สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ เครื่องมือวัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามเครื่องมือวัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อนำมาใช้ในการประเมินนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ เครื่องมือวัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
ดาวน์โหลด เครื่องมือวัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เครื่องมือวัดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ในโลกธุรกิจและการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีเพียงความรู้ทางเทคนิคหรือ Hard Skills อาจไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่เข้ามาเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่ยั่งยืนของทั้งบุคคลและองค์กรคือ “สมรรถนะ (Competencies)” และ “คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Desirable Characteristics)” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า การเข้าใจ การวัดผล และการพัฒนาสิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นภารกิจหลักของผู้บริหารและฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บทความนี้จะเป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะพาคุณไปสำรวจโลกของเครื่องมือวัดผลเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้และปลดล็อกศักยภาพของบุคลากรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทำความเข้าใจแก่นแท้ สมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์คืออะไร
ก่อนที่เราจะลงลึกถึงเครื่องมือวัด สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจความหมายและขอบเขตของคำสองคำนี้ให้ชัดเจนเสียก่อน แม้จะใช้ควบคู่กันบ่อยครั้ง แต่ทั้งสองสิ่งนี้มีความแตกต่างที่สำคัญ
สมรรถนะ (Competencies) คือ กลุ่มของความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) และพฤติกรรมหรือทัศนคติ (Attitudes/Attributes) ที่บุคคลแสดงออกมาในการปฏิบัติงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จและประสิทธิภาพของงานนั้นๆ สมรรถนะเป็นสิ่งที่สามารถสังเกต วัดผล และพัฒนาได้ ตัวอย่างเช่น สมรรถนะด้านการสื่อสาร ไม่ได้หมายถึงแค่การพูดได้ แต่ครอบคลุมถึงทักษะการฟัง การจับใจความ การนำเสนอ การโน้มน้าวใจ และการเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สมรรถนะมักถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการในองค์กร เช่น
- สมรรถนะหลัก (Core Competencies) : เป็นสมรรถนะพื้นฐานที่พนักงานทุกคนในองค์กรจำเป็นต้องมี ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือสายงานใดก็ตาม เพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมและค่านิยมร่วมกันขององค์กร เช่น การทำงานเป็นทีม ความมุ่งมั่นในบริการ จรรยาบรรณในการทำงาน
- สมรรถนะตามสายงาน (Functional/Technical Competencies) : เป็นสมรรถนะเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงานนั้นๆ เช่น นักบัญชีต้องมีสมรรถนะด้านการวิเคราะห์งบการเงิน โปรแกรมเมอร์ต้องมีสมรรถนะด้านการเขียนโค้ดภาษาใดภาษาหนึ่ง
- สมรรถนะทางการบริหาร (Leadership Competencies) : เป็นสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารหรือผู้นำ ตั้งแต่ระดับหัวหน้าทีมไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง เช่น ภาวะผู้นำ การคิดเชิงกลยุทธ์ การบริหารการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Desirable Characteristics) คือ คุณสมบัติส่วนบุคคลที่หยั่งรากลึกกว่า เป็นเหมือนตัวตน ค่านิยม และแรงผลักดันภายใน ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มการแสดงออกทางพฤติกรรมในระยะยาว คุณลักษณะเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่ติดตัวมาหรือหล่อหลอมมาตั้งแต่วัยเยาว์ และเปลี่ยนแปลงได้ยากกว่าทักษะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพัฒนาไม่ได้เลย ตัวอย่างของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบ ความมีวินัย ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ (Growth Mindset) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)
ความสัมพันธ์ของทั้งสองสิ่งนี้คือ คุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นรากฐานที่สำคัญซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาสมรรถนะเป็นไปได้ง่ายและยั่งยืนยิ่งขึ้น คนที่มีคุณลักษณะของความใฝ่รู้ ย่อมมีแนวโน้มที่จะพัฒนาสมรรถนะด้านการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เร็วกว่าคนอื่น
เหตุผลที่องค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญกับการวัดผล
การลงทุนเวลาและทรัพยากรไปกับการวัดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้นให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามหาศาลแก่องค์กรในหลายมิติ ตั้งแต่การคัดเลือกคนที่ใช่ การพัฒนาคนที่อยู่ ไปจนถึงการวางแผนอนาคตขององค์กร
- กระบวนการสรรหาและคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ : การใช้เครื่องมือวัดผลช่วยให้องค์กรสามารถคัดกรองผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในตำแหน่งงานและเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้ดีที่สุด ลดการตัดสินใจที่อิงจากความรู้สึกส่วนตัว และเพิ่มโอกาสในการได้บุคลากรที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง
- การพัฒนาบุคลากรที่ตรงจุด : เมื่อทราบว่าพนักงานคนใดมีจุดแข็งหรือช่องว่างในสมรรถนะด้านไหน องค์กรสามารถออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนา (Training and Development) ที่ตอบโจทย์รายบุคคลหรือรายทีมได้อย่างแม่นยำ ทำให้การลงทุนด้านการพัฒนาไม่สูญเปล่า
- การประเมินผลการปฏิบัติงานที่เป็นธรรมและโปร่งใส : การนำสมรรถนะมาเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประเมินผล ทำให้การประเมินมีมาตรฐานที่ชัดเจน จับต้องได้ และลดอคติส่วนบุคคล ผู้ประเมินและผู้ถูกประเมินจะเข้าใจตรงกันว่าพฤติกรรมแบบใดที่องค์กรคาดหวัง
- การวางแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) : องค์กรสามารถระบุตัวพนักงานที่มีศักยภาพสูง (High-Potential Employees) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับตำแหน่งที่สำคัญในอนาคต โดยพิจารณาจากทั้งสมรรถนะในปัจจุบันและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งผู้นำ
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง : การกำหนดและสื่อสารสมรรถนะหลักและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ชัดเจน ช่วยหล่อหลอมพฤติกรรมของคนในองค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สร้างเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดแข็งในการแข่งขัน
เจาะลึกเครื่องมือและวิธีการวัดผลยอดนิยม
การวัดสิ่งที่จับต้องได้ยากอย่างสมรรถนะและคุณลักษณะนั้นจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายและใช้ประกอบกันเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์และน่าเชื่อถือที่สุด ไม่มีเครื่องมือใดเพียงหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์แบบ เรามาดูกันว่าเครื่องมือแต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานและข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
1. แบบทดสอบ (Tests & Questionnaires)
เป็นเครื่องมือมาตรฐานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในขั้นตอนการคัดเลือกบุคลากร เนื่องจากสามารถบริหารจัดการกับคนจำนวนมากได้ง่ายและมีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน
- แบบทดสอบบุคลิกภาพ (Personality Tests) : ออกแบบมาเพื่อวัดคุณลักษณะ แนวโน้มพฤติกรรม และสไตล์การทำงานของบุคคล เช่น MBTI, Big Five (OCEAN), DISC โดยผลลัพธ์จะช่วยให้เข้าใจว่าบุคคลนั้นมีแนวโน้มเป็นคนเปิดเผยหรือเก็บตัว มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากน้อยเพียงใด มีความละเอียดรอบคอบหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการพิจารณาความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรและลักษณะงาน
- แบบทดสอบสถานการณ์จำลอง (Situational Judgement Tests – SJTs) : เป็นแบบทดสอบที่สร้างสถานการณ์สมมติที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในการทำงาน แล้วให้ผู้ทำแบบทดสอบเลือกคำตอบหรือแนวทางการปฏิบัติที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด แบบทดสอบนี้มีประสิทธิภาพสูงในการวัดสมรรถนะด้านการแก้ปัญหา การตัดสินใจ และทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล
- แบบทดสอบความถนัด (Aptitude Tests) : ใช้วัดศักยภาพหรือความสามารถเฉพาะด้านที่ยังไม่ผ่านการเรียนรู้โดยตรง เช่น ความถนัดด้านการใช้เหตุผลเชิงตัวเลข (Numerical Reasoning) ความถนัดด้านการใช้เหตุผลเชิงภาษา (Verbal Reasoning) และความถนัดเชิงมิติสัมพันธ์ (Abstract Reasoning) ซึ่งสามารถทำนายความสามารถในการเรียนรู้งานที่ซับซ้อนได้ดี
- แบบทดสอบความรู้ความสามารถ (Knowledge & Skill Tests) : เป็นการวัดทักษะและความรู้ที่จำเป็นต่องานโดยตรง เช่น การทดสอบการเขียนโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ การทดสอบความรู้ด้านกฎหมายภาษีสำหรับนักบัญชี
2. การสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม (Behavioral & Competency-Based Interviewing)
เป็นวิธีการที่ทรงพลังที่สุดวิธีหนึ่งในการประเมินสมรรถนะและคุณลักษณะในเชิงลึก โดยอาศัยหลักการที่ว่า “พฤติกรรมในอดีตเป็นตัวทำนายพฤติกรรมในอนาคตได้ดีที่สุด”
- การสัมภาษณ์โดยใช้เทคนิค STAR (STAR Method Interview) : ผู้สัมภาษณ์จะตั้งคำถามเพื่อให้ผู้สมัครเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะที่ต้องการวัด โดยให้เล่าตามโครงสร้าง S-T-A-R คือ
- S (Situation) : สถานการณ์ในขณะนั้นเป็นอย่างไรT (Task) : ภารกิจหรือเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จคืออะไรA (Action) : เขาได้ลงมือทำอะไรไปบ้าง (เน้นการกระทำของผู้เล่า)R (Result) : ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้นเป็นอย่างไร
3. ศูนย์ประเมิน (Assessment Center)
เป็นกระบวนการประเมินที่เข้มข้นและครอบคลุมที่สุด โดยมักใช้สำหรับการคัดเลือกตำแหน่งสำคัญหรือการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง ผู้เข้ารับการประเมินจะต้องทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบภายใต้การสังเกตการณ์ของผู้ประเมินที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี (Assessor) กิจกรรมที่นิยมใช้ ได้แก่
- การอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) : ให้ผู้เข้าร่วมกลุ่มอภิปรายในหัวข้อที่กำหนดเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ใช้ประเมินสมรรถนะด้านการทำงานเป็นทีม ภาวะผู้นำ การสื่อสาร และการโน้มน้าวใจ
- แบบฝึกหัดกล่องเอกสาร (In-tray/In-basket Exercise) : จำลองสถานการณ์ว่าผู้เข้าร่วมเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่และมีอีเมล เอกสาร รายงานต่างๆ รอให้จัดการอยู่เต็มโต๊ะ พวกเขาจะต้องจัดลำดับความสำคัญ วางแผน และตัดสินใจว่าจะจัดการกับเอกสารแต่ละชิ้นอย่างไร ใช้ประเมินทักษะการวางแผน การจัดลำดับความสำคัญ และการตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน
- การแสดงบทบาทสมมติ (Role Play) : ให้ผู้เข้าร่วมสวมบทบาทสมมติตามสถานการณ์ที่กำหนด เช่น การแจ้งข่าวร้ายกับลูกน้อง การเจรจาต่อรองกับลูกค้า ใช้ประเมินทักษะการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และการจัดการอารมณ์
- การนำเสนอและวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study Analysis & Presentation) : ให้ผู้เข้าร่วมวิเคราะห์ปัญหาทางธุรกิจจากกรณีศึกษาที่ซับซ้อน แล้วนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ใช้ประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงกลยุทธ์ และการนำเสนอ
4. การประเมินผล 360 องศา (360-Degree Feedback)
เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการพัฒนาบุคลากร โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมและสมรรถนะของบุคคลนั้นๆ จากหลากหลายมุมมอง ได้แก่
- ตนเอง (Self) : การประเมินตนเอง
- ผู้บังคับบัญชา (Supervisor) : มุมมองจากหัวหน้างานโดยตรง
- ผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinates) : มุมมองจากทีมงานหรือลูกน้อง
- เพื่อนร่วมงาน (Peers) : มุมมองจากเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน
- ลูกค้าหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ (Customers/Stakeholders) : มุมมองจากบุคคลภายนอกที่ทำงานด้วย
ข้อมูลที่ได้จะช่วยให้บุคคลนั้นเห็นภาพตัวเองที่ชัดเจนขึ้น รับรู้ถึงจุดแข็งที่ควรต่อยอดและจุดที่ควรพัฒนา (Blind Spots) ที่ตนเองอาจไม่เคยตระหนักมาก่อน
การเลือกและนำเครื่องมือไปใช้อย่างชาญฉลาด
การมีเครื่องมือที่ดีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความสำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่การเลือกใช้และนำไปปรับใช้อย่างเหมาะสมกับบริบทขององค์กร หลักการสำคัญที่ควรพิจารณาคือ
- กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน : คุณต้องการวัดผลเพื่ออะไร เพื่อการคัดเลือก เพื่อการพัฒนา หรือเพื่อการประเมินผลการปฏิบัติงาน วัตถุประสงค์ที่ต่างกันย่อมต้องการเครื่องมือที่แตกต่างกัน
- นิยามสมรรถนะและพฤติกรรมที่ต้องการให้ชัด : ก่อนจะวัด ต้องรู้ก่อนว่าจะวัดอะไร องค์กรต้องมี Competency Dictionary ที่ระบุชื่อสมรรถนะ คำจำกัดความ และตัวอย่างพฤติกรรมที่คาดหวังในแต่ละระดับอย่างชัดเจน
- ใช้เครื่องมือที่หลากหลายประกอบกัน (Triangulation) : อย่าเชื่อผลจากเครื่องมือเพียงชิ้นเดียว การใช้แบบทดสอบร่วมกับการสัมภาษณ์ หรือการใช้ Assessment Center ร่วมกับ 360-Degree Feedback จะช่วยยืนยันความถูกต้องและให้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้สมัครและพนักงาน : กระบวนการวัดผลควรออกแบบมาให้มีความเป็นมืออาชีพ เคารพผู้เข้าร่วม และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับคืนไปบ้าง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
- สื่อสารและให้ความรู้: พนักงานและผู้จัดการต้องเข้าใจว่าองค์กรกำลังทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร และจะนำผลลัพธ์ไปใช้อย่างไร เพื่อลดความวิตกกังวลและสร้างการยอมรับ
เครื่องมือวัดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในพริบตา แต่เป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรยุคใหม่ที่ต้องการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่าน “ทุนมนุษย์” การลงทุนในการทำความเข้าใจและวัดศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวบุคลากร คือการลงทุนที่นำไปสู่การตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคลที่แม่นยำขึ้น การพัฒนาที่ตรงจุด และการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเติบโตที่ยั่งยืน เมื่อองค์กรสามารถเลือกคนที่ “ใช่” พัฒนาคนให้ “เก่ง” และรักษาคน “ดี” ไว้ได้ ความสำเร็จในระยะยาวก็ย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
ตัวอย่างไฟล์ เครื่องมือวัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์



