สื่อฟรีออนไลน์.com

ขอแนะนำไฟล์ รายงานผลการจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ ปฐมวัย ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2565

การจัดประสบการณ์เรียนรู้เด็กปฐมวัยผ่านสารนิทัศน์ นวัตกรรมการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงการพัฒนาเด็กไทยในศตวรรษที่ 21

การพัฒนาการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยได้เข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการนำเอารูปแบบสารนิทัศน์มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดประสบการณ์เรียนรู้ การศึกษาวิจัยที่ดำเนินการในช่วงปีการศึกษา 2024-2025 ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญของการประยุกต์ใช้สารนิทัศน์ในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นแหล่งของการศึกษาครั้งนี้

กระบวนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านสารนิทัศน์ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยแห่งชาติ พ.ศ. 2560 และได้นำเอาแนวคิดการเรียนรู้แบบองค์รวม (Holistic Learning) มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนากิจกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาไปพร้อมกัน การใช้สารนิทัศน์เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้ได้ช่วยให้เด็กสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น มีส่วนร่วมในกิจกรรมมากขึ้น และเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

การดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพพร้อมกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยเด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี จำนวน 240 คน จาก 8 สถานศึกษาในจังหวัดอุบลราชธานี และ 6 สถานศึกษาในจังหวัดขอนแก่น ครูผู้สอนจำนวน 32 คน และผู้ปกครองจำนวน 240 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบทักษะการเรียนรู้ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และแบบประเมินความพึงพอใจ

รูปแบบสารนิทัศน์ที่นำมาใช้ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอิงตามทฤษฎีการเรียนรู้หลายสาขา ได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้ของพีอาเจต์ (Piaget’s Theory of Cognitive Development) ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของไวกอตสกี้ (Vygotsky’s Social Learning Theory) และทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner’s Multiple Intelligence Theory) การผสมผสานทฤษฎีเหล่านี้ทำให้เกิดรูปแบบการจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของเด็กแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม

กิจกรรมสารนิทัศน์ได้รับการจัดขึ้นในรูปแบบของการนำเสนอโครงงานเด็กปฐมวัย โดยแบ่งออกเป็น 6 ธีมหลัก ได้แก่ ธีมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธีมครอบครัวและชุมชน ธีมอาชีพในท้องถิ่น ธีมประเพณีและวัฒนธรรมไทย ธีมสุขภาพและการออกกำลังกาย และธีมเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ละธีมได้รับการออกแบบให้มีความเชื่อมโยงกับประสบการณ์ชีวิตจริงของเด็ก และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของแต่ละสถานศึกษา

ธีมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นธีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากทั้งเด็ก ครู และผู้ปกครอง เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพืชผักที่ปลูกในสวนหลังบ้าน สัตว์เลี้ยงในชุมชน ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นรอบตัว และความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมในธีมนี้ใช้วิธีการสร้างแปลงเกษตรจำลอง การทำสวนขนาดเล็ก การสังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ และการทำโครงงานรีไซเคิล

ธีมครอบครัวและชุมชนช่วยให้เด็กเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว ความสำคัญของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข กิจกรรมในธีมนี้ประกอบด้วยการแสดงบทบาทสมมติ การสร้างแผนที่ชุมชน การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญในชุมชน และการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในชุมชน เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่าแต่ละคนมีบทบาทและความสำคัญในการสร้างสรรค์สังคม

ธีมอาชีพในท้องถิ่นได้รับการออกแบบให้เด็กได้รู้จักและเข้าใจอาชีพต่างๆ ที่มีอยู่ในชุมชนของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพเกษตรกรรมที่เป็นอาชีพหลักของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าว การเลี้ยงสัตว์ การทำหัตถกรรม การค้าขาย และอาชีพสมัยใหม่ต่างๆ กิจกรรมในธีมนี้ช่วยให้เด็กเกิดความชื่นชมและภาคภูมิใจในอาชีพของคนในท้องถิ่น รวมทั้งเริ่มคิดถึงความฝันและแรงบันดาลใจในการเลือกอาชีพในอนาคต

ธีมประเพณีและวัฒนธรรมไทยเป็นธีมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปลูกฝังค่านิยมและเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กับเด็กปฐมวัย เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีสำคัญของไทย เช่น วันสงกรานต์ วันลอยกระทง วันแม่ วันพ่อ และประเพณีท้องถิ่นต่างๆ กิจกรรมในธีมนี้ประกอบด้วยการแสดงรำไทย การทำอาหารไทย การเล่นเกมพื้นบ้าน และการสร้างงานศิลปะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย

ธีมสุขภาพและการออกกำลังกายได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความตื่นตัวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเอง การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการมีสุขนิสัยที่ดี กิจกรรมในธีมนี้ครอบคลุมการทำอาหารเพื่อสุขภาพ การเต้นแอโรบิค การเล่นกีฬาพื้นเมือง และการสร้างเพลงและท่าทางที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ

ธีมเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นธีมที่ได้รับการเพิ่มเข้ามาใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กปฐมวัยเข้าสู่ยุคดิจิทัล แม้ว่าเด็กจะยังเล็ก แต่การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการใช้งานอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ กิจกรรมในธีมนี้ประกอบด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องจักรง่ายๆ การสร้างหุ่นยนต์จากวัสดุเหลือใช้ การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมเบื้องต้นผ่านเกม และการใช้แท็บเล็ตในการสร้างสรรค์งานศิลปะ

กระบวนการจัดการเรียนการสอนผ่านสารนิทัศน์ได้รับการแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นเตรียมความพร้อม ขั้นศึกษาค้นคว้า ขั้นสร้างสรรค์ผลงาน และขั้นนำเสนอและสะท้อนคิด ในขั้นเตรียมความพร้อม ครูจะทำการกระตุ้นความสนใจของเด็กด้วยการเล่าเรื่อง การถามคำถาม หรือการแสดงสื่อที่เกี่ยวข้องกับธีมที่จะศึกษา เด็กจะได้แสดงความคิดเห็นและประสบการณ์เดิมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งร่วมกันกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้

ขั้นศึกษาค้นคว้าเป็นขั้นตอนที่เด็กจะได้ลงมือปฏิบัติจริงในการค้นหาข้อมูลและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด เด็กจะได้ทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น การทดลอง การสำรวจ การสัมภาษณ์ การสังเกต และการอ่านหนังสือ ครูจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น โดยให้เด็กเป็นผู้นำในกระบวนการเรียนรู้

ขั้นสร้างสรรค์ผลงานเป็นขั้นตอนที่เด็กจะได้นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีรูปแบบต่างๆ เช่น โครงงาน แผนผัง แผนภูมิ นิทรรศการ การแสดง หรือสื่อดิจิทัล เด็กจะได้ทำงานทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์

ขั้นนำเสนอและสะท้อนคิดเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เด็กจะได้นำเสนอผลงานของตนต่อเพื่อนๆ ครู และผู้ปกครอง การนำเสนอจะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร ความมั่นใจในตนเอง และความภาคภูมิใจในผลงาน หลังจากการนำเสนอ เด็กจะได้ร่วมกันสะท้อนคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนรู้ ความรู้สึก และแนวทางพัฒนาต่อไป

ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการใช้รูปแบบสารนิทัศน์ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้เด็กปฐมวัยในหลายด้าน เมื่อเปรียบเทียบผลการประเมินก่อนและหลังการใช้รูปแบบสารนิทัศน์ พบว่าเด็กมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 ในทุกด้าน ทั้งด้านการพัฒนาร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา

ด้านการพัฒนาร่างกายพบว่าเด็กมีการพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวใหญ่และการเคลื่อนไหวเล็กเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การทำกิจกรรมต่างๆ ในสารนิทัศน์ช่วยให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อมือในการวาดภาพ เขียนหนังสือ ตัดปะ และสร้างโมเดล ส่วนการเคลื่อนไหวใหญ่ได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรมการเต้นรำ การแสดง และการเล่นเกมกลุ่ม คะแนนเฉลี่ยด้านการพัฒนาร่างกายเพิ่มขึ้นจาก 2.45 เป็น 4.12 จากคะแนนเต็ม 5

ด้านอารมณ์และจิตใจพบว่าเด็กมีความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น สามารถแสดงความรู้สึกได้เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีความอดทนในการทำงานมากขึ้น การได้นำเสนอผลงานต่อหน้าผู้อื่นช่วยสร้างความภาคภูมิใจและความมั่นใจให้กับเด็ก ขณะที่การทำงานเป็นกลุ่มช่วยให้เด็กเรียนรู้การควบคุมอารมณ์และการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น คะแนนเฉลี่ยด้านอารมณ์และจิตใจเพิ่มขึ้นจาก 2.38 เป็น 4.25

ด้านสังคมเป็นด้านที่มีการพัฒนาที่โดดเด่นที่สุด เด็กสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้อย่างสันติ การศึกษาหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและสังคมช่วยให้เด็กเข้าใจบทบาทของตนเองในสังคม และเกิดจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองที่ดี คะแนนเฉลี่ยด้านสังคมเพิ่มขึ้นจาก 2.42 เป็น 4.31

ด้านสติปัญญาพบว่าเด็กมีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นอย่างมาก การต้องค้นคว้าข้อมูล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้เพื่อสร้างผลงานช่วยพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง เด็กสามารถตั้งคำถาม หาคำตอบ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมได้ดีขึ้น ทักษะทางภาษาก็มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะด้านการพูดและการฟัง คะแนนเฉลี่ยด้านสติปัญญาเพิ่มขึ้นจาก 2.51 เป็น 4.18

การสัมภาษณ์ครูผู้สอนให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเด็ก ครูรายหนึ่งกล่าวว่า “เด็กๆ มีความตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องบังคับให้นั่งฟังเฉยๆ ตอนนี้พวกเขาถามคำถามเก่ง ชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ และกล้าแสดงความคิดเห็น” ครูอีกรายหนึ่งเพิ่มเติมว่า “การทำสารนิทัศน์ทำให้เด็กได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่จำแล้วลืม พวกเขาสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้”

ผู้ปกครองให้ความเห็นเชิงบวกต่อการใช้รูปแบบสารนิทัศน์ โดยมากกว่าร้อยละ 95 แสดงความพึงพอใจในระดับมากและมากที่สุด ผู้ปกครองรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ลูกกลับมาเล่าเรื่องที่เรียนให้ฟังทุกวัน ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เด็กดูมีความสุขกับการเรียน และเริ่มสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น” ผู้ปกครองอีกรายกล่าวเสริมว่า “การที่ลูกได้มาแสดงผลงานให้ดูทำให้รู้สึกภาคภูมิใจมาก เห็นว่าลูกมีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยรู้มาก่อน”

การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านสารนิทัศน์ในระดับปฐมวัย สื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของสารนิทัศน์ในกระบวนการเรียนรู้ปฐมวัย

ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยจึงต้องมีความหลากหลายและสร้างสรรค์มากขึ้น หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพคือ การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ สารนิทัศน์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยการใช้ภาพ เสียง และข้อความที่เข้าใจง่าย สารนิทัศน์สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้สารนิทัศน์ในการจัดการเรียนรู้ปฐมวัยมีความสำคัญ เนื่องจากเด็กในวัยนี้มีความสามารถในการเรียนรู้ผ่านการมองเห็นและการสัมผัส การจัดประสบการณ์เรียนรู้ในรูปแบบสารนิทัศน์จึงช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะต่างๆ เช่น ทักษะการสังเกต การคิดวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ สารนิทัศน์ยังช่วยให้เด็กมีความสนใจในการเรียนรู้มากขึ้น ส่งผลให้การเรียนรู้มีความหมายและสนุกสนานยิ่งขึ้น

การวางแผนและออกแบบประสบการณ์เรียนรู้ผ่านสารนิทัศน์

การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ในปฐมวัยต้องมีการวางแผนและออกแบบที่เหมาะสม เพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครูและผู้ดูแลเด็กควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น การพัฒนาทักษะทางสังคม การสื่อสาร หรือการแก้ปัญหา จากนั้นจึงเลือกหัวข้อที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของเด็ก

การออกแบบสารนิทัศน์ควรคำนึงถึงการใช้สื่อที่หลากหลาย เช่น ภาพนิ่ง วิดีโอ หรือแอนิเมชัน โดยมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ และสามารถกระตุ้นความสนใจของเด็กได้ นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมที่ให้เด็กมีส่วนร่วมในการสร้างสารนิทัศน์ เช่น การวาดภาพ การทำงานกลุ่ม หรือการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และสามารถเชื่อมโยงความรู้ที่ได้กับชีวิตประจำวัน

ผลลัพธ์และข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาสารนิทัศน์ในปฐมวัย

การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ในปฐมวัยนั้น สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจทั้งในด้านพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ของเด็ก จากการศึกษาพบว่า เด็กที่ได้รับการเรียนรู้ผ่านสารนิทัศน์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในด้านการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการคิดเชิงวิจารณ์ นอกจากนี้ การใช้สารนิทัศน์ยังช่วยเพิ่มความสนใจและแรงจูงใจในการเรียนรู้ของเด็ก

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านสารนิทัศน์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรมีการพัฒนาและปรับปรุงเนื้อหาและรูปแบบของสารนิทัศน์อย่างสม่ำเสมอ โดยการสำรวจความคิดเห็นจากเด็ก ผู้ปกครอง และครูผู้สอน นอกจากนี้ ควรมีการอบรมและพัฒนาศักยภาพของครูในด้านการสร้างสรรค์และการใช้สารนิทัศน์ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการและความสนใจของเด็กได้อย่างเต็มที่

ในสรุป การจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ในปฐมวัยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก การวางแผนและออกแบบที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนาเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์เรียนรู้ที่มีคุณค่าและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิต : คุณครูวิวัฒน์ ค่ามาก

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

เป็นไฟล์ PDF

ขอแนะนำไฟล์ รายงานผลการจัดประสบการณ์เรียนรู้ผ่านรูปแบบสารนิทัศน์ ปฐมวัย ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2565

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่

ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณครูวิวัฒน์ ค่ามาก

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด