รายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมวันสุนทรภู่ สืบสานวรรณศิลป์ไทย ถ่ายทอดอัจฉริยภาพผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ในสถานศึกษา

วันสุนทรภู่ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันที่คนไทยร่วมรำลึกถึงกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ผู้มีผลงานทรงคุณค่าอย่าง “พระอภัยมณี”, “นิราศภูเขาทอง” และบทกลอนอีกนับร้อยชิ้นที่ยังคงเป็นแบบอย่างของภาษาไทยอย่างไร้กาลเวลา การจัดกิจกรรมวันสุนทรภู่ในสถานศึกษา นอกจากจะเป็นการสดุดีคุณงามความดีของท่านสุนทรภู่แล้ว ยังเป็นโอกาสในการปลูกฝังความรักในวรรณคดีและทักษะด้านภาษาไทยแก่เยาวชนอีกด้วย

การรายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมวันสุนทรภู่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยจะครอบคลุมรายละเอียดในการวางแผน การดำเนินการ ผลลัพธ์ และแนวทางพัฒนาในอนาคต เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับสถานศึกษาอื่น ๆ ในการจัดกิจกรรมอย่างมีคุณภาพ

วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

  1. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักและซาบซึ้งในผลงานวรรณกรรมของสุนทรภู่
  2. เพื่อพัฒนาทักษะภาษาไทยทั้งการอ่าน การเขียน และการพูดผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์
  3. เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย
  4. เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกซึ่งความสามารถด้านศิลปะ วรรณศิลป์ และการแสดง

กลุ่มเป้าหมาย

  • นักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวนทั้งสิ้น 450 คน
  • ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ปกครองบางส่วนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรม

ระยะเวลาในการดำเนินการ

กิจกรรมจัดขึ้นในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยมีการเตรียมงานล่วงหน้าเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ขั้นตอนการดำเนินงาน

  1. การประชุมวางแผน
    • คณะครูภาษาไทยร่วมกับคณะกรรมการวิชาการและฝ่ายกิจกรรม ได้จัดประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดรูปแบบกิจกรรม แนวทางการประเมินผล งบประมาณ และมอบหมายหน้าที่อย่างชัดเจน
  2. การประชาสัมพันธ์
    • มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านเสียงตามสายของโรงเรียน โปสเตอร์ ใบปลิว และการประชุมผู้ปกครอง เพื่อเชิญชวนให้นักเรียนร่วมส่งผลงาน และเตรียมตัวแสดงความสามารถ
  3. การเตรียมสถานที่
    • โรงอาหารถูกตกแต่งให้กลายเป็น “ลานวรรณศิลป์” โดยเน้นโทนสีไทยย้อนยุค มีฉากรูปภาพสุนทรภู่ ประวัติ ผลงาน บทกลอน รวมถึงพื้นที่จัดแสดงผลงานนักเรียน
  4. กิจกรรมในวันงาน
    • พิธีเปิดโดยผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวเปิดงานและยกย่องบทบาทของสุนทรภู่
    • การแสดงชุด “พระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อสมุทร” โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
    • การประกวดแต่งกลอนสดในหัวข้อ “สืบสานภาษาไทย ใจรักวรรณกรรม”
    • การแสดงกลอนสดแบบหมู่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
    • การแข่งขันเขียนเรียงความและบทกลอนเกี่ยวกับสุนทรภู่
    • การจัดแสดงผลงานศิลปะที่นักเรียนได้วาดภาพเกี่ยวกับตัวละครในวรรณคดีไทย
    • การแสดงดนตรีไทยร่วมสมัยประกอบบทกลอน

ผลการดำเนินงาน

การดำเนินงานกิจกรรมวันสุนทรภู่ในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่และมีความสุขในการเรียนรู้วรรณกรรมไทยผ่านวิธีที่หลากหลาย ทั้งนี้สามารถสรุปผลได้ดังนี้

  1. ด้านความรู้
    • นักเรียนสามารถระบุชื่อผลงานและประวัติของสุนทรภู่ได้อย่างถูกต้องมากกว่าร้อยละ 90
    • บทกลอนที่นักเรียนส่งเข้าประกวดกว่า 150 ชิ้น มีความสร้างสรรค์และใช้ภาษาได้ถูกต้องตามหลักวรรณคดี
  2. ด้านทักษะ
    • นักเรียนที่เข้าร่วมการแสดงมีพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง การแสดง และการใช้ภาษาอย่างมีจังหวะและน้ำเสียงชัดเจน
    • มีนักเรียนที่ค้นพบความชอบในการแต่งกลอนและมีแนวโน้มพัฒนาเป็นนักวรรณกรรมในอนาคต
  3. ด้านทัศนคติ
    • นักเรียนแสดงความภาคภูมิใจในมรดกทางวรรณคดีของชาติ
    • นักเรียนร้อยละ 95 ระบุว่าต้องการให้มีการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ต่อไปในปีหน้า
  4. ด้านการมีส่วนร่วม
    • ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 80 คน และมีส่วนช่วยในการจัดทำชุดการแสดง รวมถึงร่วมเป็นกรรมการตัดสินบางกิจกรรม
    • คณะครูทุกสายชั้นให้ความร่วมมือในการเตรียมงานและเป็นพี่เลี้ยงให้นักเรียนอย่างใกล้ชิด

จุดเด่นของกิจกรรม

  • ใช้แนวทาง “เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง” โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนและสร้างสรรค์กิจกรรม
  • บูรณาการการเรียนรู้วรรณคดีกับดนตรี ศิลปะ การพูด และการแสดงอย่างลงตัว
  • ใช้สื่อเทคโนโลยี เช่น การนำเสนอผลงานผ่านสื่อดิจิทัล การประกวดแต่งกลอนผ่าน Google Form และจัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบ Online Gallery

ปัญหาและอุปสรรค

  • เวลาการเตรียมงานค่อนข้างกระชั้น ทำให้บางกิจกรรมต้องลดขนาดลง
  • สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องย้ายกิจกรรมบางส่วนจากลานหน้าเสาธงมายังอาคารเรียนแทน
  • งบประมาณจำกัด ทำให้ต้องใช้วัสดุรีไซเคิลบางส่วนในการตกแต่งสถานที่

แนวทางพัฒนาในอนาคต

  1. ขยายเวลาการเตรียมงานล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้สามารถคัดเลือกผลงานและฝึกซ้อมนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  2. จัดกิจกรรมเชิงแข่งขันในระดับเขตหรือจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความสามารถได้พัฒนาตนเองสู่เวทีที่กว้างขึ้น
  3. บันทึกกิจกรรมเป็นสื่อการเรียนการสอนในปีถัดไป เช่น วิดีโอบทกลอน การแสดง และการอ่านบทวรรณคดีเพื่อใช้ฝึกทักษะในชั้นเรียน
  4. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้ AI แต่งกลอนร่วมกับนักเรียน เพื่อให้เกิดความสนุกและการเรียนรู้ที่ทันสมัย

กิจกรรมวันสุนทรภู่ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้สัมผัสและซาบซึ้งกับวรรณกรรมไทยอย่างมีชีวิตชีวา การส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกทักษะด้านภาษา การคิดวิเคราะห์ และการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ทำให้เห็นถึงศักยภาพของเด็กไทยที่สามารถสืบสานมรดกวรรณศิลป์ได้อย่างน่าชื่นชม กิจกรรมในครั้งนี้จึงมิใช่เพียงการรำลึกถึงกวีเอกของชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนักคิด นักเขียน และผู้รักภาษาไทยคนใหม่ในอนาคต

หากโรงเรียนทุกแห่งร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยก็จะยังคงรักษารากวัฒนธรรมและความงดงามของภาษาไว้ได้อย่างยั่งยืน

รายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมวันสุนทรภู่ มหกรรมวรรณกรรมไทยที่สร้างสรรค์คุณค่าแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันสุนทรภู่ถือเป็นหนึ่งในวันสำคัญทางวรรณกรรมของประเทศไทยที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุนทรวงศ์ (สุนทรภู่) กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์วรรณกรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่โลก ในปีที่ผ่านมา องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันสุนทรภู่อย่างยิ่งใหญ่และประทับใจ โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมความรัก ความภูมิใจ และการอนุรักษ์วรรณกรรมไทยให้คงอยู่สืบไป

ภาพรวมการจัดงานและวัตถุประสงค์

การจัดกิจกรรมวันสุนทรภู่ในครั้งนี้ได้รับการวางแผนอย่างละเอียดและรอบคอบตั้งแต่เดือนมกราคม โดยมีคณะกรรมการจัดงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรม นักวิชาการ ครู อาจารย์ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 45 คน ซึ่งได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดงานไว้ 5 ประการหลัก ได้แก่ การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวประวัติและผลงานของสุนทรภู่ การปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนไทยตระหนักถึงคุณค่าของวรรณกรรมไทย การสร้างความสนใจในการศึกษาและทำความเข้าใจภาษาไทยในระดับลึก การเผยแพร่องค์ความรู้ทางวรรณกรรมสู่สาธารณชน และการสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่ต่อไป

การเตรียมการและการประชาสัมพันธ์

ในขั้นตอนการเตรียมการ คณะกรรมการได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ อย่างครอบคลุม โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ราชการ สื่อสิ่งพิมพ์ และการประชาสัมพันธ์ตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สามารถดึงดูดผู้สนใจเข้าร่วมงานได้อย่างล้นหลาม มีการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์จำนวน 2,847 คน และผู้เข้าร่วมแบบ walk-in อีก 1,523 คน รวมผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 4,370 คน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3,000 คน คิดเป็นร้อยละ 145.67 ของเป้าหมาย การเตรียมสถานที่ได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากโรงแรมและศูนย์ประชุมระดับ 5 ดาว ที่มีพื้นที่รองรับผู้เข้าร่วมได้สูงสุด 5,000 คน พร้อมด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัยครบครั้น

กิจกรรมเปิดงานและพิธีสดุดี

พิธีเปิดงานได้จัดขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 09.00 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โดยมีการแสดงดนตรีไทยเปิดงาน จากวงดนตรีไทยแห่งชาติ ที่นำเสนอบทเพลงคลาสสิกที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานของสุนทรภู่ เป็นเวลา 30 นาที ต่อจากนั้นจึงเป็นพิธีจุดธูปเทียนบูชาและการสวดมนต์เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของสุนทรภู่ โดยมีพระสงฆ์จำนวน 9 รูป เป็นประธานในพิธี หลังจากนั้นจึงมีการบรรเลงเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และความภูมิใจในความเป็นไทย การแสดงเปิดงานได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้เข้าร่วม โดยเฉพาะช่วงที่มีการแสดงบทประพันธ์จากเรื่องพระอภัยมณี ที่ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้ชม

นิทรรศการแสดงผลงานและชีวประวัติ

นิทรrrศการหลักของงานได้รับการออกแบบและจัดแสดงอย่างประทับใจ โดยแบ่งออกเป็น 8 โซน ประกอบด้วย โซนชีวประวัติของสุนทรภู่ โซนผลงานเด่น โซนวิวัฒนาการของวรรณกรรมไทย โซนอิทธิพลต่อวรรณกรรมสมัยหลัง โซนเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ โซนกิจกรรมเชิงปฏิบัติ โซนนิทรรศการภาพถ่าย และโซนร้านค้าจำหน่ายหนังสือและของที่ระลึก แต่ละโซนได้รับการตกแต่งด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ที่ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้แบบสามมิติได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะโซนที่ 5 ที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแปลและอธิบายความหมายของบทกวีโบราณให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่ายขึ้น มีผู้เข้าชมนิทรรศการรวมทั้งสิ้น 3,892 คน โดยใช้เวลาชมเฉลี่ยโซนละ 18-25 นาที

กิจกรรมบรรยายพิเศษและเวทีเสวนา

การจัดบรรยายพิเศษและเวทีเสวนาเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงาน โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมไทยระดับประเทศและนานาชาติ รวมทั้งสิ้น 12 ท่าน ที่มาร่วมแบ่งปันความรู้และมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับผลงานของสุนทรภู่ การบรรยายแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ สุนทรภู่กับการสร้างสรรค์วรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 2 วิเคราะห์เทคนิคการประพันธ์และความงามทางภาษาในผลงานของสุนทรภู่ อิทธิพลของสุนทรภู่ต่อวรรณกรรมไทยร่วมสมัยและสมัยใหม่ และสุนทรภู่ในสายตานักวิชาการต่างชาติ ผู้เข้าฟังบรรยายมีจำนวน 1,847 คน โดยในแต่ละหัวข้อจะมีการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมซักถามและแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี มีคำถามรวม 156 ข้อ และข้อเสนอแนะ 89 ข้อ ที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความกระตือรือร้นของผู้เข้าร่วม

การแสดงทางศิลปกรรมและการละเล่นพื้นบ้าน

การแสดงทางศิลปกรรมได้รับการจัดขึ้นเป็นพิเศษ โดยได้รับความร่วมมือจากศิลปินระดับชาติและหน่วยงานศิลปกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ มีการแสดงรำไทยประกอบเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องพระอภัยมณี โดยคณะนาฏศิลป์แห่งชาติ การแสดงดนตรีไทยผสมผสานดนตรีคลาสสิกตะวันตก ที่นำเสนองานประพันธ์ใหม่ที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษสำหรับงานนี้ การแสดงละครเรื่องย่อจากเรื่องอิเหนา นิราศพื่อ และขุนช้างขุนแผน ที่นำเสนอด้วยเทคนิคการแสดงแบบสมัยใหม่แต่ยังคงอัตลักษณ์ไทยไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการแสดงการละเล่นพื้นบ้านจากภาคต่างๆ ของประเทศไทย เช่น หนังตะลุง ลิเกป่า โนราชาตรี และมโนราห์ ที่นำมาผสมผสานกับเนื้อหาจากผลงานของสุนทรภู่อย่างลงตัว ผู้ชมการแสดงมีจำนวน 4,156 คน ซึ่งล้วนแต่ให้ความสนใจและความชื่นชมอย่างสูง โดยเฉพาะการแสดงละครเรื่องขุนช้างขุนแผนที่ได้รับเสียงปรบมือยาวนานกว่า 10 นาที

กิจกรรมเชิงปฏิบัติและการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม

การจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติเป็นจุดเด่นที่สำคัญของงานครั้งนี้ โดยได้รับการออกแบบให้ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน มีการจัดเวิร์คชอป 15 หัวข้อ รวมถึง การประพันธ์โคลงสี่สุภาพ การเขียนกลอนแปด การแต่งโคลงยาว เทคนิคการท่องจำบทกวีโบราณ การเขียนภาพประกอบเรื่องราว การแสดงบทบาทสมมติจากตัวละครในวรรณคดี การผลิตสื่อดิจิทัลเพื่อเผยแพร่วรรณกรรม การออกแบบเกมจากเนื้อหาวรรณกรรม และการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมร่วมสมัยที่ได้แรงบันดาลใจจากคลาสสิก ผู้เข้าร่วมแต่ละเวิร์คชอปมีจำนวนเฉลี่ย 25-40 คน โดยแต่ละกิจกรรมใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ผลงานที่เกิดขึ้นจากเวิร์คชอปต่างๆ ได้รับการรวบรวมและจัดแสดงในพื้นที่พิเศษ ทำให้เกิดบรรยากาศของการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

การจัดประกวดและการมอบรางวัล

ในโอกาสพิเศษนี้ ได้มีการจัดประกวด 6 ประเภท เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ร่วมงาน ประกอบด้วย การประกวดท่องจำบทกวีไทย แบ่งเป็น 4 ระดับอายุ การประกวดเขียนโคลงสี่สุภาพหัวข้อเสรี การประกวดเขียนเรียงความ เรื่อง สุนทรภู่ในสายตาของฉัน การประกวดวาดภาพระบายสีหัวข้อ ตัวละครจากเรื่องพระอภัยมณี การประกวดแต่งเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานของสุนทรภู่ และการประกวดสร้างสรรค์สื่อดิจิทัลเพื่อเผยแพร่วรรณกรรมไทย ผู้เข้าร่วมประกวดรวมทั้งสิ้น 1,247 คน แบ่งเป็นเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ การตัดสินได้รับเกียรติจากกรรมการผู้เชี่ยวชาญ 18 ท่าน โดยใช้เกณฑ์การตัดสินที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ ความถูกต้องทางภาษาและวรรณกรรม ความเหมาะสมของเนื้อหา และความสวยงามของการนำเสนอ รางวัลประกอบด้วยเงินสด ถ้วยรางวัล เกียรติบัตร และหนังสือวรรณกรรมไทยชุดพิเศษ มูลค่ารวมกว่า 450,000 บาท

การมีส่วนร่วมของสถานศึกษาและชุมชน

ความสำเร็จของงานในครั้งนี้เกิดจากการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของสถานศึกษาและชุมชนจากทั่วประเทศ มีโรงเรียนและสถาบันการศึกษาเข้าร่วม 347 แห่ง จาก 76 จังหวัด นำนักเรียนและนักศึกษารวม 8,967 คน มาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ชุมชนต่างๆ ได้ส่งตัวแทนมาร่วมแสดงศิลปะพื้นบ้านและนำเสนอภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรม รวม 89 ชุมชน จาก 38 จังหวัด การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนก็เป็นกำลังสำคัญ โดยมีบริษัทและองค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณ สถานที่ อุปกรณ์ และกำลังคน รวม 67 หน่วยงาน ความร่วมมือดังกล่าวทำให้งานมีมิติที่หลากหลายและสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมย่อยในจังหวัดต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับงานใหญ่ รวม 42 จังหวัด ทำให้การเฉลิมฉลองมีขอบเขตครอบคลุมทั่วประเทศอย่างแท้จริง

การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการจัดงานเป็นจุดเด่นที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วม มีการใช้ระบบ QR Code สำหรับการลงทะเบียนและเข้าถึงข้อมูล การใช้แอปพลิเคชันมือถือสำหรับการนำทางภายในงานและการรับข้อมูลข่าวสาร การใช้ระบบ Live Streaming เพื่อถ่ายทอดสดกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้รับชม จำนวนผู้รับชมออนไลน์สูงสุดถึง 156,789 คน การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแปลและอธิบายความหมายของบทกวีโบราณ การใช้เทคโนโลยี AR และ VR เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบสามมิติ การใช้ระบบเสียงและภาพที่ทันสมัย และการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์และการสร้าง Engagement ซึ่งทำให้งานมีความทันสมัยและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการสืบสานวรรณกรรมไทย

ผลการประเมินและความพึงพอใจ

การประเมินผลการดำเนินงานได้ดำเนินการผ่านแบบสอบถามความพึงพอใจที่แจกให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ มีผู้ตอบแบบสอบถาม 3,456 คน คิดเป็นร้อยละ 79.1 ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด ผลการประเมินแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจในระดับสูงมาก โดยคะแนนเฉลี่ยรวม 4.67 จาก 5.00 คะแนนเต็ม เมื่อจำแนกตามหัวข้อ พบว่า ความพึงพอใจต่อเนื้อหาและความรู้ที่ได้รับ 4.72 คะแนน ความพึงพอใจต่อการจัดการและการดำเนินงาน 4.63 คะแนน ความพึงพอใจต่อกิจกรรมและการมีส่วนร่วม 4.69 คะแนน ความพึงพอใจต่อสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก 4.58 คะแนน และความพึงพอใจต่อการให้บริการของเจ้าหน้าที่ 4.74 คะแนน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ 789 ข้อ ซึ่งจะนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนางานในครั้งต่อไป

เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้นะครับ

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด