สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลดฟรี หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไฟล์ Word แก้ไขได้ โดย โรงเรียนบ้านดอนยาว

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2567 เพื่อพัฒนาเด็กไทยสู่ศตวรรษที่ 21

การศึกษาปฐมวัยถือเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการวางรากฐานชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ช่วงเวลาตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ เป็นช่วงวัยที่สมองและศักยภาพการเรียนรู้พัฒนาสูงสุด การลงทุนและใส่ใจกับการจัดการศึกษาในช่วงวัยนี้ จึงเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ที่แข็งแรงซึ่งพร้อมจะเติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในอนาคต ด้วยความเข้าใจในความสำคัญดังกล่าว ประเทศไทยจึงได้มีการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และล่าสุดกับแนวทางการพัฒนา หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ซึ่งเป็นการต่อยอดและขยายความจากแกนหลักของ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ให้มีความเข้มข้น ชัดเจน และตอบโจทย์โลกยุคใหม่มากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณครู ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านไปเจาะลึกถึงสาระสำคัญ ปรัชญา และแนวปฏิบัติของหลักสูตรฉบับใหม่นี้อย่างละเอียดที่สุด

รากฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลง ปรัชญาที่ยังคงยึดมั่น

ก่อนจะก้าวไปสู่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในหลักสูตร พ.ศ. 2567 เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจหัวใจสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ที่ยังคงเป็นแกนหลักไม่เปลี่ยนแปลง ปรัชญาพื้นฐานของการศึกษาปฐมวัยไทยนั้นตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นและเคารพในความเป็นมนุษย์ของเด็กแต่ละคน เด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและช่วงวัยของเขา การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กปฐมวัยคือการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) และการลงมือทำอย่างมีความหมาย (Active Learning) ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า การจัดประสบการณ์จึงไม่ได้เน้นการท่องจำเนื้อหาวิชาการ แต่เน้นการส่งเสริมพัฒนาการแบบองค์รวมครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา โดยทุกด้านจะต้องพัฒนาไปพร้อมกันอย่างสมดุล หลักการสำคัญเหล่านี้ยังคงถูกยึดถือเป็นแนวปฏิบัติหลักในการพัฒนาเด็กไทยต่อไปในอนาคต

จุดหมายของหลักสูตร สู่คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12 ประการ

เป้าหมายสูงสุดของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย คือการสร้างพื้นฐานให้เด็กเติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความสุข และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม โดยกำหนดเป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12 ประการ ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางที่ครูและผู้ปกครองต้องร่วมมือกันส่งเสริมให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก คุณลักษณะเหล่านี้ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต และเป็นสิ่งที่หลักสูตร พ.ศ. 2567 ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ประกอบด้วย

  1. พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน หมายถึงการที่เด็กสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี ตั้งแต่การวิ่ง กระโดด ปีนป่าย ไปจนถึงการใช้มือและนิ้วในการหยิบจับสิ่งของ การวาดภาพ หรือการร้อยลูกปัด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลตนเองและการเรียนรู้ในขั้นต่อไป
  2. มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข เด็กที่มีความสุขจะพร้อมเปิดรับการเรียนรู้ เขาจะแสดงออกถึงความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก และมองโลกในแง่ดี ซึ่งเป็นเกราะป้องกันสำคัญในการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในอนาคต
  3. มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม คือการปลูกฝังความดีงามลงในจิตใจของเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ รู้จักความเมตตากรุณา ความซื่อสัตย์ การแบ่งปัน การช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักไหว้ ขอบคุณ ขอโทษ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข
  4. ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว เด็กทุกคนมีความงามในหัวใจ การเปิดโอกาสให้เขาได้สัมผัสกับสุนทรียภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ จะช่วยขัดเกลาจิตใจให้อ่อนโยน มีจินตนาการ และมีความคิดสร้างสรรค์
  5. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย คือการส่งเสริมให้เด็กพึ่งพาตนเองในกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การแต่งตัว การเข้าห้องน้ำ ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจและเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่ง
  6. มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเด็ก แต่เป็นการสอนให้รู้จักคุณค่าของสิ่งของ รู้จักการประหยัด อดออม รอคอย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งเป็นแนวคิดที่สามารถปลูกฝังได้ผ่านการเล่นและการใช้ชีวิตประจำวัน
  7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย คือการสร้างความผูกพันระหว่างเด็กกับรากเหง้าของตนเอง ให้เขารู้สึกรักและหวงแหนสิ่งรอบตัว ตั้งแต่ต้นไม้ในโรงเรียน ประเพณีไทย ไปจนถึงภาษาและมารยาทอันดีงาม
  8. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เด็กเรียนรู้ทักษะทางสังคมผ่านการเล่นกับเพื่อน รู้จักการรอคอย การเคารพกติกา การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ
  9. ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย คือความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และมีเค้าลางของการเขียน เพื่อใช้ในการบอกความต้องการ ความรู้สึก และเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  10. มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ เด็กปฐมวัยสามารถคิดแก้ปัญหา คิดเชิงเหตุผล และคิดรวบยอดได้ตามวัยของเขา การจัดประสบการณ์ที่ท้าทายให้เด็กได้คิดและตัดสินใจด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  11. มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการคือหน้าต่างบานแรกของการเรียนรู้ การส่งเสริมให้เด็กได้คิดนอกกรอบผ่านการเล่นสมมติ การเล่านิทาน หรือการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ จะช่วยต่อยอดไปสู่นวัตกรรมในอนาคต
  12. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการทำให้เด็กรักการเรียนรู้ มีความสุขกับการค้นพบสิ่งใหม่ๆ และรู้จักตั้งคำถาม เพื่อให้เขากลายเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learner)

ก้าวต่อไปในปี 2567 การต่อยอดและเน้นย้ำเพื่อโลกอนาคต

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2567 ไม่ใช่การร่างใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการ “ต่อยอด” และ “เน้นย้ำ” ในบางประเด็นเพื่อให้สอดรับกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวทางที่ชัดเจนขึ้นในมิติต่างๆ ดังนี้

การบูรณาการ STEAM Education สู่การเล่นอย่างมีความหมาย

แนวคิดเรื่อง STEAM (Science, Technology, Engineering, Arts, Mathematics) ถูกนำมาเน้นย้ำและทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัย แต่ไม่ใช่การสอนเป็นรายวิชา หากแต่เป็นการบูรณาการองค์ความรู้เหล่านี้ลงไปในกิจกรรมการเล่น เช่น การเล่นบล็อกไม้ที่เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องวิศวกรรม (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ผ่านการสร้าง การทรงตัว และการนับจำนวน การทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆ อย่างการจม-การลอย (Science) การใช้แท็บเล็ตเพื่อวาดภาพหรือสร้างนิทาน (Technology) และการปั้นดินน้ำมันหรือการวาดภาพระบายสี (Arts) ทั้งหมดนี้คือการเรียนรู้ STEAM ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน ทำให้เด็กซึมซับกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และตรรกะไปโดยไม่รู้ตัว

การส่งเสริมทักษะสมอง Executive Functions (EF) อย่างเข้มข้น

ทักษะสมอง EF หรือทักษะการบริหารจัดการตนเอง เป็นทักษะสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิต ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักคือ ความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory) การยับยั้งชั่งใจ (Inhibitory Control) และการยืดหยุ่นความคิด (Cognitive Flexibility) หลักสูตร พ.ศ. 2567 เน้นย้ำให้ครูออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะเหล่านี้โดยตรง เช่น การเล่นที่ต้องมีกฎกติกาเพื่อฝึกการควบคุมตนเอง การทำกิจกรรมที่ต้องทำตามขั้นตอนเพื่อฝึกความจำ หรือการเล่นบทบาทสมมติที่ต้องปรับเปลี่ยนความคิดไปตามสถานการณ์ การพัฒนา EF ที่แข็งแรงตั้งแต่วัยปฐมวัย จะส่งผลให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถกำกับตนเอง มีเป้าหมาย และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

การรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) และการเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship)

ในยุคที่เด็กเติบโตมาพร้อมกับหน้าจอ หลักสูตรใหม่ได้ให้ความสำคัญกับการสอนให้เด็กรู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย ไม่ใช่แค่การเป็นผู้เสพสื่อ แต่ต้องเป็นผู้ใช้สื่ออย่างรู้เท่าทัน ครูและผู้ปกครองต้องร่วมกันกำหนดเวลาและเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัย พร้อมทั้งสอดแทรกการสอนเรื่องความปลอดภัยในโลกออนไลน์ การเคารพสิทธิของผู้อื่น และการแยกแยะข้อมูลเบื้องต้นตามวัย การบูรณาการเทคโนโลยีในการเรียนรู้ เช่น การใช้แอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา หรือการสืบค้นข้อมูลอย่างง่ายๆ ภายใต้การดูแล จะช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กก้าวสู่โลกดิจิทัลได้อย่างมั่นคง

การปลูกฝังความฉลาดทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning – SEL)

ท่ามกลางโลกที่สับสนวุ่นวาย ความสามารถในการเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเอง การเข้าใจผู้อื่น และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด หลักสูตร พ.ศ. 2567 จึงเน้นการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริม SEL อย่างเป็นระบบ เช่น การเล่านิทานที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร การจัดวงสนทนาให้เด็กๆ ได้แบ่งปันความรู้สึกของตนเอง การสอนเทคนิคการผ่อนคลายความโกรธหรือความเครียดอย่างง่ายๆ และการส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มเพื่อเรียนรู้การแก้ปัญหาความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นคนที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข

บทบาทของครู ผู้ปกครอง และชุมชนในหลักสูตรใหม่

ความสำเร็จของหลักสูตรไม่ได้อยู่ที่ตัวเอกสาร แต่อยู่ที่การนำไปปฏิบัติจริงของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง บทบาทของครูปฐมวัยในยุคใหม่จึงต้องเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้สอน” มาเป็น “ผู้อำนวยการการเรียนรู้” หรือ “โค้ช” ที่คอยสังเกต จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ตั้งคำถามกระตุ้นความคิด และให้กำลังใจเด็ก ส่วนผู้ปกครองคือ “ครูคนแรก” และเป็นหุ้นส่วนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด การสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ การสร้างวินัยเชิงบวก และการจัดสรรเวลาคุณภาพร่วมกับลูก คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาเด็กเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น นอกจากนี้ ชุมชน ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ชาวบ้าน หรือแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ก็มีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยบการเรียนรู้ในห้องเรียนเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงรอบตัวเด็ก

การวัดและประเมินพัฒนาการที่แท้จริง

หัวใจของการวัดและประเมินผลในหลักสูตรปฐมวัย ไม่ใช่การสอบหรือการให้เกรด แต่เป็นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) เพื่อให้เห็นพัฒนาการของเด็กเป็นรายบุคคลอย่างรอบด้าน และนำข้อมูลนั้นมาวางแผนจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมต่อไป เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ การสังเกตพฤติกรรม การจดบันทึก การสนทนากับเด็ก การรวบรวมผลงาน (Portfolio) และการใช้แบบประเมินพัฒนาการที่เป็นมาตรฐาน การประเมินลักษณะนี้จะสะท้อนภาพการเติบโตของเด็กได้ชัดเจนกว่าตัวเลข และทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจศักยภาพของเด็กเพื่อร่วมกันส่งเสริมได้อย่างถูกทาง

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ที่ต่อยอดจากหลักสูตร พ.ศ. 2560 คือภาพสะท้อนของความมุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติให้มีคุณภาพและพร้อมสำหรับอนาคต เป็นหลักสูตรที่ยังคงยึดมั่นในปรัชญาของการให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความสุข แต่เพิ่มเติมความเข้มข้นในมิติของทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ทั้ง STEAM, EF, Digital Literacy และ SEL การขับเคลื่อนหลักสูตรนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างแข็งขันจากทั้งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุด และบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์น้อยๆ ของชาติให้เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง งดงาม และพร้อมที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทยและสังคมโลกต่อไปอย่างยั่งยืน

ตัวอย่างไฟล์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560


เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : โรงเรียนบ้านดอนยาว 

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด