปสู่คนรุ่นต่อไปด้วย การร้องเพลงไทยประกอบท่าทาง การฟ้อนรำง่ายๆ หรือการทำกิจกรรมศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะไทย ก็เป็นวิธีที่ดีในการให้เด็กเรียนรู้และภูมิใจในความเป็นไทยตั้งแต่เยาว์วัย

การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3

เมื่อเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาตอนต้น พวกเขาเริ่มพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน มีความสามารถในการคิดเป็นระบบมากขึ้น และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ในระดับนี้จึงสามารถซับซ้อนมากขึ้น โดยยังคงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำและประสบการณ์ตรง

การเรียนรู้แบบโครงงานหรือ Project-Based Learning เป็นวิธีการที่เหมาะสมมากสำหรับเด็กในระดับนี้ ครูสามารถกำหนดโครงงานที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของเด็กหรือชุมชน เช่น โครงงานเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน การศึกษาอาชีพของคนในชุมชน หรือการสำรวจพืชผักที่ปลูกในท้องถิ่น เด็กจะได้ทำงานเป็นกลุ่ม ค้นคว้าข้อมูล สัมภาษณ์ผู้รู้ สังเกตการณ์ และสรุปผลการเรียนรู้เพื่อนำเสนอต่อเพื่อนในชั้นเรียน กระบวนการนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และการสื่อสารอย่างครบถ้วน

การใช้คำถามเพื่อกระตุ้นการคิดเป็นเทคนิคสำคัญในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning แทนที่จะบอกคำตอบให้เด็กรู้ทันที ครูควรใช้คำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นให้เด็กคิดหาคำตอบเอง เช่น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ถ้าเราลองทำอีกวิธีจะเกิดอะไรขึ้น หรือเธอคิดว่าควรทำอย่างไรดี คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กพัฒนาการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ครูควรให้เวลาเด็กคิดก่อนตอบและส่งเสริมให้เด็กอธิบายเหตุผลของคำตอบของตนเอง แม้คำตอบนั้นจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะกระบวนการคิดนั้นสำคัญกว่าคำตอบที่ถูกต้อง

การเรียนรู้แบบสถานการณ์จำลองหรือการเล่นบทบาทเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับประถมศึกษาตอนต้น เด็กสามารถเรียนรู้เนื้อหาต่างๆ ผ่านการจำลองสถานการณ์จริง เช่น การจำลองการซื้อขายของในตลาดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเงินและการคิดคำนวณ การสวมบทบาทเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เพื่อเรียนรู้เหตุการณ์ในอดีต หรือการจำลองการทำงานในอาชีพต่างๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความรับผิดชอบและทักษะที่จำเป็นในแต่ละอาชีพ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้การเรียนรู้สนุกสนานและเด็กสามารถจดจำได้ดีกว่าการเรียนจากตำรา

การใช้เกมการศึกษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ก็เป็นวิธีที่ได้ผลดีมาก ครูสามารถออกแบบเกมที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่สอน เช่น เกมบิงโกสำหรับฝึกคำศัพท์ เกมการ์ดจับคู่สำหรับฝึกทักษะการอ่าน หรือเกมกระดานที่ต้องตอบคำถามเพื่อเดินหน้า เกมการศึกษาช่วยให้เด็กเรียนรู้อย่างสนุกสนานและไม่รู้สึกว่ากำลังเรียน นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์และการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์

สำหรับวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การเรียนรู้ผ่านการทดลองและสำรวจเป็นวิธีที่ดีที่สุด แทนที่จะให้เด็กท่องสูตรหรือกฎต่างๆ ควรให้เด็กได้ลงมือทดลองและค้นพบด้วยตนเอง เช่น การทดลองเกี่ยวกับการลอยและจมของวัตถุ การสังเกตการเจริญเติบโตของพืช หรือการวัดความยาวของวัตถุต่างๆ รอบตัว สำหรับคณิตศาสตร์ การใช้สื่อที่จับต้องได้ เช่น ก้อนบล็อก ลูกปัด หรือไม้นับ จะช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดทางคณิตศาสตร์ได้ดีกว่าการท่องจำตัวเลข เมื่อเด็กเข้าใจแนวคิดผ่านการลงมือทำ พวกเขาจะสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ ได้

การบูรณาการเนื้อหาหลายวิชาเข้าด้วยกันเป็นอีกแนวทางหนึ่งของ Active Learning การเรียนรู้ในชีวิตจริงไม่ได้แยกเป็นวิชาๆ อย่างที่เรียนในโรงเรียน ดังนั้นการออกแบบกิจกรรมที่บูรณาการหลายวิชาเข้าด้วยกันจะช่วยให้เด็กเห็นความเชื่อมโยงของความรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น โครงงานเกี่ยวกับการปลูกผักสวนครัว จะรวมเอาวิชาวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืช คณิตศาสตร์ เกี่ยวกับการวัดและนับจำนวน ภาษาไทย เกี่ยวกับการเขียนบันทึกการสังเกต และสังคมศึกษา เกี่ยวกับความสำคัญของการเกษตรในชีวิตของคนไทย

ตัวอย่างไฟล์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6


แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ active learning ตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : บ้านสื่อการศึกษา

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด