สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปศึกษาและทำความเข้าใจคู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถานศึกษาออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผิดชอบในการดำเนินงานและทุกภาคที่จะต้องนำข้อมูลในแต่ละฝ่ายมาวางแผนรวมกันเพื่อประเมินและลงในระบบITA online เป็นไฟล์คู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถานศึกษาออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งสามารถนำศึกษาและไปปรับใช้ ตามบริบทของสถานศึกษาได้ แอดมินขอแนะนำไฟล์เอกสารซึ่งเอกสารเป็นไฟล์ PDF และไฟล์ Word แก้ไขได้ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ขอแนะนำไฟล์คู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถานศึกษาออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ.2566

พิชิตการประเมิน ITA ปี 2566 ฉบับสมบูรณ์ คู่มือสำหรับสถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส
การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ITA (Integrity and Transparency Assessment) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำมาใช้เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารงานภาครัฐของประเทศไทยให้มีธรรมาภิบาล ลดความเสี่ยงในการทุจริตคอร์รัปชัน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม สำหรับสถานศึกษาในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ การผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA ไม่ใช่เป็นเพียงภาระหน้าที่ แต่คือการประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการเป็นองค์กรแห่งคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างแท้จริง คู่มือฉบับนี้จะเจาะลึกทุกมิติของการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน ITA ของสถานศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 อย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้บุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหาร คณาจารย์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ สามารถนำไปปฏิบัติและขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
หัวใจสำคัญของการประเมิน ITA คือการวัดผลและสะท้อนภาพการดำเนินงานของสถานศึกษาผ่านมุมมองที่หลากหลายและครอบคลุม โดยแบ่งเครื่องมือการประเมินออกเป็น 3 ส่วนหลัก ซึ่งแต่ละส่วนมีความเชื่อมโยงและส่งผลถึงกันอย่างมีนัยสำคัญ การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้งสามนี้อย่างถ่องแท้ คือกุญแจดอกแรกที่จะนำไปสู่การวางแผนที่มีประสิทธิภาพ สถานศึกษาจำเป็นต้องเข้าใจว่า ITA ไม่ใช่การจัดทำเอกสารเพื่อส่งตรวจเพียงครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความร่วมมือ การสื่อสาร และการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีงบประมาณ การประเมินนี้เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพองค์กร ที่ช่วยให้เรามองเห็นทั้งจุดแข็งที่ควรส่งเสริม และจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการทุจริตและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
องค์ประกอบแรกคือ แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency Assessment หรือ IIT) ซึ่งเป็นแบบสำรวจที่ออกแบบมาเพื่อสอบถามความคิดเห็นและความเชื่อมั่นของบุคลากรภายในสถานศึกษาเอง ตั้งแต่ระดับผู้บริหารสูงสุดไปจนถึงพนักงานและลูกจ้างทุกคน คำถามจะมุ่งเน้นไปที่การรับรู้ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร การใช้อำนาจ การใช้งบประมาณ การบริหารงานบุคคล ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมคุณธรรมและต่อต้านการทุจริต การจะได้คะแนนในส่วนนี้สูงนั้น สถานศึกษาต้องสร้างบรรยากาศการทำงานที่โปร่งใสและเป็นธรรมอย่างแท้จริง บุคลากรต้องรู้สึกว่าเสียงของพวกเขามีความหมาย มีความมั่นใจในกระบวนการทำงานของผู้บริหาร และเชื่อมั่นว่าผลประโยชน์ของส่วนรวมต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน การสื่อสารภายในองค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้บริหารต้องสื่อสารวิสัยทัศน์ นโยบาย และแผนงานต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เปิดโอกาสให้มีการซักถามและแสดงความคิดเห็น จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน และที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต
องค์ประกอบที่สองคือ แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (External Integrity and Transparency Assessment หรือ EIT) ส่วนนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลจากบุคคลภายนอกที่มีปฏิสัมพันธ์หรือรับบริการจากสถานศึกษาโดยตรง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักก็คือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า รวมถึงผู้ประกอบการหรือหน่วยงานภายนอกที่มาติดต่อประสานงานด้วย แบบสำรวจ EIT จะมุ่งวัดระดับการรับรู้ในมิติต่างๆ เช่น คุณภาพการจัดการเรียนการสอน ประสิทธิภาพในการให้บริการของฝ่ายต่างๆ ช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงง่าย ความโปร่งใสของกระบวนการรับนักศึกษาใหม่ การจัดซื้อจัดจ้าง และความเชื่อมั่นโดยรวมต่อสถานศึกษาในการป้องกันการทุจริต การจะสร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นให้แก่บุคคลภายนอกได้นั้น สถานศึกษาต้องยกระดับคุณภาพการบริการในทุกจุดสัมผัส ตั้งแต่การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วน ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ไปจนถึงการมีกระบวนการทำงานที่มีขั้นตอนและระยะเวลาที่แน่นอน การสร้างช่องทางการรับฟังความคิดเห็นหรือเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพและมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนา ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลโดยตรงต่อคะแนน EIT
องค์ประกอบสุดท้ายซึ่งถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นรูปธรรมที่สุดคือ แบบตรวจการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integrity and Transparency Assessment หรือ OIT) ส่วนนี้ไม่ใช่การสำรวจความรู้สึก แต่เป็นการ “ตรวจนับ” ข้อมูลที่สถานศึกษาต้อง “เปิดเผย” ไว้บนเว็บไซต์หลักของตนเองตามรายการที่ ป.ป.ช. กำหนดอย่างเคร่งครัด การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เป็นหัวใจของความโปร่งใส เพราะเป็นการแสดงให้สาธารณชนสามารถเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของสถานศึกษาได้ตลอดเวลา ข้อมูลที่ต้องเปิดเผยนั้นครอบคลุมการดำเนินงานในทุกมิติ ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานขององค์กรไปจนถึงรายละเอียดการใช้งบประมาณและการป้องกันการทุจริต สถานศึกษาจึงต้องจัดทำหน้าเพจ “การประเมิน ITA” หรือ “ความโปร่งใส” บนเว็บไซต์หลักอย่างเป็นกิจลักษณะ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้นำข้อมูลตามรายการ OIT ทุกข้อมาเผยแพร่ไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของข้อมูลที่ต้องเปิดเผยในส่วน OIT ซึ่งเปรียบเสมือนเช็กลิสต์สำคัญที่ทุกสถานศึกษาต้องดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ข้อมูลเหล่านี้มักจะถูกจัดเป็นหมวดหมู่ ดังนี้
หมวดข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วยโครงสร้างองค์กร, ข้อมูลผู้บริหารระดับสูง, อำนาจหน้าที่และภารกิจของสถานศึกษาตามกฎหมาย, แผนยุทธศาสตร์หรือแผนพัฒนาสถานศึกษา, ข้อมูลการติดต่อที่ชัดเจนทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล, รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสถานศึกษา
หมวดการบริหารงาน จะเน้นที่แผนการดำเนินงานประจำปี, รายงานการกำกับติดตามการดำเนินงานรายไตรมาสและรายปี, คู่มือหรือมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในฝ่ายต่างๆ เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถรับทราบขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน
หมวดการบริหารเงินงบประมาณ เป็นหมวดที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก ประกอบด้วย แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี, รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณ, ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องลงลึกถึงประกาศต่างๆ, สรุปผลการจัดซื้อจัดจ้าง, และรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างเป็นรายเดือนหรือไตรมาส ข้อมูลในส่วนนี้ต้องละเอียดและเป็นปัจจุบันเสมอเพื่อแสดงความโปร่งใสในการใช้เงินภาษีของประชาชน
หมวดการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ข้อมูลในหมวดนี้สะท้อนความเป็นธรรมภายในองค์กร ประกอบด้วย นโยบายหรือแผนการบริหารทรัพยากรบุคคล, หลักเกณฑ์การสรรหาและคัดเลือกบุคลากร, หลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงาน, และหลักเกณฑ์การให้คุณให้โทษ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยลดข้อครหาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่บุคลากรภายใน
หมวดการส่งเสริมความโปร่งใส ประกอบด้วย การจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยต้องแสดงช่องทางการร้องเรียนที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติของเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการ, นอกจากนี้ยังต้องมีการเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เช่น การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น หรือการเชิญผู้แทนจากภายนอกร่วมเป็นคณะกรรมการต่างๆ
หมวดการดำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริต เป็นการแสดงเจตนารมณ์เชิงรุกของสถานศึกษา ประกอบด้วย การประกาศเจตนารมณ์ของผู้บริหารในการต่อต้านการทุจริต, การประเมินความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบประจำปี พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงเหล่านั้น, การบังคับใช้ประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่, และการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต
หมวดมาตรการภายในเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต เป็นการนำผลจากการประเมินในปีก่อนๆ มาปรับปรุงแก้ไข ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสภายในองค์กรที่เรียกว่า “มาตรการภายใน” ซึ่งต้องระบุถึงการวิเคราะห์ผล ITA, ปัญหาที่พบ, และแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามแผน
จะเห็นได้ว่าการเตรียมตัวสำหรับ OIT นั้นเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดและการประสานงานจากทุกฝ่ายในสถานศึกษา ฝ่ายนโยบายและแผน, ฝ่ายบุคคล, ฝ่ายการเงินและพัสดุ, ฝ่ายวิชาการ, และฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรวบรวม ตรวจสอบ และนำข้อมูลขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ การมีคณะทำงาน ITA โดยเฉพาะจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการทั้งหมดให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ท้ายที่สุดแล้ว การประเมิน ITA ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงอันดับหรือคะแนน แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสะท้อนตัวตนและพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ สถานศึกษาที่ได้คะแนนสูงไม่ได้หมายความว่าเป็นองค์กรที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่หมายถึงการเป็นองค์กรที่ “กล้า” ที่จะเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนตรวจสอบ “พร้อม” ที่จะรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน และ “มุ่งมั่น” ที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองอย่างจริงจัง การเดินทางสู่การเป็นสถานศึกษาคุณธรรมและความโปร่งใสอาจต้องอาศัยความทุ่มเทและพลังกายพลังใจจากบุคลากรทุกคน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับคืนมานั้นคือ “ความไว้วางใจ” และ “ความเชื่อมั่น” จากสังคม ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของการเป็นสถาบันการศึกษาที่ยั่งยืนและเป็นความหวังของประเทศชาติต่อไป
คู่มือปฏิบัติสำหรับการประเมินความโปร่งใสในสถานศึกษาออนไลน์ ปีงบประมาณ 2566
บทนำสู่คู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถานศึกษาออนไลน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความโปร่งใสและการดำเนินงานที่มีคุณธรรมในหน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะในระบบการศึกษาออนไลน์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในปีนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือให้สถานศึกษาทั้งหลายสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยุติธรรม คู่มือนี้ช่วยให้ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาได้รับข้อมูลที่เป็นระบบสำหรับการตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของสถานศึกษา
กระบวนการประเมินนี้ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งในด้านการป้องกันการทุจริต การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย การให้ข้อมูลแก่ประชาชน รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บทความนี้จะแนะนำแนวคิดและกรอบการประเมินที่สำคัญ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้สถานศึกษาสามารถประเมินตนเองและพัฒนาในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อสร้างคุณค่าต่อทั้งผู้เรียนและสังคมโดยรวม
แนวทางการใช้งานคู่มือการประเมินในสถานศึกษาออนไลน์
สถานศึกษาออนไลน์ที่ต้องการปรับปรุงความโปร่งใสและมีคุณธรรมในการดำเนินงานสามารถใช้คู่มือการประเมินปีงบประมาณ 2566 เป็นแนวทางสำคัญเพื่อช่วยให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพ คู่มือการประเมินนี้ประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่จะช่วยแนะนำให้ผู้บริหารและบุคลากรมีความเข้าใจในกระบวนการที่ควรทำ ได้แก่
- การวางแผนและการจัดการโครงสร้างข้อมูล: เริ่มต้นจากการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการประเมิน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และติดตามได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลที่โปร่งใส และตรวจสอบได้
- การสร้างกระบวนการตรวจสอบและประเมินผล: การใช้คู่มือช่วยให้สถานศึกษาทำการประเมินตนเองด้วยเกณฑ์และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในคู่มือ เช่น การประเมินความยุติธรรมในการบริหาร การจัดทำรายงานที่โปร่งใส และการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของผู้มีส่วนได้เสีย
- การสร้างวัฒนธรรมคุณธรรมและโปร่งใส: คู่มือแนะนำให้สถานศึกษาออนไลน์สร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่เน้นคุณธรรมและความโปร่งใส เช่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย การปฏิบัติที่เป็นธรรม และการสร้างความไว้วางใจในชุมชน
ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางที่ระบุในคู่มือนี้ สถานศึกษาจะสามารถสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ เพิ่มความมั่นใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง
ผลกระทบและความสำคัญของการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในสถานศึกษาออนไลน์
การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถานศึกษาออนไลน์ไม่ได้เพียงแต่เป็นมาตรการที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีในหลายมิติ เช่น
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสถานศึกษา: เมื่อสถานศึกษาสามารถแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานที่โปร่งใสและมีคุณธรรม จะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานศึกษามีความยั่งยืน
- เสริมสร้างการเรียนรู้และการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน: การมีมาตรฐานการดำเนินงานที่ชัดเจนและยุติธรรมช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ในทุกระดับ ทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองในสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน
- ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: การจัดการที่โปร่งใสยังช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปัญหาการสูญเสียทรัพยากรทางการศึกษา รวมถึงการใช้ระบบออนไลน์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
- กระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย: เมื่อสถานศึกษามีความโปร่งใสและสามารถติดตามการปฏิบัติงานได้ ผู้ปกครอง ชุมชน และนักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษาได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
การใช้คู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สถานศึกษาทั้งหลายดำเนินงานด้วยความโปร่งใส คุณธรรม และสามารถพัฒนาสู่ความยั่งยืนได้
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร



เอกสารเป็นทั้งไฟล์ PDF และไฟล์ Word แก้ไขได้
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ.