ขอแนะนำไฟล์ คู่มือการใช้งาน e-Sar ระดับสถานศึกษา

พิชิต e-SAR ฉบับสมบูรณ์ คู่มือการใช้งานระบบประเมินตนเองสำหรับสถานศึกษาแบบจับมือทำ

การจัดทำรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา หรือ SAR (Self-Assessment Report) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นกระบวนการที่สะท้อนภาพความสำเร็จ จุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา และแนวทางการดำเนินงานในอนาคตของโรงเรียนอย่างเป็นระบบ ในยุคดิจิทัลนี้ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้พัฒนาระบบ e-SAR ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้สถานศึกษาสามารถดำเนินการจัดทำและนำส่งรายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้กระดาษ และเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างเป็นสากล แต่สำหรับบุคลากรทางการศึกษาหลายท่าน การเริ่มต้นใช้งานระบบใหม่อาจดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและน่ากังวล บทความนี้จึงเปรียบเสมือนคู่มือฉบับละเอียดที่สุด ที่จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักและใช้งานระบบ e-SAR ได้อย่างมั่นใจ ตั้งแต่การเตรียมตัวไปจนถึงการส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อให้การทำ SAR ไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการขับเคลื่อนคุณภาพสถานศึกษาอย่างแท้จริง

สิ่งแรกและสำคัญที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ระบบ e-SAR คือขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมข้อมูล การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดระยะเวลาในการกรอกข้อมูล ลดความผิดพลาด และทำให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่นขึ้นอย่างมาก สถานศึกษาควรมีการประชุมคณะทำงานที่รับผิดชอบการจัดทำ SAR เพื่อรวบรวมเอกสารและข้อมูลที่จำเป็นให้ครบถ้วนเสียก่อน ข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารจานเด็ดที่เรียกว่า SAR นั่นเอง เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมประกอบไปด้วย รายงานการประเมินตนเองของปีการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นข้อมูลฐานในการเปรียบเทียบพัฒนาการ แผนพัฒนาการจัดการศึกษาหรือแผนกลยุทธ์ของสถานศึกษา ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายในการดำเนินงาน ข้อมูลสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษาฉบับล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักเรียน จำนวนครูและบุคลากร สถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนในระดับต่างๆ ทั้งผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน (NT) และผลการประเมินการอ่าน (RT) รวมถึงผลการประเมินในระดับชั้นเรียนและระดับสถานศึกษา นอกจากนี้ หลักฐานและร่องรอยการดำเนินงานโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาแต่ละด้านก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น ภาพถ่ายกิจกรรม รายงานสรุปโครงการ แฟ้มสะสมงานของนักเรียนและครู บันทึกการประชุม คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานต่างๆ เอกสารเหล่านี้ควรถูกจัดเก็บในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลที่พร้อมสำหรับการอัปโหลด เช่น ไฟล์ PDF, JPG, PNG หรือ Word โดยตั้งชื่อไฟล์ให้สื่อความหมายชัดเจนและจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละด้านเพื่อง่ายต่อการค้นหาและนำไปใช้งาน การวางแผนและเตรียมข้อมูลอย่างเป็นระบบในขั้นตอนนี้ จะทำให้การทำงานในระบบ e-SAR เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อข้อมูลและเอกสารประกอบทั้งหมดพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่ระบบ e-SAR อย่างเป็นทางการ ขั้นตอนแรกคือการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ที่คุ้นเคย เช่น Google Chrome หรือ Microsoft Edge แล้วเข้าไปยังเว็บไซต์ของระบบ e-SAR โดยตรง โดยทั่วไปสถานศึกษาจะได้รับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) จากหน่วยงานต้นสังกัดหรือ สมศ. ในการเข้าสู่ระบบครั้งแรก ขอแนะนำให้ทำการเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล โดยเลือกรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและจดบันทึกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เมื่อเข้าสู่ระบบสำเร็จ ท่านจะพบกับหน้าจอหลักหรือ Dashboard ซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำงานของระบบทั้งหมด ในหน้านี้มักจะแสดงภาพรวมของสถานศึกษา สถานะการจัดทำรายงาน และเมนูหลักต่างๆ สำหรับการนำทาง ขอให้ท่านใช้เวลาสักครู่เพื่อสำรวจและทำความคุ้นเคยกับเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูข้อมูลพื้นฐานสถานศึกษา เมนูมาตรฐานการศึกษาแต่ละด้าน เมนูสำหรับอัปโหลดเอกสารหลักฐาน และเมนูการสรุปและส่งรายงาน การทำความเข้าใจโครงสร้างของระบบในภาพรวมจะช่วยให้ท่านเห็นลำดับขั้นตอนการทำงานและสามารถวางแผนการกรอกข้อมูลในส่วนต่างๆ ได้อย่างเป็นลำดับ

ส่วนแรกที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์คือการกรอกข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของสถานศึกษา ข้อมูลในส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะถูกนำไปใช้ในทุกส่วนของรายงานและเป็นข้อมูลอ้างอิงหลักของโรงเรียน ท่านต้องตรวจสอบและกรอกข้อมูลอย่างละเอียดและถูกต้องที่สุด เริ่มตั้งแต่ชื่อสถานศึกษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เว็บไซต์ ตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน ข้อมูลของผู้บริหารสถานศึกษา ไปจนถึงข้อมูลเชิงสถิติที่สำคัญ เช่น จำนวนนักเรียนทั้งหมดจำแนกตามระดับชั้นและเพศ จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาจำแนกตามวุฒิการศึกษาและตำแหน่งหน้าที่ ข้อมูลอาคารสถานที่และแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา ในขั้นตอนนี้ ระบบ e-SAR อาจมีการดึงข้อมูลบางส่วนมาจากฐานข้อมูลกลาง แต่หน้าที่ของสถานศึกษาคือการตรวจสอบความถูกต้องและปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันที่สุดเสมอ หากพบว่าข้อมูลส่วนใดไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบัน ต้องรีบดำเนินการแก้ไขทันที ความถูกต้องของข้อมูลพื้นฐานนี้จะสะท้อนถึงความใส่ใจและความน่าเชื่อถือของรายงาน SAR ทั้งฉบับ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญและใช้เวลาตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนที่จะไปยังส่วนถัดไป

ลำดับถัดมาคือหัวใจของการจัดทำ SAR นั่นคือการบันทึกข้อมูลตามมาตรฐานการศึกษา ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 มาตรฐานหลัก ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ และมาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในแต่ละมาตรฐานจะประกอบไปด้วยประเด็นพิจารณาและตัวบ่งชี้ต่างๆ ที่สถานศึกษาต้องให้ข้อมูลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ การทำงานในส่วนนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในเจตนารมณ์ของแต่ละมาตรฐานเป็นอย่างดี

สำหรับมาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องนำเสนอข้อมูลที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ เช่น ผลการเรียนเฉลี่ย ผลการทดสอบระดับต่างๆ ทั้งในและนอกสถานศึกษา และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เช่น พัฒนาการด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม สุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ในการกรอกข้อมูลส่วนนี้ ท่านจะต้องระบุข้อมูลเชิงปริมาณที่เป็นตัวเลข เช่น ร้อยละของนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับดีขึ้นไป ควบคู่ไปกับการเขียนบรรยายเชิงคุณภาพที่อธิบายถึงกระบวนการและกิจกรรมที่ส่งผลให้เกิดคุณภาพดังกล่าว พร้อมทั้งระบุจุดเด่นและจุดที่ควรพัฒนาของสถานศึกษาในด้านนี้อย่างชัดเจน การนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายและรอบด้านจะทำให้เห็นภาพความสำเร็จของนักเรียนได้อย่างแท้จริง

ในส่วนของมาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ จะมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา สถานศึกษาต้องแสดงให้เห็นว่ามีเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจที่ชัดเจน มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ มีการส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ มีการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตั้งแต่คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ไปจนถึงชุมชน ในการกรอกข้อมูลของมาตรฐานนี้ ท่านต้องอธิบายถึงระบบและกลไกการทำงาน ตั้งแต่การวางแผน การนำแผนไปปฏิบัติ การกำกับติดตาม และการนำผลมาปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนบหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น แผนกลยุทธ์ รายงานการประชุม คำสั่งแต่งตั้งต่างๆ โครงการพัฒนาบุคลากร เพื่อยืนยันว่าสถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลจริง

สำหรับมาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่เป็นหัวใจหลัก เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพการสอนของครูและการเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียน สถานศึกษาต้องแสดงให้เห็นว่าครูมีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง มีการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสม มีการใช้สื่อเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับสภาพจริงเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียน และครูมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (PLC) เพื่อพัฒนาการสอนของตนเองอยู่เสมอ การบันทึกข้อมูลในส่วนนี้ นอกจากการให้ข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ร้อยละของครูที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning แล้ว การเขียนบรรยายที่ยกตัวอย่างรูปธรรมของกิจกรรมการเรียนการสอนที่โดดเด่น จะช่วยทำให้รายงานมีความน่าสนใจและสะท้อนภาพการทำงานของครูได้อย่างชัดเจน

หลังจากที่กรอกข้อมูลครบถ้วนในทุกมาตรฐานการศึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการอัปโหลดไฟล์เอกสารหลักฐานและร่องรอยการดำเนินงานต่างๆ ที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้น ระบบ e-SAR จะมีพื้นที่ให้ท่านแนบไฟล์ที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็นพิจารณาหรือแต่ละมาตรฐาน ท่านควรดำเนินการอัปโหลดไฟล์ให้ตรงกับหัวข้อที่เกี่ยวข้องมากที่สุด เพื่อให้ผู้ประเมินสามารถตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างสะดวก ก่อนการอัปโหลด ควรตรวจสอบประเภทของไฟล์และขนาดของไฟล์ให้เป็นไปตามที่ระบบกำหนด โดยทั่วไปมักจะรองรับไฟล์ประเภท PDF, DOC, JPG, PNG และมีข้อจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ที่ไม่ใหญ่จนเกินไป การตั้งชื่อไฟล์อย่างเป็นระบบดังที่กล่าวไปในขั้นตอนการเตรียมข้อมูลจะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพและช่วยให้การจัดการเอกสารเป็นเรื่องง่ายทั้งสำหรับผู้จัดทำและผู้ประเมิน ควรมีการจัดทำสารบัญเอกสารอ้างอิงเพื่อสรุปว่าในแต่ละประเด็นพิจารณานั้นมีเอกสารหลักฐานใดบ้างแนบประกอบอยู่ ทำให้รายงาน SAR ของท่านมีความสมบูรณ์และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

เมื่อกรอกข้อมูลและอัปโหลดหลักฐานครบถ้วนทุกส่วนแล้ว อย่าเพิ่งรีบกดส่งรายงานในทันที ขั้นตอนการตรวจสอบและสรุปผลถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะการันตีคุณภาพของรายงานทั้งฉบับ ระบบ e-SAR มักจะมีฟังก์ชันให้สามารถ “แสดงตัวอย่าง” หรือ “พิมพ์ฉบับร่าง” ของรายงานได้ ขอให้ท่านใช้ฟังก์ชันนี้เพื่อสร้างไฟล์ฉบับร่างขึ้นมา แล้วนำมาอ่านทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง ควรมอบหมายให้คณะทำงานช่วยกันอ่านตรวจทานเพื่อหาข้อผิดพลาดที่อาจหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ผิด การใช้ภาษาที่ไม่สละสลวย ความถูกต้องของข้อมูลตัวเลข หรือความสอดคล้องเชื่อมโยงกันระหว่างข้อมูลในส่วนต่างๆ การตรวจสอบความสมบูรณ์ของหลักฐานที่แนบก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องแน่ใจว่าไฟล์ทั้งหมดสามารถเปิดอ่านได้และเป็นไฟล์ที่ถูกต้องตรงตามที่ระบุไว้ หลังจากที่ทุกคนในทีมเห็นพ้องต้องกันแล้วว่ารายงานฉบับร่างมีความสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว จึงค่อยดำเนินการ “ยืนยันการส่งรายงาน” ในระบบ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการกดปุ่มเพียงครั้งเดียวและไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก ดังนั้นความรอบคอบในขั้นตอนนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

การใช้งานระบบ e-SAR ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นไม่ได้จบลงที่การส่งรายงาน แต่คือการนำข้อมูลและผลการประเมินที่ได้จากรายงาน SAR มาใช้เป็นกระจกสะท้อนการทำงานและวางแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาในปีการศึกษาถัดไปอย่างจริงจัง ข้อมูลที่ปรากฏใน SAR ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นหรือจุดที่ควรพัฒนา ล้วนเป็นข้อมูลล้ำค่าที่สถานศึกษาควรนำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีให้ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างตรงจุด การทำ SAR จึงไม่ใช่ภาระงานประจำปีที่ทำเพื่อส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดเท่านั้น แต่เป็นวัฒนธรรมคุณภาพที่สถานศึกษาต้องสร้างให้เกิดขึ้น เป็นวงจรแห่งการพัฒนา (PDCA) ที่ขับเคลื่อนโรงเรียนให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยความเข้าใจในทุกขั้นตอนดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะครูและผู้บริหารทุกท่านจะสามารถพิชิตระบบ e-SAR และจัดทำรายงานการประเมินตนเองที่มีคุณภาพได้อย่างมืออาชีพ เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทยให้ก้าวไกลต่อไป

คู่มือการใช้งาน e-Sar ระดับสถานศึกษา ขั้นตอนการประเมินผลและจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ

คู่มือการใช้งานระบบ e-SAR สำหรับระดับสถานศึกษา

ทำความรู้จัก e-SAR ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา

ระบบ e-SAR เป็นระบบสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลที่จำเป็นในสถานศึกษา โดยเฉพาะข้อมูลด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ระบบนี้ช่วยให้การจัดการและรวบรวมข้อมูลมีความสะดวกมากขึ้น ช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ e-SAR สำหรับสถานศึกษา

  1. การจัดการข้อมูลง่ายและรวดเร็ว
    ระบบ e-SAR ช่วยในการเก็บรวบรวมและจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อมูลและค้นหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ลดความซ้ำซ้อนของเอกสารที่ใช้ในการประเมิน
  2. การเข้าถึงข้อมูลที่ครบถ้วน
    ผู้บริหารและครูสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการพัฒนาการศึกษาและคุณภาพการเรียนการสอนได้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมอยู่ในระบบที่เดียว
  3. การสนับสนุนการประเมินคุณภาพการศึกษา
    e-SAR มีเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยในการประเมินคุณภาพการศึกษาได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ช่วยให้สถานศึกษามองเห็นจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาได้อย่างชัดเจน

ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานระบบ e-SAR สำหรับผู้ใช้งานระดับสถานศึกษา

การใช้งานระบบ e-SAR เป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับสถานศึกษา ซึ่งจะช่วยให้การจัดการข้อมูลและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน e-SAR มีดังนี้

ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน

  1. ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งาน
  • ผู้ใช้ใหม่จะต้องลงทะเบียนในระบบ e-SAR โดยการกรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสถานศึกษาให้ครบถ้วน เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้นจะได้รับบัญชีผู้ใช้งาน
  1. เข้าสู่ระบบและตั้งค่าข้อมูลพื้นฐาน
  • เมื่อได้รับบัญชีผู้ใช้งานแล้ว ให้เข้าสู่ระบบ e-SAR ผ่านทางเว็บไซต์ของระบบ จากนั้นให้ตั้งค่าข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา เช่น ข้อมูลครู นักเรียน และข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร
  1. จัดการข้อมูลการประเมิน
  • ในระบบ e-SAR จะมีแบบฟอร์มสำหรับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถกรอกข้อมูลตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในแต่ละด้าน เพื่อช่วยในการติดตามและประเมินคุณภาพการศึกษา
  1. การบันทึกและตรวจสอบข้อมูล
  • หลังจากกรอกข้อมูลการประเมินแล้ว ผู้ใช้งานสามารถบันทึกและตรวจสอบข้อมูลได้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่กรอกนั้นถูกต้องและครบถ้วน

วิธีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในระบบ e-SAR เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

ระบบ e-SAR ช่วยในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการประเมินคุณภาพการศึกษา การใช้ระบบนี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนและการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล

  1. การกรอกข้อมูลตามเกณฑ์การประเมิน
  • ระบบ e-SAR มีตัวช่วยในการกรอกข้อมูลในแต่ละด้าน เช่น ด้านครูผู้สอน ด้านนักเรียน และด้านการบริหารงาน ผู้ใช้งานควรกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนด
  1. การจัดเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติ
  • ข้อมูลที่กรอกในระบบจะถูกจัดเก็บโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องใช้เอกสารแบบเดิมๆ ซึ่งลดความยุ่งยากในการค้นหาและการจัดเก็บข้อมูล
  1. การวิเคราะห์ข้อมูล
  • ระบบ e-SAR มีฟังก์ชันในการวิเคราะห์ข้อมูลที่สะดวก ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูสรุปผลการประเมินในแต่ละด้านและแนวโน้มเพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
  1. การสร้างรายงานประเมินคุณภาพ
  • ระบบสามารถสร้างรายงานสรุปผลการประเมินและแสดงผลในรูปแบบที่อ่านง่าย ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ตามข้อมูลที่ได้รับการประเมิน

แหล่งที่มา : สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด