แบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ คู่มือสำหรับครูยุคใหม่เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคการศึกษาปัจจุบัน ครูไม่เพียงเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เท่านั้น แต่ยังต้องมีบทบาทในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนทุกคน การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ ครูจึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับรูปแบบและองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการเขียนแบบฟอร์มแผนการจัดการเรียนรู้อย่างละเอียด เหมาะสำหรับครูทุกระดับชั้น และสามารถประยุกต์ใช้ได้จริง

แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง เอกสารที่ครูจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดทิศทาง กระบวนการ และวิธีการจัดการเรียนการสอนในแต่ละครั้ง ช่วยให้ครูสามารถจัดการบทเรียนได้เป็นระบบ ชัดเจน และสอดคล้องกับมาตรฐานหลักสูตร รวมทั้งตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างผู้เรียน จุดเด่นของแผนที่มีคุณภาพ คือ ช่วยพัฒนาทักษะสำคัญของผู้เรียน เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน

ส่วนประกอบหลักของแบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้

  1. ข้อมูลเบื้องต้น
    • ชื่อโรงเรียน ระดับชั้น และรายวิชา
    • หน่วยการเรียนรู้/บทเรียน
    • เวลา/จำนวนชั่วโมงที่ใช้ในการสอน
    • ครูผู้สอน
  2. สาระสำคัญ/ความสำคัญของบทเรียน
    ส่วนนี้เป็นการอธิบายภาพรวมของบทเรียน บอกเหตุผลว่าทำไมบทเรียนนี้จึงสำคัญ และประโยชน์ที่จะเกิดกับผู้เรียน เพื่อให้ครูตระหนักถึงเป้าหมายหลักของการจัดการเรียนรู้
  3. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
    กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ที่ต้องการบรรลุจากบทเรียน โดยอิงจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 หรือหลักสูตรที่โรงเรียนกำหนด
  4. จุดประสงค์การเรียนรู้
    ระบุผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ผู้เรียนสามารถทำได้หลังเรียนจบกิจกรรม จุดประสงค์ต้องชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับมาตรฐาน
  5. สาระการเรียนรู้
    แสดงเนื้อหาหลักที่ต้องสอนในบทเรียนนั้นๆ ครอบคลุมทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ
  6. กิจกรรมการเรียนการสอน
    เป็นหัวใจสำคัญของแผนการสอน ครูควรวางลำดับกิจกรรมอย่างเป็นขั้นตอน เช่น
    • ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
    • ขั้นสอนเนื้อหา/กิจกรรมหลัก
    • ขั้นสรุป/ประเมินผล
    การจัดกิจกรรมควรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Active Learning) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและพัฒนาทักษะในทุกมิติ
  7. สื่อการเรียนการสอน
    ระบุสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีที่จะใช้สนับสนุนการเรียนรู้ เช่น สไลด์ วิดีโอ เกมการศึกษา แบบฝึกหัด หรือสื่อออนไลน์
  8. วิธีการวัดและประเมินผล
    กำหนดวิธีการประเมินที่เหมาะสม เช่น การสังเกต การสอบ การทำโครงงาน หรือการประเมินตามสภาพจริง โดยควรระบุเกณฑ์หรือเครื่องมือที่ใช้ประเมินอย่างชัดเจน
  9. การบูรณาการ
    ถ้ามีการเชื่อมโยงเนื้อหาไปยังสาระอื่นๆ เช่น การบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม หรือทักษะชีวิต ควรเขียนให้ครบถ้วน
  10. ข้อควรระวังหรือข้อเสนอแนะ
    ครูสามารถบันทึกข้อสังเกต หรือคำแนะนำสำหรับการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป เพื่อใช้ปรับปรุงและพัฒนาการสอน

ตัวอย่างรูปแบบแบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้

ชื่อโรงเรียน: โรงเรียนตัวอย่างแห่งหนึ่ง
ชั้นเรียน: ประถมศึกษาปีที่ 6
วิชา: ภาษาไทย
หน่วยการเรียนรู้: การอ่านจับใจความสำคัญ
เวลา: 2 ชั่วโมง

สาระสำคัญ: การอ่านจับใจความสำคัญเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้วิชาอื่น ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและตีความข้อมูลได้ถูกต้อง

มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด: ท 3.1 ป.6/1 อ่านจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านได้

จุดประสงค์การเรียนรู้: ผู้เรียนสามารถระบุใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้อย่างถูกต้อง

สาระการเรียนรู้: วิธีการหาประเด็นสำคัญ เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา

กิจกรรมการเรียนรู้:

  • ขั้นนำ: ครูเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเพื่อกระตุ้นความสนใจ
  • ขั้นกิจกรรม: ผู้เรียนอ่านบทความสั้นและตอบคำถาม จับใจความร่วมกันในกลุ่ม
  • ขั้นสรุป: นำเสนอผลงานกลุ่ม และครูสรุปบทเรียน

สื่อการเรียนรู้: เอกสารประกอบการอ่าน กระดานไวท์บอร์ด

วิธีประเมินผล: การตอบคำถาม การอภิปราย และการสังเกตการทำงานกลุ่ม

การบูรณาการ: คุณธรรม เช่น ความรับผิดชอบ การเคารพความคิดเห็นผู้อื่น

ข้อเสนอแนะ: ผู้เรียนบางคนยังอ่านไม่คล่อง ควรมีการฝึกซ้ำหรือจัดกลุ่มช่วยเหลือ

ประโยชน์ของการใช้แบบฟอร์มแผนการจัดการเรียนรู้

การใช้แบบฟอร์มช่วยให้ครูมีแนวทางที่ชัดเจน ลดความผิดพลาด และสามารถปรับปรุงพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังทำให้ผู้บริหารหรือครูผู้ร่วมงานสามารถติดตาม ตรวจสอบ และให้คำแนะนำได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับห้องเรียนและระดับโรงเรียน

แนวทางการปรับปรุงแผนการสอนให้ทันสมัย

ในยุคดิจิทัล ครูควรปรับแผนการสอนให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การนำ AI มาช่วยจัดกิจกรรม การใช้สื่ออินเทอร์แอคทีฟ หรือการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การเรียนรู้แบบ Hybrid Learning และการเรียนรู้เชิงโครงงาน (Project-Based Learning) ช่วยเสริมให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นและพัฒนาทักษะชีวิตได้จริง

แผนการจัดการเรียนรู้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ครูทุกคนต้องมีความเชี่ยวชาญ การเขียนแบบฟอร์มแผนการจัดการเรียนรู้อย่างละเอียดและเป็นระบบจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา และตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้มากที่สุด การพัฒนาทักษะด้านนี้ไม่ใช่แค่การทำเอกสารเพื่อให้ครบตามระเบียบ แต่เป็นการสร้างคุณภาพการเรียนการสอนที่แท้จริงเพื่ออนาคตของผู้เรียน

แบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สำหรับครูยุคใหม่

การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เป็นหัวใจสำคัญของการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ ครูผู้สอนทุกคนจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะทำให้แผนการจัดการเรียนรู้นั้นสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะนำเสนอแบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่ครบถ้วนและเป็นระบบ พร้อมทั้งคำแนะนำการใช้งานที่จะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความสำคัญของการวางแผนการจัดการเรียนรู้

การวางแผนการจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ครูผู้สอนใช้ในการกำหนดทิศทางและวิธีการในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน การมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีจะช่วยให้การสอนมีความชัดเจน มีเป้าหมายที่แน่นอน และสามารถประเมินผลการเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูผู้สอนสามารถจัดเตรียมสื่อการเรียนการสอน กิจกรรมต่าง ๆ และการประเมินผลได้อย่างเหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน

การมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีจะส่งผลให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย สามารถพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และที่สำคัญคือการเรียนรู้จะเกิดขึ้นอย่างมีความหมายและยั่งยืน ครูผู้สอนจะสามารถติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียนได้อย่างใกล้ชิด และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคนได้

องค์ประกอบหลักของแผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ องค์ประกอบแรกที่สำคัญคือข้อมูลพื้นฐานของแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงชื่อสถานศึกษา ชื่อครูผู้สอน รายวิชา ระดับชั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ และเวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าใจถึงบริบทของการจัดการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเป็นองค์ประกอบที่สองที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นการระบุถึงสิ่งที่ผู้เรียนควรจะรู้ เข้าใจ และสามารถปฏิบัติได้หลังจากการเรียนรู้ การระบุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ชัดเจนจะช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีทิศทางที่แน่นอน และสามารถประเมินผลการเรียนรู้ได้อย่างตรงประเด็น

จุดประสงค์การเรียนรู้เป็นการระบุอย่างเฉพาะเจาะจงถึงสิ่งที่ผู้เรียนจะสามารถทำได้หลังจากการเรียนรู้ในแต่ละชั่วโมงหรือแต่ละบทเรียน จุดประสงค์การเรียนรู้จะต้องเขียนในรูปแบบพฤติกรรมที่สังเกตได้และวัดได้ มีการระบุเงื่อนไขการปฏิบัติและเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน การเขียนจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ดีจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้และการประเมินผลได้อย่างสอดคล้องกัน

สาระสำคัญและเนื้อหาการเรียนรู้

การกำหนดสาระสำคัญและเนื้อหาการเรียนรู้เป็นการระบุถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนรู้ สาระสำคัญจะต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ และจะต้องเหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถของผู้เรียน การคัดเลือกเนื้อหาการเรียนรู้จะต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องและความเป็นลำดับขั้น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจได้อย่างเป็นระบบ

เนื้อหาการเรียนรู้ควรมีความหลากหลายและครอบคลุมทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและการปฏิบัติ มีการเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรียน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ การจัดลำดับเนื้อหาควรเริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปยังสิ่งที่ยาก จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมไปยังสิ่งที่เป็นนามธรรม และจากสิ่งที่ใกล้ตัวไปยังสิ่งที่ไกลตัว

การเชื่อมโยงเนื้อหากับบริบทของท้องถิ่นและวัฒนธรรมไทยจะช่วยให้การเรียนรู้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนจะสามารถเห็นความสำคัญและประโยชน์ของความรู้ที่ได้รับ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม การบูรณาการเนื้อหาข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงของความรู้และสามารถคิดอย่างองค์รวมได้

กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย

การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เป็นส่วนที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจเกี่ยวกับผู้เรียนเป็นอย่างมาก กิจกรรมการเรียนรู้จะต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และเหมาะสมกับเนื้อหาที่จะสอน กิจกรรมควรมีความหลากหลายเพื่อตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน ทั้งในด้านรูปแบบการเรียนรู้ ความสนใจ และความสามารถ

กิจกรรมการเรียนรู้ควรจัดลำดับอย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจากกิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อดึงดูดความสนใจและเตรียมความพร้อมของผู้เรียน กิจกรรมการสอนหลักที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ และกิจกรรมสรุปหรือประเมินผลเพื่อตรวจสอบความเข้าใจและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แข็งแกร่ง

การใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายจะช่วยให้การเรียนการสอนมีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพ เช่น การสอนแบบอุปนัย การสอนแบบนิรนัย การระดมสมอง การแสดงบทบาทสมมติ การทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา การอภิปราย และการใช้เทคโนโลジีการศึกษา การเลือกใช้เทคนิคการสอนจะต้องพิจารณาจากลักษณะของเนื้อหา ลักษณะของผู้เรียน และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้

สื่อการเรียนการสอนและแหล่งเรียนรู้

การเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนรู้ได้อย่างมาก สื่อการเรียนการสอนมีหลายประเภท ตั้งแต่สื่อพื้นฐานที่ใช้ง่ายจนถึงสื่อเทคโนโลยีที่ซับซ้อน การเลือกใช้สื่อจะต้องพิจารณาจากความเหมาะสมกับเนื้อหา ความพร้อมของสถานศึกษา ความสามารถของครูผู้สอน และลักษณะของผู้เรียน

สื่อการเรียนการสอนแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หรือแบบเรียน ใบงาน แผ่นพับ โปสเตอร์ สื่อภาพนิ่ง เช่น รูปภาพ แผนภูมิ แผนผัง สื่อเสียง เช่น การบรรยาย เพลง เสียงธรรมชาติ สื่อภาพเคลื่อนไหว เช่น วีดีโอ ภาพยนตร์ การ์ตูน และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แอพพลิเคชั่น เว็บไซต์

แหล่งเรียนรู้เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยขยายขอบเขตการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น แหล่งเรียนรู้อาจเป็นสถานที่จริง เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ วัด โรงงาน หรือแหล่งเรียนรู้เสมือนจริง เช่น เว็บไซต์ การจำลองสถานการณ์ทางคอมพิวเตอร์ การใช้แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายจะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่กว้างขวางและสามารถเชื่อมโยงความรู้กับโลกแห่งความจริงได้

การประเมินผลการเรียนรู้อย่างแท้จริง

การประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่สำคัญในการตรวจสอบว่าผู้เรียนได้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ การประเมินผลควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงท้ายของบทเรียนเท่านั้น การประเมินผลแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ การประเมินก่อนเรียน การประเมินระหว่างเรียน และการประเมินหลังเรียน

การประเมินก่อนเรียนมีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐานความรู้ของผู้เรียน ข้อมูลที่ได้จากการประเมินก่อนเรียนจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถปรับแผนการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียน การประเมินระหว่างเรียนเป็นการประเมินที่ดำเนินการขณะที่การเรียนรู้กำลังเกิดขึ้น มีจุดประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าและปรับปรุงการเรียนการสอนทันที

การประเมินหลังเรียนเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนได้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ และในระดับใด การประเมินหลังเรียนจะใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับการให้คะแนนหรือเกรด และเป็นข้อมูลย้อนกลับสำหรับการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป เครื่องมือการประเมินผลควรมีความหลากหลาย ทั้งการประเมินแบบปรนัยและการประเมินแบบอัตนัย การประเมินด้วยการปฏิบัติ การสังเกต และแฟ้มสะสมผลงาน

แบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบละเอียด

แบบฟอร์มการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยหัวข้อหลัก ดังนี้ ส่วนแรกเป็นข้อมูลทั่วไปของแผนการจัดการเรียนรู้ รวมถึงชื่อสถานศึกษา ชื่อครูผู้สอน รายวิชา หน่วยการเรียนรู้ ระดับชั้น ภาคเรียน ปีการศึกษา เวลา จำนวนผู้เรียน และกลุ่มสาระการเรียนรู้ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจบริบทของการจัดการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน

ส่วนที่สองเป็นการระบุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ควรระบุให้ชัดเจนว่าใช้มาตรฐานการเรียนรู้ข้อใด ตัวชี้วัดข้อใด และควรเขียนเนื้อหาของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดให้ครบถ้วน ไม่ควรเขียนเพียงรหัสเท่านั้น ส่วนที่สามเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ ควรเขียนในรูปแบบพฤติกรรมที่สังเกตได้และวัดได้ มีการระบุเงื่อนไขและเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน

ส่วนที่สี่เป็นสาระสำคัญและเนื้อหาการเรียนรู้ ควรจัดเรียงเนื้อหาอย่างเป็นลำดับขั้น เริ่มจากเนื้อหาที่ง่ายไปยังเนื้อหาที่ยาก มีการเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่างบทเรียนต่าง ๆ และระบุแนวคิดสำคัญ หลักการ หรือกระบวนการที่ผู้เรียนควรเข้าใจ ส่วนที่ห้าเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ ควรจัดลำดับกิจกรรมอย่างเป็นขั้นตอน ระบุเวลาที่ใช้ในแต่ละกิจกรรม และอธิบายรายละเอียดของกิจกรรมอย่างชัดเจน

การใช้เทคโนโลยีในแผนการจัดการเรียนรู้

การบูรณาการเทคโนโลยีเข้าสู่แผนการจัดการเรียนรู้เป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีสามารถช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เรียนมีความสนใจมากขึ้น และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและหลากหลาย การใช้เทคโนโลยีในแผนการจัดการเรียนรู้ควรมีความเหมาะสมกับเนื้อหา วัตถุประสงค์ และความพร้อมของสถานศึกษา

เทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้มีหลายประเภท เช่น คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตสำหรับการค้นหาข้อมูลและทำกิจกรรมออนไลน์ โปรเจคเตอร์และจอภาพขนาดใหญ่สำหรับการนำเสนอ แอพพลิเคชั่นการศึกษาบนมือถือ เว็บไซต์การเรียนรู้ ห้องเรียนเสมือนจริง และเครื่องมือการประเมินผลแบบออนไลน์ การเลือกใช้เทคโนโลยีควรคำนึงถึงความง่ายในการใช้งานและประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ

เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้นะครับ

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด