สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

การศึกษาไทยในยุคปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะที่หลากหลายและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้นั้น มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งการจัดการเรียนรู้เชิงรุกหรือ Active Learning จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้นโยบายนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง การนิเทศการสอนที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้ครูผู้สอนสามารถนำการจัดการเรียนรู้เชิงรุกไปใช้ในห้องเรียนได้อย่างมีคุณภาพ

การจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นแนวทางการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่นั่งฟังครูบรรยายเพียงอย่างเดียว แต่ผู้เรียนต้องได้ลงมือปฏิบัติ ได้คิด ได้วิเคราะห์ และได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง บทบาทของครูจึงเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรมที่ท้าทายความคิด และคอยให้คำแนะนำที่เหมาะสม ผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ การเรียนรู้เชิงรุกยังช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง สามารถตั้งเป้าหมาย วางแผน และประเมินผลการเรียนรู้ของตนได้

ความสำคัญของการนิเทศในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

การนิเทศการสอนเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะเป็นกลไกที่ช่วยให้ครูผู้สอนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการสอน ในบริบทของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การนิเทศจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจในหลักการและวิธีการของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การสนับสนุนให้ครูกล้าที่จะลองใช้วิธีการสอนใหม่ๆ และการให้ข้อมูลป้อนกลับที่สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา ศึกษานิเทศก์ที่มีประสิทธิภาพจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นอย่างดี มีทักษะในการสังเกตและวิเคราะห์การสอน และสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ครูผู้สอนได้

การนิเทศที่ดีไม่ได้เป็นเพียงการตรวจสอบหรือประเมินการสอนเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการพัฒนาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการสร้างความตระหนักและความเข้าใจในความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาของครูแต่ละคน การวางแผนการนิเทศที่เหมาะสม การให้การสนับสนุนและคำแนะนำระหว่างการปฏิบัติงาน และการติดตามประเมินผลเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กระบวนการนิเทศจึงต้องเป็นกระบวนการที่สร้างแรงจูงใจ สร้างความมั่นใจ และสร้างความรู้สึกว่าครูได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการพัฒนาตนเอง ไม่ใช่เป็นการกำกับดูแลที่ทำให้ครูรู้สึกกดดันหรือถูกตัดสิน

หลักการสำคัญในการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

หลักการแรกที่สำคัญคือการสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน ศึกษานิเทศก์ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครูผู้สอน โดยมองครูเป็นเพื่อนร่วมงานที่จะเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน ไม่ใช่เป็นผู้ถูกตรวจสอบ การเปิดโอกาสให้ครูได้แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาจะช่วยให้ครูรู้สึกเป็นเจ้าของและมีความมุ่งมั่นในการพัฒนามากขึ้น นอกจากนี้ ศึกษานิเทศก์ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้แนวทางการเรียนรู้เชิงรุกในการนิเทศด้วย เช่น การใช้คำถามกระตุ้นการคิด การให้ครูได้ลงมือปฏิบัติและทดลอง และการสะท้อนคิดร่วมกันเกี่ยวกับประสบการณ์การสอน

หลักการที่สองคือการให้ความสำคัญกับบริบทและความแตกต่างของแต่ละบุคคล ครูแต่ละคนมีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และความพร้อมที่แตกต่างกัน การนิเทศจึงต้องคำนึงถึงความแตกต่างเหล่านี้และปรับวิธีการให้เหมาะสม ครูที่เพิ่งเริ่มสอนอาจต้องการคำแนะนำที่เป็นขั้นตอนชัดเจนและการสาธิตวิธีการสอน ในขณะที่ครูที่มีประสบการณ์มากอาจต้องการโอกาสในการทดลองและนวัตกรรมใหม่ๆ ศึกษานิเทศก์ควรทำการวิเคราะห์ความต้องการและความพร้อมของครูแต่ละคนก่อนที่จะวางแผนการนิเทศ และควรให้การสนับสนุนที่เหมาะสมตามระดับพัฒนาการของครูแต่ละคน นอกจากนี้ บริบทของโรงเรียนและชุมชนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงด้วย เพราะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกอาจต้องปรับให้เหมาะสมกับทรัพยากรและสภาพแวดล้อมที่มีอยู่

หลักการที่สามคือการมุ่งเน้นที่การพัฒนาความสามารถในการสะท้อนคิดและการเรียนรู้ด้วยตนเองของครู เป้าหมายสูงสุดของการนิเทศไม่ใช่การบอกครูว่าต้องทำอย่างไร แต่เป็นการช่วยให้ครูสามารถประเมินและพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ศึกษานิเทศก์ควรใช้คำถามที่กระตุ้นให้ครูคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับการสอนของตนเอง เช่น นักเรียนเรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนี้ กิจกรรมไหนที่ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากที่สุด หรือจะปรับปรุงการสอนในครั้งต่อไปอย่างไร การสนับสนุนให้ครูจดบันทึกการสอน ถ่ายวิดีโอการสอนของตนเองเพื่อมาวิเคราะห์ หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครู จะช่วยพัฒนาทักษะการสะท้อนคิดและการเรียนรู้ด้วยตนเองของครูได้เป็นอย่างดี

รูปแบบและวิธีการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ

การนิเทศแบบคลินิก เป็นรูปแบบการนิเทศที่เน้นการพัฒนาอย่างเป็นระบบผ่านวงจรการนิเทศที่ชัดเจน ประกอบด้วยการประชุมก่อนการสอนเพื่อวางแผนและตกลงจุดที่จะสังเกต การสังเกตการสอนอย่างเป็นระบบโดยเก็บข้อมูลที่เป็นรูปธรรม และการประชุมหลังการสอนเพื่อวิเคราะห์และสะท้อนคิดร่วมกัน ในบริบทของการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การนิเทศแบบคลินิกจะช่วยให้ครูและศึกษานิเทศก์มีโอกาสวิเคราะห์อย่างละเอียดว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบไว้นั้นส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างไร นักเรียนมีส่วนร่วมในระดับใด และควรปรับปรุงอย่างไรเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้เครื่องมือสังเกตที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อดูการมีส่วนร่วมของนักเรียน เช่น การบันทึกจำนวนครั้งที่นักเรียนแต่ละคนมีโอกาสพูด การบันทึกประเภทของคำถามที่ครูใช้ หรือการบันทึกระยะเวลาที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง จะช่วยให้มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมสำหรับการพูดคุยและการปรับปรุง

การนิเทศแบบกัลยาณมิตร เป็นรูปแบบที่เน้นการเรียนรู้จากเพื่อนครูด้วยกัน โดยครูที่มีความชำนาญในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาให้กับครูคนอื่นๆ รูปแบบนี้มีข้อดีคือครูมักจะรู้สึกสบายใจในการเปิดเผยปัญหาและข้อสงสัยมากกว่าการพูดคุยกับผู้บริหารหรือศึกษานิเทศก์ นอกจากนี้ ครูที่เป็นพี่เลี้ยงก็มักจะเข้าใจบริบทของโรงเรียนและความท้าทายที่ครูต้องเผชิญได้ดีกว่า การจับคู่ครูเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน การสังเกตการสอนของกันและกัน หรือการวางแผนและออกแบบบทเรียนร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาร่วมกันได้เป็นอย่างดี ศึกษานิเทศก์มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้การเรียนรู้แบบกัลยาณมิตรเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การนิเทศผ่านชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นแนวทางที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยครูกลุ่มหนึ่งจะมารวมตัวกันเป็นชุมชนเพื่อเรียนรู้และพัฒนาการสอนร่วมกัน ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพมีลักษณะสำคัญคือการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเกี่ยวกับการศึกษาที่มีคุณภาพ การมุ่งเน้นที่การเรียนรู้ของนักเรียน การร่วมมือกันในการปฏิบัติงาน และการแลกเปลี่ยนผลการปฏิบัติงานเพื่อการพัฒนา ในบริบทของการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพอาจรวมตัวกันเพื่อศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้เชิงรุก ออกแบบและทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกในห้องเรียนของตน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อค้นพบ และร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาให้ดีขึ้น ศึกษานิเทศก์สามารถสนับสนุนชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพโดยการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ หรือเข้าร่วมเป็นสมาชิกของชุมชนเพื่อเรียนรู้และให้คำแนะนำ

กลยุทธ์การนิเทศเพื่อพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

กลยุทธ์แรกคือการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ครูผู้สอนจำเป็นต้องเข้าใจหลักการและทฤษฎีที่เป็นรากฐานของการเรียนรู้เชิงรุก รวมทั้งเห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่าการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นอย่างไรในทางปฏิบัติ ศึกษานิเทศก์อาจจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการที่ให้ครูได้ทั้งเรียนรู้ทฤษฎีและได้ลองปฏิบัติจริง การนำครูไปศึกษาดูงานในโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ประสบความสำเร็จก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูที่มีประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกกับครูที่กำลังเริ่มต้นก็จะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี การใช้สื่อวิดีโอที่แสดงตัวอย่างการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในสถานการณ์จริง พร้อมกับการอธิบายและวิเคราะห์ ก็เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความเข้าใจ

กลยุทธ์ที่สองคือการสนับสนุนให้ครูออกแบบและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การเปลี่ยนจากการสอนแบบบรรยายไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุกไม่ใช่เรื่องง่าย ครูต้องคิดค้นกิจกรรมที่จะทำให้นักเรียนได้มีส่วนร่วม ได้คิด และได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ศึกษานิเทศก์สามารถช่วยเหลือครูในขั้นตอนการออกแบบนี้โดยการให้คำปรึกษา การช่วยระดมความคิด หรือการช่วยหาทรัพยากรและสื่อการสอนที่เหมาะสม การจัดเวิร์กช็อปให้ครูได้มาร่วมกันออกแบบบทเรียนเป็นกลุ่มจะช่วยให้ครูได้แนวคิดที่หลากหลายและได้เรียนรู้จากกันและกัน

ตัวอย่างไฟล์ แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้


แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด