สื่อฟรีออนไลน์.com
ขอแนะนำไฟล์ รายงานการวิจัยเรื่อง การพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 โดยการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย
การเสริมสร้างพัฒนาการทางกายด้วยการละเล่นพื้นบ้านไทย นวัตกรรมการศึกษาเด็กปฐมวัยที่โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 ชั้นปีที่ 1
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็กในระยะยาว การวิจัยครั้งนี้ดำเนินการที่โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 โดยมุ่งเน้นการใช้การละเล่นพื้นบ้านไทยเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กชั้นปีที่ 1 ซึ่งมีอายุระหว่าง 6-7 ปี ผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างชัดเจนของการนำภูมิปัญญาไทยมาปรับใช้ในการศึกษายุคใหม่
ความสำคัญของการพัฒนาสมรรถภาพทางกายในเด็กปฐมวัยไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากช่วงอายุนี้เป็นวัยทองของการพัฒนาระบบประสาทและกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวของร่างกายในช่วงวัยนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาสมอง การเรียนรู้ และทักษะทางสังคม เด็กที่ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพทางกายอย่างเหมาะสมจะมีความมั่นใจในตนเอง มีสุขภาพกายและใจที่ดี และสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าเด็กที่ขาดการพัฒนาในด้านนี้
การละเล่นพื้นบ้านไทยเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สะท้อนภูมิปัญญาของคนไทยในอดีต เกมและกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าในการพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างครอบคลุม การเล่นลิงจ๋อช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและการทรงตัว การเล่นหิน กรรไกร กระดาษ ช่วยฝึกปฏิกิริยาตอบสนองและการประสานสัมพันธ์ระหว่างตาและมือ การเล่นแมวข้ามกำแพงพัฒนาความคล่องแคล่วและความแม่นยำในการเคลื่อนไหว ขณะที่เกมหมอนข้างเปลาช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของกล้ามเนื้อหลักและความสมดุลของร่างกay
โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม นักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ทำงานในอุตสาหกรรมและการค้า ก่อนการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ การจัดกิจกรรมพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กชั้นปีที่ 1 ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นอุปกรณ์เด็กเล่นทั่วไปในสนามเด็กเล่น หรือกิจกรรมเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ ซึ่งไม่สามารถพัฒนาสมรรถภาพทางกายได้อย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกด้าน
วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยครั้งนี้คือการศึกษาประสิทธิผลของการใช้การละเล่นพื้นบ้านไทยในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โดยเฉพาะในด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น ความทนทาน การทรงตัว และการประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องการศึกษาผลกระทบต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ เช่น ทักษะทางสังคม ความมั่นใจในตนเอง และความเข้าใจในวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการหาแนวทางในการนำการละเล่นพื้นบ้านมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนในปัจจุบัน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย โดยพิจารณาจากเพศ อายุ และสุขภาพร่างกายโดยทั่วไป เด็กทุกคนต้องผ่านการตรวจสุขภาพเบื้องต้นจากพยาบาลโรงเรียนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อจำกัดทางสุขภาพที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมกิจกรรม ผู้ปกครองทุกคนได้ลงนามในใบยินยอมให้บุตรหลานเข้าร่วมการวิจัย พร้อมทั้งได้รับการอธิบายถึงวัตถุประสงค์และวิธีการดำเนินการวิจัยอย่างละเอียด
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย ซึ่งครอบคลุมการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนด้วยการวัดจำนวนครั้งในการซิทอัพแบบปรับปรุง การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาด้วยการกระโดดไกลกบ การทดสอบความยืดหยุ่นด้วยการงอตัวไปข้างหน้าขณะนั่ง การทดสอบความทนทานด้วยการวิ่งในระยะทางสั้น การทดสอบการทรงตัวด้วยการยืนขาเดียวตามระยะเวลาที่กำหนด และการทดสอบการประสานสัมพันธ์ระหว่างตาและมือด้วยการขว้างลูกบอลใส่เป้าหมาย แบบทดสอบทุกข้อได้ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือจากผู้เชี่ยวชาญด้านพลศึกษาและเด็กปฐมวัย
การดำเนินการวิจัยใช้ระยะเวลา 12 สัปดาห์ กลุ่มทดลองจะได้รับการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที ขณะที่กลุ่มควบคุมจะได้รับการจัดกิจกรรมพัฒนาร่างกายแบบปกติของโรงเรียน การจัดกิจกรรมในกลุ่มทดลองแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 เป็นการปรับตัวและการรู้จักเกม ใช้เวลา 2 สัปดาห์ เน้นการสอนกฎกติกาและวิธีการเล่นแต่ละเกม ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ใช้เวลา 4 สัปดาห์ เน้นการฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน ระยะที่ 3 เป็นการพัฒนาทักษะขั้นสูง ใช้เวลา 4 สัปดาห์ เน้นการรวมทักษะต่างๆ เข้าด้วยกัน และระยะที่ 4 เป็นการสรุปและประเมินผล ใช้เวลา 2 สัปดาห์
กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทยที่นำมาใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้รับการคัดเลือกจากการศึกษาเอกสารและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดยเลือกเกมที่เหมาะสมกับช่วงอายุและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมรรถภาพทางกายหลายด้าน เกมหลักที่ใช้ ได้แก่ เสือจับหาง ซึ่งช่วยพัฒนาความเร็ว ความแข็งแกร่ง และการหลบหลีก แมวข้ามกำแพง ที่พัฒนาความคล่องแคล่วและการประสานสัมพันธ์ ลิงจ๋อ ที่เสริมสร้างความแข็งแรงของขาและการทรงตัว หนูข้ามถัง ที่พัฒนาความเร็วและความแม่นยำ และหอยทากปีนป่าย ที่ช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นและความทนทาน
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างชัดเจนของการใช้การละเล่นพื้นบ้านไทยในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัย เมื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการทดลอง พบว่ากลุ่มทดลองมีการพัฒนาในทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน กลุ่มทดลองสามารถทำซิทอัพได้เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 8.5 ครั้ง เป็น 15.2 ครั้ง ขณะที่กลุ่มควบคุมเพิ่มขึ้นเพียงจาก 8.3 ครั้ง เป็น 10.1 ครั้ง ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา กลุ่มทดลองสามารถกระโดดไกลได้เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 85 เซนติเมตร เป็น 125 เซนติเมตร ขณะที่กลุ่มควบคุมเพิ่มขึ้นจาก 83 เซนติเมตร เป็น 95 เซนติเมตร
ด้านความยืดหยุ่น กลุ่มทดลองสามารถงอตัวไปข้างหน้าได้ไกลขึ้นจากเฉลี่ย 12 เซนติเมตร เป็น 22 เซนติเมตร ขณะที่กลุ่มควบคุมปรับปรุงจาก 11.5 เซนติเมตร เป็น 14 เซนติเมตร ด้านความทนทาน กลุ่มทดลองสามารถวิ่งต่อเนื่องได้นานขึ้นจากเฉลี่ย 3.2 นาที เป็น 5.8 นาที ขณะที่กลุ่มควบคุมพัฒนาจาก 3.1 นาที เป็น 3.9 นาที การทรงตัว กลุ่มทดลองสามารถยืนขาเดียวได้นานขึ้นจากเฉลี่ย 15 วินาที เป็น 35 วินาที ขณะที่กลุ่มควบคุมเพิ่มจาก 14 วินาที เป็น 18 วินาที การประสานสัมพันธ์ระหว่างตาและมือ กลุ่มทดลองสามารถขว้างลูกบอลใส่เป้าได้แม่นยำขึ้นจากอัตราความสำเร็จ 30% เป็น 75% ขณะที่กลุ่มควบคุมปรับปรุงจาก 28% เป็น 40%
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสังเกตพฤติกรรมและการสัมภาษณ์ครูผู้สอนและผู้ปกครอง พบว่าเด็กในกลุ่มทดลองมีการพัฒนาในด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสมรรถภาพทางกายด้วย เด็กมีความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น และมีความสุขในการเข้าร่วมกิจกรรม ทักษะทางสังคมได้รับการพัฒนาผ่านการเล่นเป็นทีม การรอคิว การช่วยเหลือเพื่อน และการยอมรับในชัยชนะและความพ่ายแพ้ เด็กเริ่มมีความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทยมากขึ้น สามารถเล่าเรื่องราวของเกมต่างๆ ให้ครอบครัวฟังได้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการวิจัยครั้งนี้มีหลายประการ ประการแรกคือการเตรียมความพร้อมของครูผู้สอนอย่างเป็นระบบ ครูทุกคนได้รับการอบรมเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านไทยและเทคนิคการสอนที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย รวมทั้งการเข้าใจความสำคัญของการพัฒนาสมรรถภาพทางกายในช่วงวัยนี้ ประการที่สองคือการได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองอย่างดี ผู้ปกครองเข้าใจวัตถุประสงค์ของการวิจัยและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ประการที่สามคือการปรับเกมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ที่มีอยู่ในโรงเรียน โดยไม่ทำให้สูญเสียเอกลักษณ์และประโยชน์ของเกมเดิม
การจัดกิจกรรมแต่ละครั้งจะเริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกาย 10 นาที ตามด้วยกิจกรรมหลัก 25 นาที และปิดท้ายด้วยการคลายเครียดและสรุปบทเรียน 10 นาที กิจกรรมอบอุ่นร่างกายจะใช้เพลงประกอบและท่าทางที่สนุกสนานเพื่อให้เด็กได้เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ กิจกรรมหลักจะเน้นการเล่นเกมที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์ โดยครูจะเป็นผู้นำและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด กิจกรรมคลายเครียดจะใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อแบบง่ายๆ และการสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนรู้ในวันนั้น
ความท้าทายที่พบในระหว่างการวิจัยมีหลายประการ ความท้าทายแรกคือการปรับให้เด็กทุกคนเข้าใจกฎกติกาของเกมต่างๆ เนื่องจากเกมเหล่านี้อาจแปลกใหม่สำหรับเด็กที่เติบโตในยุคดิจิทัล การแก้ไขปัญหานี้ใช้วิธีการสาธิตซ้ำหลายครั้ง การใช้ภาพประกอบ และการให้เด็กที่เข้าใจแล้วช่วยสอนเพื่อน ความท้าทายที่สองคือการจัดการกับเด็กที่มีระดับความสามารถแตกต่างกัน บางคนเรียนรู้เร็ว บางคนช้า การแก้ไขคือการจัดกลุ่มย่อยและการปรับระดับความยากง่ายของเกมให้เหมาะสมกับแต่ละคน
ความท้าทายที่สามคือการจัดการกับพื้นที่และอุปกรณ์ การละเล่นพื้นบ้านบางเกมต้องการพื้นที่กว้างหรืออุปกรณ์พิเศษ ซึ่งโรงเรียนอาจมีข้อจำกัด การแก้ไขคือการปรับเกมให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่ การใช้อุปกรณ์ทดแทนที่หาได้ง่าย และการจัดเวลาการใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ความท้าทายสุดท้ายคือการรักษาความสนใจของเด็กให้คงอยู่ตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ เด็กอาจเบื่อหน่ายหากต้องเล่นเกมเดิมซ้ำๆ การแก้ไขคือการสร้างรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย การเพิ่มความยากง่าย และการให้รางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจ
ผลกระทบเชิงบวกจากการวิจัยครั้งนี้ขยายออกไปสู่ชุมชนและครอบครัวด้วย ผู้ปกครองหลายคนเริ่มสนใจเรียนรู้เกมเหล่านี้เพื่อเล่นกับลูกที่บ้าน ทำให้เกิดการถ่ายทอดวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น บางครอบครัวจัดให้มีการเล่นเกมพื้นบ้านในวันหยุด ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวและลดการพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชุมชนรอบโรงเรียนเริ่มจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านในงานประเพณีต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และสืบสานวัฒนธรรมไทย
ส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเด็กปฐมวัยด้วยการละเล่นพื้นบ้านไทย กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1
ความสำคัญของการพัฒนาสมรรถภาพทางกายในเด็กปฐมวัย
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะในชั้นปีที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กเริ่มมีพัฒนาการทางกายภาพและการเรียนรู้ที่สำคัญ การเล่นและกิจกรรมทางกายที่หลากหลายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำงานร่วมกันในกลุ่ม การเรียนรู้การเข้าสังคม และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ เช่น การวิ่ง การกระโดด และการทรงตัว
การจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทยเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เด็กมีความสนุกสนาน แต่ยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีไทยในเวลาเดียวกัน การเล่นพื้นบ้านที่นิยม เช่น ลุงนั่ง, หมากเก็บ หรือการเล่นซ่อนหาก็สามารถเสริมสร้างทักษะการเคลื่อนไหว การสังเกต และการคิดวิเคราะห์ของเด็กได้
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายในเด็กปฐมวัยไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิต และการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้นในอนาคต
การวิจัยและการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 โดยการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่ายและไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากนัก โดยมุ่งเน้นไปที่การเล่นที่สร้างสรรค์และสนุกสนาน
ในระหว่างการวิจัย ทีมงานได้ทำการออกแบบและจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านหลายรูปแบบ เช่น การเล่น “เต้นระบำ”, “หมากเก็บ”, และ “ลุงนั่ง” โดยแต่ละกิจกรรมได้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย เช่น การทรงตัว การกระโดด และการวิ่ง
ผลจากการทดลองจัดกิจกรรมพบว่าเด็กมีความสนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสูง นอกจากนี้ เด็กยังสามารถแสดงสมรรถภาพทางกายที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น การวิ่งที่เร็วขึ้น ความสามารถในการกระโดดที่สูงขึ้น และความสามารถในการทรงตัวที่ดีขึ้น การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สนุกสนานเช่นนี้ยังส่งผลให้เด็กมีความสุขและกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะและการประยุกต์ใช้ผลการวิจัย
จากการวิจัยเรื่องการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 โดยการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย พบว่าการจัดกิจกรรมเหล่านี้มีผลดีต่อการพัฒนาสมรรถภาพทางกายและการมีส่วนร่วมของเด็ก
ข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการในอนาคตคือ ควรมีการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาสมรรถภาพทางกายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรมีการสังเกตและประเมินผลการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงกิจกรรมให้เข้ากับความต้องการและพัฒนาการของเด็ก
นอกจากนี้ยังควรมีการสร้างความร่วมมือระหว่างครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทยในหลากหลายรูปแบบ การส่งเสริมการพัฒนาสมรรถภาพทางกายในเด็กปฐมวัยจะส่งผลดีต่อสุขภาพในอนาคตและช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
เครดิต : คุณครูศิราณี คงน้อย
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร
เป็นไฟล์ PDF







ขอแนะนำไฟล์ รายงานการวิจัยเรื่อง การพัฒนาสมรรถภาพทางกายของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 โดยการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่
ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณครูศิราณี คงน้อย