บทความนี้ สื่อฟรีออนไลน์.com
ขอแนะนำบทความเรื่อง โจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูและความถนัดทางวิชาชีพครูพร้อมเฉลย
โจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูและความถนัดทางวิชาชีพครูพร้อมเฉลย คู่มือเตรียมตัวสอบครูอย่างละเอียดที่สุด
การเตรียมตัวสอบเพื่อเป็นครูในประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ความเข้าใจในเนื้อหาวิชาการและเทคนิคการสอนอย่างลึกซึ้ง การสอบวัดแววความเป็นครูและความถนัดทางวิชาชีพครูเป็นประตูสำคัญที่จะนำไปสู่การเป็นครูมืออาชีพ ในบทความนี้จะนำเสนอโจทย์ตัวอย่างและเฉลยอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้เตรียมตัวสอบเข้าใจรูปแบบและแนวทางการตอบคำถามต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ข้อสอบวัดแววความเป็นครูมักจะประกอบด้วยคำถามที่ทดสอบความรู้ด้านจิตวิทยาการศึกษา หลักการและเทคนิคการสอน การจัดการชั้นเรียน และการประเมินผลการเรียนรู้ ส่วนข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูจะเน้นไปที่ความรู้เฉพาะในสาขาวิชาที่จะสอน รวมถึงการประยุกต์ใช้ความรู้นั้นในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูข้อที่ 1 ในการจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน ครูควรให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุด ก การให้นักเรียนท่องจำข้อมูลให้มากที่สุด ข การให้นักเรียนทำงานตามคำสั่งของครูอย่างเคร่งครัด ค การส่งเสริมให้นักเรียนค้นหาความรู้และสร้างผลงานด้วยตนเอง ง การให้คะแนนจากผลงานเพียงอย่างเดียว
เฉลยข้อ 1 คำตอบที่ถูกต้องคือ ค การส่งเสริมให้นักเรียนค้นหาความรู้และสร้างผลงานด้วยตนเอง เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนแบบโครงงานมีจุดประสงค์หลักในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานเป็นทีม และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง ครูจึงควรทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ มากกว่าการเป็นผู้บอกคำตอบหรือสั่งการ การท่องจำข้อมูลไม่ใช่จุดหลักของการเรียนแบบโครงงาน การทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดจะขัดต่อหลักการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ และการประเมินผลควรดูจากกระบวนการทำงานด้วย ไม่ใช่เพียงผลงานสำเร็จเท่านั้น
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูข้อที่ 2 นักเรียนคนหนึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่เชื่อฟังครูในชั้นเรียน ครูควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ก ลงโทษนักเรียนคนนั้นทันทีต่อหน้าเพื่อนๆ ข ส่งตัวไปหาผู้บริหารโรงเรียนทันที ค หาสาเหตุของพฤติกรรมและสื่อสารกับนักเรียนอย่างสร้างสรรค์ ง เพิกเฉยต่อพฤติกรรมนั้น
เฉลยข้อ 2 คำตอบที่ถูกต้องคือ ค หาสาเหตุของพฤติกรรมและสื่อสารกับนักเรียนอย่างสร้างสรรค์ การจัดการพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจสาเหตุก่อน เพราะพฤติกรรมก้าวร้าวมักเกิดจากปัญหาหรือความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง การลงโทษต่อหน้าเพื่อนๆ อาจทำให้นักเรียนรู้สึกอับอายและมีพฤติกรรมที่แย่ลงได้ การส่งตัวไปหาผู้บริหารควรเป็นทางเลือกสุดท้าย และการเพิกเฉยจะไม่ช่วยแก้ปัญหา ครูที่ดีต้องเป็นนักแก้ปัญหาที่สามารถสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนได้
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูข้อที่ 3 ในการประเมินผลการเรียนรู้แบบแท้จริง ครูควรเน้นการประเมินในลักษณะใด ก การสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว ข การประเมินจากการปฏิบัติงานจริงในสถานการณ์ต่างๆ ค การให้คะแนนจากการท่องจำเนื้อหา ง การประเมินจากการฟังครูอย่างตั้งใจ
เฉลยข้อ 3 คำตอบที่ถูกต้องคือ ข การประเมินจากการปฏิบัติงานจริงในสถานการณ์ต่างๆ การประเมินผลแบบแท้จริงหรือ Authentic Assessment คือการประเมินที่ให้นักเรียนแสดงความรู้ ทักษะ และความสามารถในสถานการณ์จริงหรือใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด วิธีการนี้จะช่วยให้ครูทราบถึงความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนในการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งแตกต่างจากการสอบข้อเขียนที่อาจวัดเพียงความจำเท่านั้น การท่องจำเนื้อหาหรือการฟังครูไม่ได้แสดงถึงความเข้าใจที่แท้จริงของนักเรียน
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูสาขาภาษาไทยข้อที่ 4 ในการสอนเรื่องการเขียนเรียงความ ครูควรเน้นให้นักเรียนพัฒนาทักษะใดเป็นลำดับแรก ก การใช้คำศัพท์ยากๆ ให้มากที่สุด ข การเขียนให้ยาวและมีเนื้อหามากที่สุด ค การคิดและวางแผนเนื้อหาก่อนเขียน ง การเขียนให้สวยงามและเป็นระเบียบ
เฉลยข้อ 4 คำตอบที่ถูกต้องคือ ค การคิดและวางแผนเนื้อหาก่อนเขียน ในการสอนการเขียนเรียงความ ทักษะที่สำคัญที่สุดคือการวางแผนและจัดระเบียบความคิด เพราะเรียงความที่ดีต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีเนื้อหาที่สัมพันธ์กันและไหลลื่น การใช้คำศัพท์ยากๆ ไม่จำเป็นหากไม่เหมาะสมกับบริบท การเขียนยาวไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าการเขียนที่กระชับและมีประสิทธิภาพ และการเขียนสวยงามเป็นสิ่งที่ตามมาภายหลัง ความสำคัญอยู่ที่เนื้อหาและการจัดระเบียบความคิดเป็นหลัก
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูสาขาคณิตศาสตร์ข้อที่ 5 ในการสอนเรื่องเศษส่วนให้กับนักเรียนประถมศึกษา ครูควรเริ่มต้นด้วยวิธีการใด ก สอนการบวกลบเศษส่วนทันที ข ใช้สื่อการสอนที่เป็นรูปธรรมให้นักเรียนเห็นและจับต้องได้ ค ให้นักเรียนท่องสูตรการคำนวณ ง สอนเฉพาะเศษส่วนที่มีตัวเศษน้อยกว่าตัวส่วนเท่านั้น
เฉลยข้อ 5 คำตอบที่ถูกต้องคือ ข ใช้สื่อการสอนที่เป็นรูปธรรมให้นักเรียนเห็นและจับต้องได้ การสอนคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษาควรเริ่มจากการใช้สื่อที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดเบื้องต้นก่อน เช่น การใช้แผ่นกระดาษหรือผลไม้มาแบ่งเป็นส่วนๆ เพื่อให้เห็นว่าเศษส่วนคืออะไร การสอนการบวกลบทันทีจะทำให้นักเรียนไม่เข้าใจแนวคิดพื้นฐาน การท่องสูตรไม่ได้ช่วยให้เข้าใจความหมาย และการจำกัดเฉพาะเศษส่วนบางประเภทจะทำให้ความรู้ไม่สมบูรณ์ การใช้สื่อรูปธรรมจะช่วยให้นักเรียนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและแข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูสาขาวิทยาศาสตร์ข้อที่ 6 ในการสอนเรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ครูควรใช้กิจกรรมใดเพื่อให้นักเรียนเข้าใจได้ดีที่สุด ก ให้นักเรียนอ่านตำราและท่องจำสูตรเคมี ข จัดการทดลองให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพืชในสภาวะต่างๆ ค ให้นักเรียนดูวิดีโอเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง ง ให้นักเรียนวาดรูปใบไม้และเขียนชื่อส่วนต่างๆ
เฉลยข้อ 6 คำตอบที่ถูกต้องคือ ข จัดการทดลองให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพืชในสภาวะต่างๆ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพควรเน้นการปฏิบัติและการสังเกต การทดลองจะช่วยให้นักเรียนเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นจริงและเข้าใจความสัมพันธ์เชิงเหตุผล เช่น การนำพืชไปไว้ในที่มืดและในที่มีแสง แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลง การอ่านตำราเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้เข้าใจกระบวนการ การดูวิดีโอดีกว่าการอ่าน แต่ไม่ดีเท่าการปฏิบัติด้วยตนเอง และการวาดรูปเป็นเพียงการจำส่วนประกอบไม่ใช่การเข้าใจกระบวนการ
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูสาขาสังคมศึกษาข้อที่ 7 ในการสอนเรื่องประวัติศาสตร์ไทย ครูควรใช้วิธีการใดเพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจและจดจำได้ดี ก ให้นักเรียนท่องจำปีและเหตุการณ์ทั้งหมด ข เล่าเรื่องราวในลักษณะที่น่าสนใจและเชื่อมโยงกับปัจจุบัน ค ให้นักเรียนคัดลอกข้อความจากหนังสือ ง สอนเฉพาะเหตุการณ์สำคัญที่จะออกสอบเท่านั้น
เฉลยข้อ 7 คำตอบที่ถูกต้องคือ ข เล่าเรื่องราวในลักษณะที่น่าสนใจและเชื่อมโยงกับปัจจุบัน การสอนประวัติศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพควรทำให้นักเรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และเข้าใจว่าเหตุการณ์ในอดีตมีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างไร การเล่าเรื่องที่น่าสนใจจะช่วยให้นักเรียนจดจำได้ดีกว่าการท่องจำแบบไม่มีความหมาย การท่องจำปีและเหตุการณ์โดยไม่เข้าใจบริบทจะไม่เกิดประโยชน์ในการพัฒนาความคิดวิเคราะห์ การคัดลอกข้อความเป็นการเรียนรู้แบบเรื่อยเฉื่อย และการเน้นเฉพาะข้อสอบจะทำให้ความรู้ไม่ครบถ้วน
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูข้อที่ 8 นักเรียนในชั้นเรียนมีความแตกต่างกันด้านความสามารถในการเรียนรู้ ครูควรจัดการเรียนการสอนอย่างไรให้เหมาะสม ก สอนตามระดับของนักเรียนที่เก่งที่สุดในห้อง ข สอนตามระดับของนักเรียนส่วนใหญ่ ค ใช้วิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความแตกต่างของนักเรียน ง แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มตามความสามารถและสอนแยกกัน
เฉลยข้อ 8 คำตอบที่ถูกต้องคือ ค ใช้วิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความแตกต่างของนักเรียน การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน ครูควรใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เช่น การใช้สื่อการเรียนการสอนแบบต่างๆ การจัดกิจกรรมที่ให้นักเรียนเลือกทำตามความสนใจ การให้งานที่มีระดับความยากง่ายต่างกัน เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพของตนเอง การสอนตามนักเรียนที่เก่งที่สุดจะทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ตามไม่ทัน การสอนตามนักเรียนส่วนใหญ่อาจไม่ท้าทายนักเรียนที่มีความสามารถสูง และการแบ่งกลุ่มตามความสามารถอาจสร้างการแบ่งแยกและส่งผลเสียต่อจิตใจนักเรียน
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูข้อที่ 9 ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ครูควรคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ ก ใช้เทคโนโลยีให้มากที่สุดเพื่อให้ทันสมัย ข เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ค ใช้เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงของนักเรียน ง หลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีเพราะอาจรบกวนการเรียน
เฉลยข้อ 9 คำตอบที่ถูกต้องคือ ข เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีในการศึกษาต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง การใช้เทคโนโลยีให้มากที่สุดโดยไม่คิดถึงประโยชน์อาจไม่เกิดผลดี การใช้เพื่อความบันเทิงอย่างเดียวจะไม่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย และการหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีในยุกปัจจุบันจะทำให้นักเรียนพลาดโอกาสในการพัฒนาทักษะที่จำเป็น ความสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้อย่างเหมาะสมและมีเหตุผล
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพครูสาขาศิลปศึกษาข้อที่ 10 ในการสอนศิลปะให้กับนักเรียน ครูควรให้ความสำคัญกับเรื่องใดมากที่สุด ก ให้นักเรียนวาดตามแบบให้เหมือนที่สุด ข ให้นักเรียนใช้สีและเส้นสวยงามตามหลักศิลป์ ค ส่งเสริมให้นักเรียนแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ง ให้นักเรียนทำผลงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด
เฉลยข้อ 10 คำตอบที่ถูกต้องคือ ค ส่งเสริมให้นักเรียนแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ การศึกษาศิลปะมีจุดประสงค์หลักในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออกทางอารมณ์ และจินตนาการของนักเรียน ไม่ใช่การฝึกให้เป็นช่างเลียนแบบ การวาดตามแบบให้เหมือนจะจำกัดความคิดสร้างสรรค์ การเน้นเทคนิคเพียงอย่างเดียวโดยไม่ให้อิสระในการแสดงออกจะทำให้ศิลปะไม่มีชีวิตชีวา และการเน้นความรวดเร็วในการทำงานอาจทำให้คุณภาพของผลงานและกระบวนการเรียนรู้ลดลง
ตัวอย่างไฟล์ โจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูและความถนัดทางวิชาชีพครูพร้อมเฉลย



ขอแนะนำบทความเรื่อง โจทย์ข้อสอบวัดแววความเป็นครูและความถนัดทางวิชาชีพครูพร้อมเฉลย
เป็นไฟล์ PDF
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ
ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร คลิกที่นี่