สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการจัดทำ สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

เผยแพร่ สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING โดย กลุ่มงานบริหารวิชาการ โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการศึกษาไทย ด้วยสื่อและนวัตกรรม Active Learning ที่จะพาเด็กไทยก้าวสู่อนาคต

การศึกษาไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อระบบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการท่องจำและการบรรยายเดียวกันไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของโลกแห่งอนาคตได้อีกต่อไป สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษาแบบ Active Learning จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของนักเรียนไทย ให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม คิดเป็น ทำเป็น และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริงได้อย่างแท้จริง

Active Learning หรือการเรียนรู้เชิงรุกเป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการเรียนรู้ แทนที่จะเป็นเพียงผู้รับสารจากครูผู้สอน ระบบนี้ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21

แนวคิด Active Learning ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการศึกษาที่พบว่า ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน การวิจัยของ Edgar Dale ที่เสนอ Cone of Experience แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนจะจดจำได้เพียง 10% ของสิ่งที่อ่าน แต่จะจดจำได้ถึง 90% ของสิ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการเรียนรู้แบบ Active Learning มีประสิทธิภาพสูงกว่าการเรียนรู้แบบดั้งเดิม

ในบริบทของการศึกษาไทย Active Learning ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการศึกษาแห่งชาติ 2560-2579 ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถแก้ปัญหาได้ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ส่งเสริมให้สถานศึกษาต่างๆ นำแนวทาง Active Learning มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนไทยในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล

สื่อและเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีความหลากหลายและสามารถปรับใช้ได้ตามบริบทของแต่ละสถานศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหนึ่งในสื่อที่มีบทบาทสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชันและโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อการศึกษาเฉพาะ เช่น Kahoot ที่ใช้สำหรับการทำแบบทดสอบเชิงโต้ตอบ Padlet ที่ใช้สำหรับการแบ่งปันความคิดเห็น และ Flipgrid ที่ใช้สำหรับการสนทนาเชิงวิดีโอ

การใช้เกมในการศึกษา หรือ Gamification ก็เป็นอีกหนึ่งสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning การออกแบบเกมการศึกษาที่ดีจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกและอยากเรียนรู้มากขึ้น เกมยังช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การคิดเชิงกลยุทธ์ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ออกแบบเพื่อการมีส่วนร่วมก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสื่อดิจิทัล เวิร์กชีตแบบโต้ตอบ หนังสือกิจกรรม และแผ่นพับที่มีส่วนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ เขียน วาด หรือติดแปะ สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้สื่อเทคโนโลยี การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ดีต้องคำนึงถึงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เรียน โดยการใส่คำถามที่กระตุ้นความคิด กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือทำ และพื้นที่สำหรับการบันทึกความคิดและประสบการณ์

โมเดลและสื่อจำลองเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ การใช้โมเดลโครงสร้างโมเลกุล การจำลองระบบสุริยะ หรือการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจแนวคิดที่เป็นนามธรรมได้ดีขึ้น พวกเขาสามารถสัมผัส สำรวจ และทดลองกับสื่อเหล่านี้ได้โดยตรง ซึ่งทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

การเล่าเรื่องและการแสดงละครเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีพลังในการถ่าทอดความรู้และสร้างความเข้าใจ เมื่อนักเรียนได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แสดงละครเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือนำเสนอผลงานผ่านการเล่าเรื่อง พวกเขาจะได้ฝึกทักษะการสื่อสาร การคิดเชิงสร้างสรรค์ และการเข้าใจมุมมองของผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับการพัฒนาบุคลิกภาพและความเป็นผู้นำ

วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีหลากหลายรูปแบบ การเรียนรู้แบบกลุ่มเป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เมื่อนักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม พวกเขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเพื่อน ฝึกทักษะการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และการแก้ปัญหาร่วมกัน การแบ่งกลุ่มควรมีการวางแผนที่ดี โดยคำนึงถึงความหลากหลายของสมาชิกในกลุ่ม ทั้งในด้านความสามารถ ความสนใจ และพื้นฐานความรู้

การเรียนรู้ผ่านโครงงานหรือ Project-Based Learning เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง นักเรียนจะได้รับโจทย์หรือปัญหาที่ต้องแก้ไขผ่านการทำโครงงาน พวกเขาต้องวางแผน ค้นคว้าข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำเสนอผลงาน กระบวนการนี้ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงระบบ การจัดการเวลา และการทำงานอย่างมีระบบ

การเรียนรู้แบบกลับด้าน หรือ Flipped Classroom เป็นแนวทางที่เปลี่ยนบทบาทของการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม นักเรียนจะศึกษาเนื้อหาใหม่ที่บ้านผ่านวิดีโอ บทความ หรือสื่อออนไลน์ แล้วมาใช้เวลาในชั้นเรียนสำหรับการทำกิจกรรม การอภิปราย และการแก้ปัญหาร่วมกันกับครูและเพื่อน วิธีนี้ช่วยให้เวลาในชั้นเรียนถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนักเรียนได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากครู

การอภิปรายและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการสื่อสาร ครูต้องเตรียมคำถามที่กระตุ้นความคิดและสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ การอภิปรายที่ดีควรมีการเตรียมข้อมูลล่วงหน้า มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และมีการสรุปความรู้ที่ได้รับจากการอภิปราย

การเรียนรู้ผ่านการแก้ปัญหา หรือ Problem-Based Learning เป็นแนวทางที่นำปัญหาจริงจากชีวิตประจำวันมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ นักเรียนจะต้องวิเคราะห์ปัญหา หาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง คิดหาทางแก้ไข และประเมินผลแนวทางที่เลือกใช้ วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ในห้องเรียนกับชีวิตจริง และพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในอนาคต

การใช้เคสสตัดี หรือการศึกษากรณีตัวอย่าง เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการสอนวิชาสังคมศาสตร์ ธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ นักเรียนจะได้วิเคราะห์กรณีศึกษาที่มีความซับซ้อน พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา การใช้เคสสตัดีช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น และเข้าใจความซับซ้อนของปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง

การจำลองสถานการณ์และการเล่นบทบาทเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าจดจำ นักเรียนสามารถเข้าใจมุมมองของบุคคลต่างๆ ในสถานการณ์ที่กำหนด เรียนรู้ผลที่ตามมาจากการตัดสินใจ และฝึกทักษะการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ การจำลองสถานการณ์ที่ดีควรมีความสมจริง มีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน และมีการสะท้อนคิดหลังจากการทำกิจกรรม

ประโยชน์ของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีมากมาย ทั้งต่อผู้เรียน ครู และระบบการศึกษาโดยรวม สำหรับผู้เรียน Active Learning ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 นักเรียนที่เรียนผ่านระบบ Active Learning จะมีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็น และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้แบบ Active Learning ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน เมื่อพวกเขาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน รู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญและได้รับการยอมรับ พวกเขาจะมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากขึ้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่านักเรียนที่เรียนผ่านระบบ Active Learning มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงกว่า มีความสามารถในการจดจำและประยุกต์ใช้ความรู้ที่ดีกว่า และมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้

Active Learning ช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมของนักเรียน เมื่อพวกเขาต้องทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอผลงาน พวกเขาจะได้ฝึกทักษะการสื่อสาร การฟัง การเจรจาต่อรอง และการเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานและการดำรงชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลาย

สำหรับครูผู้สอน Active Learning ช่วยให้พวกเขาเข้าใจนักเรียนได้ดีขึ้น เมื่อนักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ครูจะสามารถสังเกตความสามารถ ความสนใจ และความต้องการของนักเรียนแต่ละคนได้ชัดเจนขึ้น ข้อมูลนี้สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนมากขึ้น

Active Learning ทำให้บทบาทของครูเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ หรือ Facilitator ครูจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนักเรียนมากขึ้น ให้คำแนะนำและการสนับสนุนที่เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน บทบาทใหม่นี้ทำให้ครูรู้สึกมีความหมายและความสำเร็จในการทำงานมากขึ้น

การใช้ Active Learning ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการเรียนการสอน เมื่อนักเรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน พวกเขาจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและลึกซึ้งขึ้น ครูไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากในการอธิบายซ้ำหรือแก้ไขความเข้าใจผิด เพราะนักเรียนได้สร้างความเข้าใจด้วยตนเองผ่านการปฏิบัติและการสำรวจ

สำหรับระบบการศึกษาโดยรวม Active Learning ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในการเข้าสู่ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะที่นักเรียนได้รับจาก Active Learning เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นทักษะที่นายจ้างต้องการมากที่สุดในยุคปัจจุบัน

แม้ว่า Active Learning จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายในการนำไปใช้ ความท้าทายแรกคือการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของครู นักเรียน และผู้ปกครอง การเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการบรรยายและการท่องจำได้ฝังรากลึกในระบบการศึกษาไทยมานาน การปรับเปลี่ยนไปสู่ Active Learning ต้องใช้เวลาและความอดทนในการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ความท้าทายด้านทรัพยากรเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning อาจต้องใช้สื่อการสอน เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่มีราคาแพงกว่าการสอนแบบดั้งเดิม สถานศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล อาจไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการลงทุนในสื่อและเครื่องมือเหล่านี้

การขาดแคลนครูที่มีความรู้และทักษะในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็นปัญหาสำคัญ ครูจำนวนมากยังไม่คุ้นเคยกับเทคนิคและวิธีการใหม่ๆ พวกเขาต้องการการอบรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถนำ Active Learning มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างไฟล์ สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING


สื่อและนวัตกรรมทางการศึกษา ACTIVE LEARNING

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : กลุ่มงานบริหารวิชาการ โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด