สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ อบรมออนไลน์ฟรี ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน อบรมออนไลน์ รายการครูคลับ เสาร์ที่ 27 เมษายน นี้ ชวนอัพสกิลออนไลน์ “จุดประเด็นท้าทายโดยการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ English Cuppa” Workshop ออนไลน์ ที่จะพาคุณครูไปพบกับเทคนิคการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “English Cuppa” เพื่อสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกสนาน ท้าทาย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ จัดโดย เรียนออนไลน์กับ Starfish Labz รวมหลักสูตรพัฒนาตนเอง
อบรมออนไลน์ฟรี ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน อบรมออนไลน์ รายการครูคลับ เสาร์ที่ 27 เมษายน นี้ ชวนอัพสกิลออนไลน์ “จุดประเด็นท้าทายโดยการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ English Cuppa” Workshop ออนไลน์ ที่จะพาคุณครูไปพบกับเทคนิคการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “English Cuppa” เพื่อสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกสนาน ท้าทาย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ จัดโดย เรียนออนไลน์กับ Starfish Labz รวมหลักสูตรพัฒนาตนเอง

พลิกโฉมการประเมิน เครื่องมือวัดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนไทยยุคใหม่
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษาไม่ได้เป็นเพียงการส่งต่อความรู้จากตำราสู่สมองอีกต่อไป แต่คือการสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะและความสามารถในการปรับตัว แก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การวัดผลและประเมินผลจึงต้องก้าวข้ามกรอบของการสอบวัดความจำ มาสู่การประเมินที่ลึกซึ้งและรอบด้านยิ่งขึ้น นั่นคือ การวัด “สมรรถนะ” และ “คุณลักษณะอันพึงประสงค์” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาผู้เรียนให้พร้อมสำหรับอนาคต บทความนี้จะพาทุกท่าน ทั้งคุณครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ปกครอง ไปเจาะลึกถึงเครื่องมือและแนวทางการประเมินผู้เรียนในมิติใหม่นี้อย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้เราสามารถร่วมกันสร้างอนาคตของชาติได้อย่างเต็มศักยภาพ
ทำไมการวัดสมรรถนะและคุณลักษณะจึงสำคัญอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 21
การศึกษาไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากหลักสูตรที่เน้นเนื้อหา (Content-Based Curriculum) ไปสู่หลักสูตรอิงสมรรถนะ (Competency-Based Curriculum) เหตุผลสำคัญคือ โลกยุคใหม่ไม่ได้ต้องการเพียงผู้ที่มี “ความรู้” แต่ต้องการผู้ที่สามารถ “นำความรู้ไปใช้” ได้จริงในสถานการณ์ที่หลากหลายและซับซ้อน สมรรถนะคือความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ และค่านิยมต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือปฏิบัติงานให้สำเร็จลุล่วง ในขณะที่คุณลักษณะอันพึงประสงค์คือคุณงามความดีและค่านิยมภายในที่หล่อหลอมให้ผู้เรียนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและของโลก การประเมินสองสิ่งนี้จึงไม่ใช่แค่การให้เกรด แต่เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจพัฒนาการของผู้เรียนอย่างแท้จริง ช่วยให้ครูสามารถออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการรายบุคคล และช่วยให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง สามารถวางแผนพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไปได้
สมรรถนะหลักและคุณลักษณะอันพึงประสงค์คืออะไร
ก่อนจะไปถึงเครื่องมือวัด เราต้องทำความเข้าใจเป้าหมายที่เราต้องการจะวัดให้ชัดเจนเสียก่อน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ฉบับปรับปรุง) และแนวทางการพัฒนาการศึกษาชาติ ได้กำหนดสมรรถนะหลักและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สำคัญไว้ดังนี้
สมรรถนะหลัก 6 ประการที่ต้องรู้จัก
สมรรถนะหลักเปรียบเสมือนชุดเครื่องมือสำคัญที่นักเรียนต้องมีติดตัวเพื่อใช้ชีวิตและทำงานในอนาคต
1 การจัดการตนเอง (Self-Management)
ความสามารถในการกำกับดูแลตนเองให้บรรลุเป้าหมาย ตั้งเป้าหมายชีวิตและการเรียนรู้ของตนเองได้ สามารถบริหารจัดการเวลา อารมณ์ ความเครียด และทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
2 การคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking)
ไม่ใช่แค่การคิดวิเคราะห์ แต่รวมถึงการคิดเชิงสังเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงสร้างสรรค์ และการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อน สามารถแยกแยะข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือ ตั้งคำถามที่ท้าทาย และสร้างองค์ความรู้หรือแนวทางใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง
3 การสื่อสาร (Communication)
ความสามารถในการรับและส่งสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และการนำเสนอ ผ่านช่องทางและวิธีการที่หลากหลาย รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกับบริบทและวัฒนธรรม สามารถเจรจาต่อรอง ลดความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันได้
4 การรวมพลังทำงานเป็นทีม (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ยอมรับและเคารพในความหลากหลาย สามารถปรับตัวในการทำงานร่วมกันได้ทั้งในบทบาทผู้นำและผู้ตาม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันให้สำเร็จ
5 การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง (Active Citizenship)
การตระหนักรู้และเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองในฐานะพลเมืองของสังคมไทยและประชาคมโลก มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เคารพในกฎกติกาและสิทธิของผู้อื่น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการแก้ปัญหาสังคมบนพื้นฐานของเหตุผลและหลักประชาธิปไตย
6 การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน (Living in Harmony with Nature and Science)
ความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของปรากฏการณ์ต่างๆ ในธรรมชาติและโลก มีความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของการพัฒนากับสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และมีคุณธรรม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์คือกรอบของคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีงาม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2 ซื่อสัตย์สุจริต
3 มีวินัย
4 ใฝ่เรียนรู้
5 อยู่อย่างพอเพียง
6 มุ่งมั่นในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8 มีจิตสาธารณะ
คลังเครื่องมือวัดและประเมินผลสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อเราเข้าใจเป้าหมายแล้ว คำถามสำคัญต่อไปคือ “เราจะวัดสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร” การประเมินสมรรถนะและคุณลักษณะซึ่งเป็นนามธรรม ไม่สามารถทำได้ด้วยข้อสอบปรนัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายและ “การประเมินตามสภาพจริง” (Authentic Assessment) ซึ่งเน้นการดูความสามารถของนักเรียนในการปฏิบัติงานในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริง
การประเมินจากการปฏิบัติ (Performance-Based Assessment)
นี่คือหัวใจของการประเมินสมรรถนะ เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกถึงความสามารถผ่านการลงมือทำ
- การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (Work Products/Tasks)นี่คือการมอบหมายให้นักเรียนสร้างสรรค์ชิ้นงานหรือทำภาระงานที่สะท้อนความเข้าใจและการประยุกต์ใช้ความรู้ เช่น การเขียนเรียงความ การสร้างแบบจำลอง การทำโครงงาน การออกแบบอินโฟกราฟิก หรือการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สิ่งสำคัญคือ ภาระงานต้องมีความท้าทายและเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา
- การประเมินภาคปฏิบัติ (Practical Assessment)ใช้สำหรับวัดทักษะที่ต้องลงมือทำโดยตรง เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ การเล่นดนตรี การนำเสนอหน้าชั้นเรียน การกล่าวสุนทรพจน์ การสาธิตการทำอาหาร หรือการแข่งขันกีฬา ครูผู้สอนจะทำหน้าที่สังเกตและให้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
- แฟ้มสะสมงาน (Portfolio)เปรียบเสมือนอัลบั้มที่รวบรวมผลงานที่ดีที่สุดของนักเรียนตลอดช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่แค่การรวบรวมชิ้นงาน แต่ต้องมี “การสะท้อนคิด” (Reflection) ของนักเรียนประกอบด้วย ว่าทำไมถึงเลือกชิ้นงานนี้ ได้เรียนรู้อะไรจากงานชิ้นนี้ และจะพัฒนาตนเองต่อไปอย่างไร แฟ้มสะสมงานสามารถแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ ความพยายาม และความสำเร็จของนักเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม
การสังเกตอย่างเป็นระบบ (Systematic Observation)
ครูคือเครื่องมือประเมินที่ดีที่สุด เพราะได้อยู่ใกล้ชิดและเห็นพฤติกรรมของนักเรียนในบริบทจริง
- แบบสังเกตพฤติกรรม (Observation Checklist)เป็นรายการพฤติกรรมที่ครูต้องการสังเกต เช่น “การรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในกลุ่ม” “การวางแผนการทำงานก่อนลงมือทำ” “การช่วยเหลือเพื่อนเมื่อมีปัญหา” ครูสามารถทำเครื่องหมาย “ผ่าน/ไม่ผ่าน” หรือ “ทำบ่อย/ทำบางครั้ง/ไม่เคยทำ” เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง
- แบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale)คล้ายกับแบบสังเกต แต่มีความละเอียดกว่า โดยจะกำหนดระดับคุณภาพของพฤติกรรมเป็นตัวเลข เช่น 5 (ดีเยี่ยม) 4 (ดี) 3 (พอใช้) 2 (ควรปรับปรุง) 1 (ต้องแก้ไข) เช่น การประเมินทักษะการนำเสนอ อาจมีหัวข้อ “การใช้สายตาสบตาผู้ฟัง” และให้คะแนนตามระดับที่นักเรียนทำได้
- บันทึกอนุทินหรือบันทึกพฤติกรรม (Anecdotal Records)คือการจดบันทึกเหตุการณ์หรือพฤติกรรมสำคัญของนักเรียนที่เกิดขึ้นอย่างสั้นๆ โดยเน้นการบรรยายพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงโดยไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้บันทึก วิธีนี้ช่วยให้ครูเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพที่อาจไม่ปรากฏในเครื่องมืออื่น
การประเมินตนเองและเพื่อน (Self and Peer Assessment)
เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ (Active Learner) และพัฒนาทักษะการคิดเมตาคอกนิชัน (Metacognition) หรือการรู้จักกระบวนการคิดของตนเอง
- แบบประเมินตนเอง (Self-Assessment Form)ให้นักเรียนประเมินการทำงานหรือการเรียนรู้ของตนเองตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น “ฉันมีส่วนร่วมในการวางแผนของกลุ่มมากน้อยเพียงใด” “จุดแข็งในการทำงานชิ้นนี้ของฉันคืออะไร” “สิ่งที่ฉันต้องพัฒนาในการทำงานครั้งต่อไปคืออะไร”
- แบบประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment Form)เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมหรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) แก่กันและกัน ซึ่งช่วยสะท้อนมุมมองที่ครูอาจมองไม่เห็น และฝึกทักษะการให้และรับข้อมูลป้อนกลับอย่างสร้างสรรค์
หัวใจของความสำเร็จ รูบริค (Rubrics) เกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือใดก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ “เกณฑ์การให้คะแนน” หรือ “รูบริค” (Rubrics) รูบริคคือตารางที่อธิบายระดับคุณภาพของงานหรือการปฏิบัติในแต่ละมิติอย่างชัดเจน ช่วยลดการใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสิน ทำให้การประเมินมีความน่าเชื่อถือ ยุติธรรม และโปร่งใส นักเรียนเองก็จะเข้าใจความคาดหวังของครูได้อย่างชัดเจน และรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างรูบริคอย่างง่ายสำหรับการประเมินสมรรถนะ “การทำงานเป็นทีม”
เกณฑ์การประเมิน | ระดับ 3 (ดี) | ระดับ 2 (พอใช้) | ระดับ 1 (ต้องปรับปรุง) |
การมีส่วนร่วม | เสนอความคิดเห็นและรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสม่ำเสมอ | มีส่วนร่วมในการทำงานเมื่อได้รับการกระตุ้นจากเพื่อนหรือครู | ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นและไม่ค่อยทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย |
การรับฟังผู้อื่น | ตั้งใจฟังความคิดเห็นของเพื่อนและนำมาปรับปรุงงานของกลุ่ม | ฟังความคิดเห็นของเพื่อนบ้าง แต่ยังยึดติดกับความคิดของตนเอง | ขัดจังหวะหรือไม่สนใจฟังเมื่อเพื่อนแสดงความคิดเห็น |
การแก้ปัญหาความขัดแย้ง | ช่วยไกล่เกลี่ยเมื่อเกิดความเห็นไม่ตรงกันโดยใช้เหตุผล | พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไข | สร้างความขัดแย้ง หรือไม่สนใจเมื่อเกิดปัญหาในกลุ่ม |
การวัดและประเมินสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไม่ใช่กระบวนการที่ทำเมื่อสิ้นสุดภาคเรียนเพื่อ “ตัดสิน” ว่านักเรียนได้เกรดอะไร แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน (Assessment for Learning) ข้อมูลที่ได้จากการประเมินด้วยเครื่องมือที่หลากหลายเหล่านี้คือกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นทั้งจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของนักเรียนแต่ละคน เป็นข้อมูลล้ำค่าสำหรับครูในการปรับปรุงการสอน และสำหรับนักเรียนในการทำความเข้าใจและพัฒนาตนเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีความสุข พร้อมเผชิญกับทุกความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นคงและสง่างาม
รายละเอียด หลักสูตร “จุดประเด็นท้าทายโดยการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ English Cuppa”
ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน อบรมออนไลน์
รายการครูคลับ เสาร์ที่ 27 เมษายน นี้ ชวนอัพสกิลออนไลน์
“จุดประเด็นท้าทายโดยการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ English Cuppa”
Workshop ออนไลน์ ที่จะพาคุณครูไปพบกับเทคนิคการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “English Cuppa”
เพื่อสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกสนาน ท้าทาย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
จัดโดย เรียนออนไลน์กับ Starfish Labz รวมหลักสูตรพัฒนาตนเอง
รายการครูคลับ เสาร์ที่ 27 เมษายน นี้
ชวนอัพสกิลออนไลน์
“จุดประเด็นท้าทายโดยการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ English Cuppa”
Workshop ออนไลน์ ที่จะพาคุณครูไปพบกับเทคนิคการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “English Cuppa”
เพื่อสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกสนาน ท้าทาย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
เหมาะสำหรับ
- ครูสอนภาษาอังกฤษทุกระดับชั้น
- ครูที่ต้องการพัฒนาทักษะการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์
- ครูที่ต้องการสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษที่ดึงดูดความสนใจของนักเรียน
เนื้อหาภายใน Workshop
- แนะนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ “English Cuppa”
- เทคนิคการใช้สื่อ “English Cuppa” ในการสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษ
- ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อ “English Cuppa”
- แชร์ประสบการณ์การใช้สื่อ “English Cuppa” จากครูผู้เชี่ยวชาญ