สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการตามตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ในการออกแบบโครงสร้างเวลาเรียน ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดย สพฐ. และสสวท.

เปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560

การศึกษาวิทยาศาสตร์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทยได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พร้อมด้วยฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำพานักเรียนไทยสู่ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปรัชญาและหลักการของหลักสูตรวิทยาศาสตร์

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 การปรับปรุงในปี พ.ศ. 2560 นั้นเกิดขึ้นจากการประเมินผลการใช้หลักสูตรและการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

หลักการสำคัญของหลักสูตรวิทยาศาสตร์คือการส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดอย่างเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์ และสามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์ ค่านิยม และจริยธรรมที่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต

โครงสร้างของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้แบ่งออกเป็น 8 สาระที่สำคัญ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ โครงสร้างนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างบูรณาการและเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสาขาต่างๆ ของวิทยาศาสตร์

สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต เป็นสาระที่ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะและหน้าที่ของส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิต การสืบพันธุ์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวัฒนาการ รวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพ

สาระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และแนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร เป็นการศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของสสาร สมบัติของสสาร การเปลี่ยนแปลงของสสาร ปฏิกิริยาเคมี และการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับสารในชีวิตประจำวัน

สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับแรง การเคลื่อนที่ โมเมนตัม พลังงานกลและการอนุรักษ์พลังงาน กลศาสตร์ของไหล และคลื่นเสียง

สาระที่ 5 ธรรมชาติและการใช้พลังงาน เน้นการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของพลังงาน การเปลี่ยนรูปพลังงาน การถ่ายเทพลังงาน เทคโนโลยีพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

สาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก มุ่งศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างของโลก กระบวนการทางธรณีวิทยา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ และผลกระทบของกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งมีชีวิต

สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับระบบสุริยะ ดาวฤกษ์ กาแล็กซี จักรวาล และเทคโนโลยีอวกาศ

สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม

ตัวชี้วัดการเรียนรู้ในระดับประถมศึกษา

การกำหนดตัวชี้วัดในระดับประถมศึกษานั้นเน้นการปูพื้นฐานความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียน โดยเริ่มจากการสังเกต การสำรวจ และการค้นพบธรรมชาติรอบตัว ตัวชี้วัดในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จะเน้นการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว การแยกแยะความเหมือนและความแตกต่าง และการเรียงลำดับตามลักษณะที่สังเกตได้

ในด้านสิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต นักเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต ความต้องการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ และความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความซับซ้อนและความสวยงามของชีวิต

สำหรับสาระชีวิตกับสิ่งแวดล้อม นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ห่วงโซ่อาหาร และผลกระทบของกิจกรรมมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเริ่มต้นตั้งแต่วยัเด็ก

ในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวชี้วัดจะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น เนื้อหาเกี่ยวกับสารและสมบัติของสารจะเริ่มแนะนำแนวคิดเกี่ยวกับสสาร การเปลี่ยนสถานะ การละลาย และการแยกส่วนผสม นักเรียนจะได้ทำการทดลองง่ายๆ เพื่อสำรวจสมบัติของวัสดุต่างๆ

ด้านแรงและการเคลื่อนที่ นักเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง แรงเสียดทาน แรงแม่เหล็ก และผลของแรงต่อการเคลื่อนที่ การเปลี่ยนรูปร่าง และการหยุดนิ่งของวัตถุ การเชื่อมโยงความรู้เหล่านี้กับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักการฟิสิกส์เบื้องต้น

ตัวชี้วัดการเรียนรู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตัวชี้วัดการเรียนรู้จะมีความลึกซึ้งและซับซ้อนมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ นักเรียนจะได้เรียนรู้การออกแบบการทดลอง การควบคุมตัวแปร การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปผลอย่างมีเหตุผล

ในสาระสิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ ระบบต่างๆ ในร่างกาย การหายใจ การหมุนเวียนเลือด การย่อยอาหาร การขับถ่าย และระบบสืบพันธุ์ ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

การศึกษาเกี่ยวกับพันธุกรรมและวิวัฒนาการจะเริ่มแนะนำในระดับนี้ โดยนักเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะจากพ่อแม่สู่ลูก กฎของเมนเดล และหลักฐานของวิวัฒนาการ ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความหลากหลายทางชีวภาพและความเชื่อมโยงของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย

ในด้านเคมี นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างอะตอม ตารางธาตุ พันธะเคมี และปฏิกิริยาเคมีพื้นฐาน การเข้าใจระดับอะตอมและโมเลกุลจะช่วยให้นักเรียนอธิบายสมบัติและพฤติกรรมของสสารได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

สำหรับฟิสิกส์ นักเรียนจะศึกษาเกี่ยวกับไฟฟ้าสถิต กระแสไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้า แสง คลื่น และการประยุกต์ใช้หลักการเหล่านี้ในเทคโนโลยีต่างๆ ความรู้ด้านฟิสิกส์จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลジีสมัยใหม่

ตัวชี้วัดการเรียนรู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตัวชี้วัดในระดับนี้จะมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือการประกอบอาชีพ นักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง การวิจัย และการประยุกต์ความรู้วิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

ในสาระชีววิทยาขั้นสูง นักเรียนจะศึกษาเกี่ยวกับชีวเคมี กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การหายใจของเซลล์ วงจรเซลล์ การควบคุมยีน และเทคโนโลยีชีวภาพ ความรู้เหล่านี้จะเตรียมนักเรียนสำหรับการศึกษาต่อในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ การแพทย์ หรือเทคโนโลยีชีวภาพ

เคมีขั้นสูงจะครอบคลุมเรื่องเทอร์โมไดนามิกส์ จลนศาสตร์เคมี สมดุลเคมี กรด-เบส ออกซิเดชัน-รีดักชัน และเคมีอินทรีย์ นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเคมีและการตีความผลการวิเคราะห์

ฟิสิกส์ขั้นสูงจะศึกษาเกี่ยวกับกลศาสตร์ เทอร์โมไดนามิกส์ คลื่นและการสั่น ไฟฟ้าและแม่เหล็ก แสงและการแทรกสอด และฟิสิกส์สมัยใหม่รวมถึงควอนตัมและสัมพัทธภาพเบื้องต้น ความรู้เหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ฟิสิกส์ หรือเทคโนโลยี

การประเมินผลการเรียนรู้

การประเมินผลตามตัวชี้วัดของหลักสูตรวิทยาศาสตร์เน้นการประเมินแบบหลากหลายมิติ ครอบคลุมทั้งความรู้ ทักษะกระบวนการ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ วิธีการประเมินรวมถึงการทดสอบด้วยกระดาษและดินสอ การประเมินการปฏิบัติการ การประเมินโครงงาน การสังเกตพฤติกรรม และการประเมินตนเอง

การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใช้การสังเกตการทำงานของนักเรียนในระหว่างการทดลอง การวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปผล รูปแบบการประเมินอาจเป็นแบบตรวจสอบรายการ การให้คะแนนตามเกณฑ์ หรือการบันทึกพฤติกรรม

การประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์สามารถทำได้ผ่านการสังเกตการมีส่วนร่วม ความกระตือรือร้น ความอยากรู้ ความรับผิดชอบ และความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ การใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ หรือการเขียนสะท้อนความคิดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการประเมินด้านเจตคติ

การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัด

การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพตามตัวชี้วัดหลักสูตรวิทยาศาสตร์ต้องเน้นการให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ ครูผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การทดลอง การสำรวจ การสืบค้น การอภิปราย และการแก้ปัญหา

การใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้ (Problem-Based Learning) เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา นักเรียนจะได้รับปัญหาที่ซับซ้อนและเป็นไปได้ในชีวิตจริง แล้วใช้ความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาแนวทางแก้ไข

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญ กระบวนการนี้เริ่มต้นจากการตั้งคำถาม การทำสมมติฐาน การออกแบบการทดลอง การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ผล และการสรุป นักเรียนจะได้พัฒนาทักษะการคิดอย่างเป็นระบบและเข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง

การใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าสนใจของการเรียนรู้ โปรแกรมจำลอง ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือวัดแบบดิจิทัล และแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ล้วนเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการสนับสนุนการเรียนรู้

ตัวอย่างไฟล์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์


เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สพฐ. และสสวท.

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด