สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning) ถอดบทเรียนการปฏิบัติของโรงเรียนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning) ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning) ถอดบทเรียนการปฏิบัติของโรงเรียนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลด การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning) ถอดบทเรียนการปฏิบัติของโรงเรียนประชาราษฎร์บำเพ็ญ โดย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning)
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ดำเนินการขับเคลื่อนมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมุ่งพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของการศึกษา 3 ด้าน คือ ผู้เรียนรู้ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม พลเมืองที่เข้มแข็ง บนฐานคุณธรรม และค่านิยมร่วม ผ่านการดำเนินโครงการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการที่ส่งผลต่อการนำมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ โดยมุ่งหวังว่าสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการและสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย จะได้ตัวอย่างแนวทางการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการ นำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองต่อไป โดยในส่วนของการบริหารงานวิชาการ: การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติได้ ดังนั้น เพื่อให้ได้องค์ความรู้ในเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการถอดบทเรียนเรื่อง นวัตกรรมการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา : การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยถ่ายทอดตัวอย่างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งเป็นการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จจากโรงเรียน จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย 1) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี 2) โรงเรียนทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพมหานคร 3) โรงเรียนประชาราษฎร์บำเพ็ญ กรุงเทพมหานคร และ 4) โรงเรียนสุจิปุลิ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีจุดหมายสำคัญเพื่อประมวล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลการทำงานการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียน 4 โรงเรียนซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งสังกัด บริบทการทำงานลักษณะครูและบุคลากร ตลอดจนจุดเน้นของโรงเรียนและแนวทางการบริหารจัดการ เพื่อให้ได้องค์ความรู้
เพื่อนำไปจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์นวัตกรรมการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา ในประเด็นการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ของสถานศึกษาที่เป็นต้นแบบ เพื่อสร้างให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะเป็นไปตามผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาชาติในเชิงลึกตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ต่อไป
สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาต่อเนื่องและก้าวกระโดดส่งผลกระทบต่อผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งเจตคติ พฤติกรรม และกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน เราพบว่า การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนรูปแบบเดิม ๆ ไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่อีกต่อไป เห็นได้ชัดจากปัญหาด้านคุณภาพ ผู้เรียนในภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งทักษะทางวิซาการ ทักษะทางวิชาชีพและทักษะชีวิต ผู้เรียนไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาในการเรียนกับสถานการณ์ในชีวิตจริงได้ และในทางกลับกันคือ พบว่า เนื้อหาความรู้ที่เรียนในห้องเรียนบางครั้งไม่เกิดประโยชน์โดยตรงกับผู้เรียน โดยอาจเป็นเรื่องไกลตัว ไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เด็กจดจำได้แต่ไม่ได้ลงมือฝึกฝนปฏิบัติในสถานการณ์ที่แตกต่างจากในห้องเรียนได้ สิ่งเร้าภายนอกสามารถดึงดูดความสนใจผู้เรียนได้มากกว่า ผู้เรียน
บางส่วนจึงเกิดความเบื่อหน่าย ไม่เห็นประโยชน์ของการเรียน การเรียนรู้ในห้องเรียนไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในตัวผู้เรียนแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันได้อย่างแท้จริง หลักสูตรฐานสมรรถนะเป็นเครื่องมือที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าว และสามารถวางเป้าหมายพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ให้มีความรู้ (Knowledge) อะไรบ้างมีทักษะ (Skill) ต้องสามารถทำอะไรได้และมีคุณลักษณะ (Attributes) อย่างไร
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบการศึกษาของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่ในการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อเข้าสู่โลกแห่งการทำงานในอนาคต การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกหรือ Competency-Based Instruction and Active Learning เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการศึกษาสากล เพราะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแท้จริง
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกเป็นระบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาความสามารถเฉพาะด้านของผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน แทนการเรียนแบบรับฟังเพียงอย่างเดียว วิธีการนี้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้จริงในสถานการณ์ต่างๆ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายและแนวคิดของการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ หรือ Competency-Based Learning เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถเฉพาะด้านของผู้เรียนให้สามารถปฏิบัติงานหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมรรถนะในที่นี้หมายถึง ความรู้ ทักษะ เจตคติ และพฤติกรรมที่บูรณาการเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือบทบาทต่างๆ ได้สำเร็จ
ในขณะที่การเรียนรู้เชิงรุก หรือ Active Learning เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ไม่ใช่การรับรู้แบบเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนจะต้องคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินข้อมูลด้วยตนเอง รวมถึงการสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น
เมื่อนำทั้งสองแนวคิดมารวมกันเป็นการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก จะได้กระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
หลักการสำคัญของการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกมีหลักการสำคัญหลายประการที่ทำให้แตกต่างจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม หลักการแรกคือการเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ชัดเจน โดยกำหนดสมรรถนะที่ผู้เรียนควรมีหลังจากการเรียนการสอนเสร็จสิ้น ซึ่งต่างจากการเรียนแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นเพียงการถ่ายทอดเนื้อหาเท่านั้น
หลักการที่สองคือการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนรู้ ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน ทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้น และสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้เต็มที่
หลักการที่สามคือการเชื่อมโยงการเรียนรู้กับบริบทจริง โดยใช้สถานการณ์ ปัญหา หรือกรณีศึกษาจากโลกแห่งความเป็นจริงเป็นฐานในการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เรียนกับการนำไปใช้ในชีวิตจริง และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น
หลักการสุดท้ายคือการประเมินผลแบบพหุมิติ ที่ไม่เพียงแต่วัดความรู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการประเมินทักษะการปฏิบัติ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และเจตคติต่อการเรียนรู้ด้วย เพื่อให้ได้ภาพรวมของสมรรถนะที่แท้จริงของผู้เรียน
องค์ประกอบหลักของการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ องค์ประกอบแรกคือการกำหนดสมรรถนะเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งต้องสะท้อนความต้องการของตลาดแรงงาน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของสังคม สมรรถนะเหล่านี้ต้องสามารถวัดได้และนำไปสู่การปฏิบัติจริง
องค์ประกอบที่สองคือการออกแบบหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยใช้วิธีการสอนแบบต่างๆ เช่น การเรียนรู้แบบโครงงาน การแก้ปัญหาเป็นฐาน การจำลองสถานการณ์ การศึกษานอกสถานที่ และการใช้เทคโนโลยีช่วยสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ ในรูปแบบที่หลากหลาย
องค์ประกอบที่สามคือการพัฒนาบทบาทของครูจากผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ครูต้องมีทักษะในการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ การให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะ การสร้างแรงจูงใจ และการประเมินผลแบบหลากหลาย ซึ่งต้องการการพัฒนาความรู้และทักษะอย่างต่อเนื่อง
องค์ประกอบสุดท้ายคือระบบการสนับสนุนการเรียนรู้ที่ครอบคลุม ทั้งด้านสื่อการเรียนการสอน เทคโนโลยี สภาพแวดล้อมทางกายภาพ และระบบการจัดการข้อมูลการเรียนรู้ เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม
กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุก
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกมีกลยุทธ์หลากหลายที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ตามบริบทและลักษณะของเนื้อหาที่สอน กลยุทธ์แรกคือการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้ตั้งคำถาม ค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และสรุปผลด้วยตนเอง ครูจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษา วิธีนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน
กลยุทธ์ที่สองคือการเรียนรู้แบบร่วมมือ ที่เน้นให้ผู้เรียนทำงานเป็นทีมเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ผ่านการแบ่งปันความรู้ การหารือ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการให้ข้อเสนอแนะซึ่งกันและกัน วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาความรู้เท่านั้น แต่ยังพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อสารด้วย
กลยุทธ์ที่สามคือการเรียนรู้แบบแก้ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem-Based Learning ที่นำเสนอปัญหาจริงหรือสถานการณ์จำลองให้ผู้เรียนแก้ไข ผ้อรันการใช้ความรู้และทักษะที่มีอยู่ รวมถึงการค้นหาความรู้ใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น วิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติ และเข้าใจว่าความรู้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
กลยุทธ์สุดท้ายคือการเรียนรู้แบบสะท้อนความคิด หรือ Reflective Learning ที่ให้ผู้เรียนมีโอกาสทบทวนและประเมินประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง โดยการเขียนบันทึกการเรียนรู้ การอภิปรายกลุ่ม หรือการนำเสนอสิ่งที่ได้เรียนรู้ วิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนตระหนักถึงกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง และสามารถปรับปรุงการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์ของการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก
การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกมีประโยชน์หลากหลายทั้งต่อผู้เรียน ครู และระบบการศึกษาโดยรวม สำหรับผู้เรียนแล้ว วิธีการนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน ผู้เรียนจะมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เพราะได้ฝึกฝนและประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์ต่างๆ
นอกจากนี้ การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกยังช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ เพราะผู้เรียนได้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เรียนกับการนำไปใช้จริง และได้มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเอง ทำให้เกิดความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สำหรับครูผู้สอนแล้ว การใช้วิธีการนี้ช่วยให้ได้รับความพึงพอใจในการสอนมากขึ้น เพราะเห็นผู้เรียนมีการพัฒนาที่ชัดเจนทั้งในด้านความรู้และทักษะต่างๆ ครูยังได้พัฒนาตนเองด้วย ทั้งในด้านการออกแบบการเรียนการสอน การใช้เทคโนโลยี และการประเมินผล ซึ่งเป็นการยกระดับความเป็นมืออาชีพ
ประโยชน์สำคัญอีกประการหนึ่งคือการสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพสูงและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน เพราะการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่นายจ้างต้องการ เช่น ทักษะการคิด การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการแก้ปัญหา ทำให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานได้ง่ายขึ้น
ความท้าทายในการนำไปใช้
แม้ว่าการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกจะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำไปปฏิบัติใช้จริงก็เผชิญกับความท้าทายหลายประการ ความท้าทายแรกคือการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความเชื่อของครูที่คุ้นเคยกับการสอนแบบดั้งเดิม การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนต้องใช้เวลา ความอดทน และการสนับสนุนจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน
ความท้าทายที่สองคือการขาดแคลนทรัพยากรที่เหมาะสม ทั้งด้านสื่อการเรียนการสอน เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกมักต้องการพื้นที่ที่ยืดหยุ่น อุปกรณ์ที่หลากหลาย และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับสถานศึกษาที่มีงบประมาณจำกัด
ความท้าทายที่สามคือการประเมินผลที่ซับซ้อนมากขึ้น เพราะต้องประเมินทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ ซึ่งบางส่วนอาจวัดได้ยาก หรือต้องใช้เครื่องมือประเมินที่หลากหลาย ครูต้องมีความรู้และทักษะในการพัฒนาและใช้เครื่องมือประเมินเหล่านี้ ซึ่งต้องการการอบรมและพัฒนาเพิ่มเติม
ความท้าทายสุดท้ายคือการรักษาคุณภาพและมาตรฐานการเรียนรู้ ในขณะที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้เรียนในการเรียนรู้ตามรูปแบบของตนเอง ครูต้องสามารถสร้างสมดุลระหว่างการให้อิสระในการเรียนรู้กับการรับประกันว่าผู้เรียนจะบรรลุสมรรถนะที่กำหนดไว้
กรณีศึกษาการนำไปใช้ในประเทศไทย
ในประเทศไทย มีหลายสถานศึกษาที่ได้นำการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกมาใช้และประสบความสำเร็จ หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือโรงเรียนในโครงการ Smart School ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบเชิงรุก โดยใช้แอปพลิเคชันการเรียนรู้ ระบบจัดการเรียนรู้ออนไลน์ และเครื่องมือประเมินผลแบบดิจิทัล
มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งยังได้นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ในหลักสูตรต่างๆ โดยเน้นการเรียนรู้แบบโครงงาน การฝึกงานในสถานประกอบการ และการจำลองสถานการณ์การทำงานจริง เพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับโลกการทำงาน และพัฒนาทักษะที่จำเป็น
ผลการประเมินจากการนำการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุกมาใช้ในสถานศึกษาไทยพบว่า ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น มีทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาดีขึ้น และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ได้ดีกว่าการเรียนแบบเดิม นอกจากนี้ ผู้เรียนยังมีทักษะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารที่ดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้ยังพบปัญหาบางประการ เช่น ครูขาดความมั่นใจในการใช้วิธีการใหม่ การขาดแคลนอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม และความต้องการเวลาในการเตรียมการสอนที่มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างไฟล์ การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก (Competency-Based Instruction and Active Learning)





