สื่อฟรีออนไลน์.com

ขอแนะนำไฟล์ รายงานผลกระบวนการสืบเสาะ บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถม ปีการศึกษา2565

รายงานผลการดำเนินงาน บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย สู่การเรียนรู้ที่ยั่งยืน

การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องการการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนลอยีและความต้องการของสังคม โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยจึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสืบเสาะหาความรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

กระบวนการสืบเสาะหาความรู้เป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง เป็นการพัฒนาความสามารถในการตั้งคำถาม การสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการสรุปผล กระบวนการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาวิทยาศาสตร์ได้ดีขึ้น แต่ยังพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในโลกยุคดิจิทัล

โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 2 ปีการศึกษา ใน 15 โรงเรียนระดับประถมศึกษา ครอบคลุมนักเรียนจำนวน 1,245 คน ครู 89 คน และผู้ปกครอง 956 คน การดำเนินงานได้แบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะการเตรียมการและพัฒนาหลักสูตร ระยะการอบรมครูและเตรียมความพร้อม ระยะการทดลองใช้และปรับปรุง และระยะการประเมินผลและขยายผล

ในระยะการเตรียมการและพัฒนาหลักสูตร ทีมงานได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบสืบเสาะและทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้ออกแบบหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถของนักเรียนประถม หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 8 หน่วยการเรียนรู้ ครอบคลุมเนื้อหาวิทยาศาสตร์พื้นฐานตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้เน้นกระบวนการสืบเสาะ

หน่วยการเรียนรู้แรกเรื่อง “สิ่งมีชีวิตรอบตัว” นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการสำรวจสิ่งมีชีวิตในบริเวณโรงเรียน การตั้งคำถามเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ การสังเกตและบันทึกข้อมูล และการสรุปความเหมือนและความแตกต่าง กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะการสังเกต การจำแนกประเภท และการอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ

หน่วยการเรียนรู้ที่สองเรื่อง “น้ำและอากาศ” นักเรียนได้ทำการทดลองเรื่องสถานะของน้ำ การระเหยและการควบแน่น การทดลองเรื่องแรงดันอากาศ และการสำรวจคุณภาพอากาศบริเวณโรงเรียน ผ่านกิจกรรมเหล่านี้ นักเรียนได้พัฒนาทักษะการทดลอง การควบคุมตัวแปร และการตีความข้อมูล

หน่วยการเรียนรู้ที่สามเรื่อง “แสงและเสียง” เป็นการสืบเสาะเกี่ยวกับคุณสมบัติของแสงและเสียง นักเรียนได้ทำการทดลองเรื่องการเดินทางของแสง การสะท้อนแสง การหักเหของแสง การเดินทางของเสียง และปัจจัยที่มีผลต่อความดังของเสียง กิจกรรมเหล่านี้ช่วยพัฒนาความเข้าใจเรื่องพลังงานและการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

หน่วยการเรียนรู้ที่สี่เรื่อง “ดิน หิน และแร่ธาตุ” นักเรียนได้สำรวจชนิดของดินและหินในท้องถิ่น การศึกษาคุณสมบัติของดินและผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช การทดลองเรื่องการชะล้างพังทลายของดิน และการหาวิธีการอนุรักษ์ดิน กิจกรรมนี้เชื่อมโยงสู่การเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หน่วยการเรียนรู้ที่ห้าเรื่อง “อากาศและสภาพอากาศ” เป็นการสืบเสาะเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อสภาพอากาศ การสังเกตและบันทึกข้อมูลสภาพอากาศ การทำนายสภาพอากาศ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศต่อการดำรงชีวิต นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการเก็บข้อมูลจริงและการวิเคราะห์แนวโน้ม

หน่วยการเรียนรู้ที่หกเรื่อง “แม่เหล็กและไฟฟ้า” นักเรียนได้ทำการทดลองเรื่องคุณสมบัติของแม่เหล็ก การทำแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างง่าย การสร้างวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น และการประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องแม่เหล็กและไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน กิจกรรมเหล่านี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบและการเชื่อมโยงความรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่เจ็ดเรื่อง “การเคลื่อนที่และแรง” เป็นการสืบเสาะเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ การทดลองเรื่องแรงเสียดทาน แรงโน้มถ่วง และการประยุกต์ใช้หลักการเคลื่อนที่ในการออกแบบของเล่น นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการสร้างและทดสอบแบบจำลอง

หน่วยการเรียนรู้สุดท้ายเรื่อง “โครงงานวิทยาศาสตร์” เป็นการบูรณาการความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมด นักเรียนได้เลือกหัวข้อที่สนใจ ดำเนินการสืบเสาะอย่างเป็นระบบ และนำเสนอผลงานต่อเพื่อน ๆ โครงงานที่นักเรียนสร้างสรรค์มีความหลากหลาย ตั้งแต่การศึกษาคุณภาพน้ำในชุมชน การทำปุ่ยชีวภาพ การสร้างเครื่องวัดฝน ไปจนถึงการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง

ระยะการอบรมครูและเตรียมความพร้อมเป็นจุดสำคัญของโครงการ เนื่องจากความสำเร็จของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะขึ้นอยู่กับความเข้าใจและทักษะของครูเป็นหลัก การอบรมได้แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ การอบรมเชิงปฏิบัติการ 5 วัน การอบรมเชิงปฏิบัติการเข้มข้น 3 วัน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้รายเดือน

ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ 5 วัน ครูได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เทคนิคการตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นการคิด การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผลแบบแท้จริง ครูได้ลงมือปฏิบัติจริงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะนำไปใช้กับนักเรียน เพื่อให้เข้าใจกระบวนการและประเด็นที่อาจเกิดขึ้น

การอบรมเชิงปฏิบัติการเข้มข้น 3 วัน มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน ได้แก่ การใช้เทคโนลอยีสารสนเทศในการจัดการเรียนรู้ การสร้างสื่อการเรียนรู้ การจัดการห้องเรียนแบบยืดหยุ่น และการประเมินผลการเรียนรู้แบบหลากหลาย ครูได้สร้างผลงานที่สามารถนำไปใช้จริงในห้องเรียนของตนเอง

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้รายเดือนเป็นการประชุมของครูในโครงการเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ แก้ไขปัญหาร่วมกัน และพัฒนากิจกรรมใหม่ ๆ การประชุมเหล่านี้ช่วยสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ของครู และเสริมสร้างความมั่นใจในการจัดการเรียนรู้แบบใหม่

ระยะการทดลองใช้และปรับปรุงเป็นการนำหลักสูตรและกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นไปใช้จริงในห้องเรียน โดยมีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานในระยะนี้ได้รับความร่วมมือที่ดีจากครู นักเรียน และผู้ปกครอง แม้จะมีอุปสรรคบางประการในช่วงแรก เช่น ความไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ ความกังวลเรื่องเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้ และความต้องการอุปกรณ์การเรียนรู้เพิ่มเติม

อุปสรรคเรื่องความไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ได้รับการแก้ไขผ่านการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนแบบใกล้ชิด ทีมงานโครงการได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในห้องเรียนและจัดการอบรมเสริมตามความต้องการ ความกังวลเรื่องเวลาได้รับการแก้ไขผ่านการปรับปรุงกิจกรรมให้มีความยืดหยุ่นและสามารถบูรณาการกับเนื้อหาวิชาอื่นได้ ส่วนปัญหาเรื่องอุปกรณ์ได้รับการแก้ไขผ่านการใช้วัสดุท้องถิ่นและของใช้ในชีวิตประจำวัน

การปรับปรุงกิจกรรรมได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการทดลองใช้ โดยอิงจากข้อมูลย้อนกลับจากครู นักเรียน และผู้ปกครอง การปรับปรุงสำคัญได้แก่ การเพิ่มเติมแผ่นงานและสื่อประกอบ การปรับลำดับและระยะเวลาของกิจกรรม การเสริมแรงกระบวนการประเมินผล และการพัฒนาคู่มือสำหรับครูและผู้ปกครอง

ระยะการประเมินผลและขยายผลเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง การประเมินผลได้ดำเนินการในหลากหลายมิติ ทั้งผลการเรียนรู้ของนักเรียน การเปลี่ยนแปลงของครู ความพึงพอใจของผู้ปกครอง และผลกระทบต่อสังคมและชุมชน

ผลการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนแสดงให้เห็นการพัฒนาที่ชัดเจนในด้านต่าง ๆ คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะในด้านการแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์ นักเรียนมีคะแนนเพิ่มขึ้นถึง 22% ส่วนด้านการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น 18%

ทักษะการสืบเสาะของนักเรียนได้รับการประเมินผ่านแบบประเมินที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความสามารถในการตั้งคำถามที่ดีขึ้น สามารถวางแผนการทดลองได้เหมาะสม มีทักษะการสังเกตที่ละเอียดขึ้น และสามารถสรุปผลจากข้อมูลได้อย่างสมเหตุสมผล นักเรียนร้อยละ 87 สามารถดำเนินกระบวนการสืบเสาะได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในช่วงแรกของโครงการ

ความสนใจในการเรียนวิทยาศาสตร์และความมั่นใจในตนเองของนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการสำรวจพบว่านักเรียนร้อยละ 91 มีความสนใจในการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 68 ก่อนเข้าร่วมโครงการ นักเรียนร้อยละ 84 รู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเองในการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น และร้อยละ 79 แสดงความสนใจที่จะศึกษาต่อในสาขาวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี

การเปลี่ยนแปลงของครูเป็นอีกมิติหนึ่งที่สำคัญ ครูที่เข้าร่วมโครงการมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน ครูร้อยละ 94 เห็นด้วยว่าการเรียนรู้แบบสืบเสาะช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ครูร้อยละ 88 รู้สึกมั่นใจในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะมากขึ้น และครูร้อยละ 92 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่

ครูได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การใช้คำถามเพื่อกระตุ้นการคิด การจัดการห้องเรียนแบบยืดหยุ่น และการประเมินผลแบบแท้จริง ครูหลายคนได้ขยายการใช้วิธีการเหล่านี้ไปใช้ในวิชาอื่น ๆ ด้วย ส่งผลให้คุณภาพการเรียนการสอนโดยรวมดีขึ้น

ความพึงพอใจของผู้ปกครองอยู่ในระดับสูง ผู้ปกครองร้อยละ 89 พึงพอใจต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนรู้ ผู้ปกครองร้อยละ 86 เห็นว่าบุตรหลานมีความสนใจในการเรียนมากขึ้น และผู้ปกครองร้อยละ 82 สังเกตเห็นการพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหาของบุตรหลาน

ผู้ปกครองหลายคนแสดงความคิดเห็นว่าบุตรหลานมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็น และสามารถอธิบายสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างชัดเจน บุตรหลานยังนำความรู้ที่ได้จากโรงเรียนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การสังเกตสิ่งแวดล้อม การทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้าน และการตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ

ผลกระทบต่อสังคมและชุมชนเริ่มปรากฏชัดขึ้นในปีที่สองของโครงการ นักเรียนได้นำความรู้และทักษะที่ได้รับไปใช้ในการแก้ปัญหาในชุมชน เช่น โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำท้องถิ่น การทำปุ่ยชีวภาพเพื่อลดการใช้ปุ่ยเคมี การรณรงค์การคัดแยกขยะ และการสร้างสวนเรียนรู้ในโรงเรียนและชุมชน

บางโรงเรียนได้จัดตั้งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์น้อย ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการดูแลสิ่งแวดล้อมโรงเรียน การให้ความรู้แก่นักเรียนรุ่นน้อง และการเป็นตัวแทนในการนำเสนอผลงานในเวทีต่าง ๆ กลุ่มเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากครูและผู้ปกครอง

ขอบคุณแหล่งที่มา : สพป.ชลบุรี เขต 3

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

ขอแนะนำไฟล์ รายงานผลกระบวนการสืบเสาะ บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถม ปีการศึกษา2565

เป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด