สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ หลักสูตรอบรม การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด รับเกียรติบัตรทาง E-mail จัดทำโดย ศูนย์พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ สพป.อุบลราชธานี เขต 4
ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน ทำแบบทดสอบออนไลน์ หลักสูตรอบรม การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด รับเกียรติบัตรทาง E-mail จัดทำโดย ศูนย์พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ สพป.อุบลราชธานี เขต 4

การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ
ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจ การสำรวจความคิดเห็นและการทดสอบความรู้กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับนักธุรกิจ นักการศึกษา และผู้ที่ต้องการรวบรวมข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ Google Forms ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีจาก Google กลายเป็นตัวช่วยที่ทรงพลังในการสร้างแบบฟอร์มออนไลน์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
การเรียนรู้การใช้งาน Google Forms อย่างเชี่ยวชาญไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ยังเปิดโอกาสในการสร้างรายได้จากทักษะที่คุณจะได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างสร้างแบบสำรวจให้กับองค์กร การสอนออนไลน์ หรือการใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานประจำวันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำความเข้าใจพื้นฐาน Google Forms และความสำคัญในยุคปัจจุบัน
Google Forms คือเครื่องมือสร้างแบบฟอร์มออนไลน์ที่พัฒนาโดย Google ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างแบบสำรวจ แบบทดสอบ แบบลงทะเบียน และแบบฟอร์มต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ด้วยอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับงานในระดับมืออาชีพ
ความสำคัญของ Google Forms ในยุคปัจจุบันสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตของงานออนไลน์และการทำงานระยะไกล องค์กรต่างๆ ต้องการเครื่องมือที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูลจากพนักงาน ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ Google Forms ตอบโจทย์ความต้องการนี้ด้วยการให้บริการที่ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมด้วยระบบรายงานผลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ในเบื้องต้น
สำหรับนักการศึกษา Google Forms กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการสร้างแบบทดสอบออนไลน์ การประเมินความพึงพอใจของนักเรียน และการรวบรวมข้อมูลสำหรับงานวิจัย ขณะที่นักธุรกิจใช้เป็นช่องทางในการสำรวจตลาด การรับสมัครงาน และการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า
ข้อดีที่สำคัญของ Google Forms ประกอบด้วยความสะดวกในการเข้าถึงผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติกับ Google Sheets สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และความปลอดภัยของข้อมูลที่ Google รับประกัน นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกันแบบทีม โดยผู้ใช้หลายคนสามารถแก้ไขฟอร์มเดียวกันได้พร้อมกัน
เริ่มต้นใช้งาน Google Forms ขั้นพื้นฐาน
การเริ่มต้นใช้งาน Google Forms นั้นง่ายมากสำหรับผู้ที่มี Google Account อยู่แล้ว หากยังไม่มีบัญชี Google ให้สร้างบัญชีใหม่ผ่าน Gmail ก่อน จากนั้นเข้าไปที่ forms.google.com หรือผ่าน Google Drive โดยคลิกปุ่ม New และเลือก Google Forms
เมื่อเข้าสู่หน้าแรกของ Google Forms คุณจะพบกับอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย ส่วนหัวของฟอร์มจะมีช่องให้ใส่ชื่อฟอร์มและคำอธิบาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ผู้ตอบจะเห็นเป็นอันดับแรก การตั้งชื่อที่ชัดเจนและให้รายละเอียดที่เพียงพอจะช่วยให้ผู้ตอบเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสำรวจได้ดีขึ้น
โครงสร้างพื้นฐานของ Google Forms ประกอบด้วยหลายส่วนที่สำคัญ ตั้งแต่ส่วนหัว (Header) ที่สามารถเพิ่มรูปภาพได้ ส่วนคำถาม (Questions) ที่เป็นหัวใจหลักของฟอร์ม และส่วนการตั้งค่า (Settings) ที่ควบคุมวิธีการทำงานของฟอร์ม การเรียนรู้การใช้งานแต่ละส่วนอย่างเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถสร้างฟอร์มที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแม่นยำ
การปรับแต่งธีมและสีสันของฟอร์มเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Google Forms มอบให้ คุณสามารถเลือกสีหลัก เลือกรูปแบบฟอนต์ และเพิ่มรูปภาพพื้นหลังเพื่อให้ฟอร์มดูมีเอกลักษณ์และน่าสนใจ การออกแบบที่ดูดีจะช่วยเพิ่มอัตราการตอบกลับและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการสำรวจของคุณ
ขั้นตอนการสร้างฟอร์มพื้นฐานเริ่มต้นด้วยการตั้งชื่อฟอร์มที่สื่อความหมายชัดเจน เช่น “แบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า” หรือ “แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัล” จากนั้นเพิ่มคำอธิบายที่อธิบายวัตถุประสงค์ ระยะเวลาในการตอบ และการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ตอบ
เจาะลึกประเภทคำถามและการใช้งานอย่างมืออาชีพ
Google Forms มีประเภทคำถามที่หลากหลายให้เลือกใช้ แต่ละประเภทมีจุดเด่นและเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับประเภทคำถามจะช่วยให้คุณสามารถออกแบบฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
คำถามแบบ Multiple Choice เป็นรูปแบบที่นิยมที่สุด เหมาะสำหรับคำถามที่มีตัวเลือกที่แน่นอนและจำกัด เช่น การเลือกช่วงอายุ ระดับการศึกษา หรือความถี่ในการใช้บริการ การออกแบบตัวเลือกควรครอบคลุมทุกกรณีที่เป็นไปได้และไม่ซ้อนทับกัน หากจำเป็นควรเพิ่มตัวเลือก “อื่นๆ” เพื่อรองรับกรณีที่ไม่อยู่ในตัวเลือกที่กำหนด
คำถามแบบ Checkboxes ใช้เมื่อต้องการให้ผู้ตอบสามารถเลือกได้หลายตัวเลือก เช่น การสอบถามเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารที่ต้องการรับข่าวสาร สินค้าหรือบริการที่สนใจ หรือทักษะที่มีอยู่ การใช้ Checkboxes ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและละเอียดมากขึ้น
คำถามแบบ Dropdown เหมาะสำหรับรายการที่มีตัวเลือกมาก เช่น จังหวัด ประเทศ หรือสาขาอาชีพ การใช้ Dropdown จะช่วยประหยัดพื้นที่ในฟอร์มและทำให้ดูเรียบร้อย แต่ควรเรียงลำดับตัวเลือกในลักษณะที่ผู้ใช้สามารถหาได้ง่าย เช่น เรียงตามตัวอักษรหรือความนิยม
คำถามแบบ Short Answer และ Paragraph เป็นคำถามปลายเปิดที่ให้ผู้ตอบสามารถพิมพ์คำตอบเป็นข้อความ Short Answer เหมาะสำหรับคำตอบสั้นๆ เช่น ชื่อ อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ ขณะที่ Paragraph เหมาะสำหรับคำตอบยาวๆ เช่น ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ
คำถามแบบ Linear Scale เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวัดระดับความคิดเห็นหรือความพึงพอใจ โดยทั่วไปจะใช้สเกล 1-5 หรือ 1-10 พร้อมกับป้ายกำกับที่ชัดเจน เช่น “ไม่พอใจเลย” ถึง “พอใจมาก” การใช้ Linear Scale ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงปริมาณที่สามารถนำไปวิเคราะห์ทางสถิติได้
คำถามแบบ Multiple Choice Grid และ Checkbox Grid เหมาะสำหรับการประเมินหลายหัวข้อด้วยเกณฑ์เดียวกัน เช่น การประเมินความพึงพอใจต่อบริการต่างๆ ของห้างสรรพสินค้า การใช้ Grid จะช่วยประหยัดพื้นที่และทำให้ผู้ตอบสามารถเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น
การใช้คำถามแบบ Date และ Time เหมาะสำหรับการนัดหมาย การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม หรือการสำรวจเกี่ยวกับช่วงเวลา Google Forms จะแสดงปฏิทินให้ผู้ใช้เลือกวันที่และเครื่องมือเลือกเวลา ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดในการกรอกข้อมูล
คำถามแบบ File Upload ช่วยให้ผู้ตอบสามารถแนบไฟล์ได้ เช่น รูปภาพ เอกสาร หรือไฟล์อื่นๆ ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์สำหรับการรับสมัครงาน การประกวด หรือการรวบรวมเอกสารประกอบ ควรกำหนดประเภทไฟล์และขนาดไฟล์ที่รองรับอย่างชัดเจน
เทคนิคการออกแบบแบบสำรวจที่มีประสิทธิภาพ
การออกแบบแบบสำรวจที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการเข้าใจพฤติกรรมของผู้ตอบและหลักการออกแบบที่มีประสิทธิภาพ การวางลำดับคำถามมีผลต่อคุณภาพของคำตอบที่จะได้รับอย่างมีนัยสำคัญ
หลักการแรกในการออกแบบคือการเริ่มต้นด้วยคำถามที่ง่ายและน่าสนใจ เพื่อสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจให้ผู้ตอบทำแบบสำรวจต่อไป คำถามในช่วงเริ่มต้นควรเป็นเรื่องทั่วไปหรือเกี่ยวกับตัวผู้ตอบโดยตรง จากนั้นค่อยๆ เข้าสู่คำถามที่เฉพาะเจาะจงหรือซับซ้อนมากขึ้น
การจัดกลุ่มคำถามตามหัวข้อจะช่วยให้ผู้ตอบเข้าใจบริบทและตั้งใจตอบคำถามในแต่ละส่วนได้ดีขึ้น การใช้หัวข้อย่อย (Section) ใน Google Forms จะช่วยแบ่งแยกคำถามอย่างชัดเจนและทำให้การสำรวจดูเป็นระบบ เช่น แยกส่วนข้อมูลส่วนตัว ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ และข้อเสนอแนะ
การใช้ Logic branching หรือ Skip logic เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ช่วยให้แบบสำรวจมีการไหลของคำถามที่เหมาะสมกับแต่ละคน ตยอังคารอเพิ่ม หากผู้ตอบเลือกว่าไม่เคยใช้บริการ ก็สามารถข้ามไปยังคำถามเกี่ยวกับการใช้บริการในอนาคต แทนที่จะถามเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการใช้บริการ
การกำหนดคำถามบังคับ (Required) ควรทำอย่างรอบคอบ คำถามที่สำคัญและจำเป็นต่อการวิเคราะห์ผลเท่านั้นที่ควรกำหนดเป็น Required การกำหนด Required มากเกินไปอาจทำให้ผู้ตอบรู้สึกเบื่อหน่ายและยกเลิกการตอบแบบสำรวจ
การเขียนคำถามให้ชัดเจนและไม่มีความคลุมเครือเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เทคนิคที่ผู้ตอบอาจไม่เข้าใจ และไม่ควรถามหลายเรื่องในคำถามเดียว การทดสอบแบบสำรวจกับกลุ่มเล็กก่อนเผยแพร่จริงจะช่วยตรวจสอบความเข้าใจของคำถาม
การคำนึงถึงระยะเวลาในการตอบเป็นปัจจัยสำคัญต่อการได้รับการตอบกลับ แบบสำรวจที่ใช้เวลาตอบนานเกิน 10-15 นาทีมักจะมีอัตราการทิ้งสูง ดังนั้นควรคัดเลือคำถามที่จำเป็นจริงๆ และจัดเรียงความสำคัญของคำถาม
การใช้คำถามควบคุมคุณภาพ (Attention check) เป็นเทคนิคในการตรวจสอบว่าผู้ตอบให้ความสนใจกับแบบสำรวจหรือไม่ เช่น คำถามที่ให้เลือก “กรุณาเลือกตัวเลือกที่สอง” หรือคำถามที่มีคำตอบที่ชัดเจน การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ข้อมูลที่ได้มีคุณภาพสูงขึ้น
การสร้างแบบทดสอบออนไลน์แบบมืออาชีพ
การสร้างแบบทดสอบด้วย Google Forms มีความแตกต่างจากการสร้างแบบสำรวจทั่วไปอย่างชัดเจน เนื่องจากต้องมีการกำหนดคำตอบที่ถูกต้อง ระบบให้คะแนน และการป้องกันการโกง การเปลี่ยนฟอร์มธรรมดาให้เป็นแบบทดสอบสามารถทำได้โดยการเปิดใช้งาน “Make this a quiz” ในส่วน Settings
หลังจากเปิดใช้งานโหมดแบบทดสอบแล้ว Google Forms จะเพิ่มฟีเจอร์สำหรับการกำหนดคำตอบที่ถูกต้องและคะแนนสำหรับแต่ละคำถาม การกำหนดคะแนนควรสะท้อนความสำคัญของคำถามและเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม คำถามที่ยากหรือสำคัญควรมีคะแนนสูงกว่าคำถามง่าย
การสร้างคำถามสำหรับแบบทดสอบต้องคำนึงถึงความตรงตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ คำถามแบบ Multiple Choice เหมาะสำหรับการทดสอบความรู้ความเข้าใจ ขณะที่คำถามแบบ Short Answer เหมาะสำหรับการทดสอบความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้
การออกแบบตัวเลือกที่ดีในคำถาม Multiple Choice เป็นศิลปะที่ต้องฝึกฝน ตัวเลือกที่ผิดควรดูเป็นไปได้และไม่ชัดเจนว่าผิดเกินไป แต่ไม่ควรทำให้ผู้เรียนที่มีความรู้สับสน การมีตัวเลือกที่คล้ายกันแต่มีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อยจะช่วยทดสอบความเข้าใจอย่างแท้จริง
การให้ Feedback หรือคำอธิบายเมื่อผู้เรียนตอบผิดเป็นฟีเจอร์ที่มีคุณค่าสูงในการเรียนรู้ Google Forms อนุญาตให้เพิ่มคำอธิบายสำหรับแต่ละตัวเลือก ทำให้แบบทดสอบกลายเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ด้วย การเขียนคำอธิบายที่ดีควรไม่เพียงแต่บอกว่าทำไมคำตอบนี้ถูก แต่ควรอธิบายเหตุผลและให้ความรู้เพิ่มเติม
การตั้งค่าการแสดงผลคะแนนมีตัวเลือกหลายแบบ สามารถเลือกให้แสดงคะแนนทันทีหลังจากส่งแบบทดสอบ หรือรอให้ผู้สอนตรวจทานก่อนแล้วค่อยปล่อยคะแนน การแสดงคะแนนทันทีเหมาะสำหรับแบบทดสอบที่มีคำตอบชัดเจน ขณะที่การตรวจทานก่อนเหมาะสำหรับแบบทดสอบที่มีคำถามปลาย
คำชี้แจง แบบทดสอบออนไลน์ หลักสูตรอบรม การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ
ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร
ขอเชิญคุณครูและผู้สนใจทุกท่าน
ทำแบบทดสอบออนไลน์ หลักสูตรอบรม
การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms
ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ
ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด รับเกียรติบัตรทาง E-mail
จัดทำโดย ศูนย์พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ
สพป.อุบลราชธานี เขต 4
แบบทดสอบหลักสูตรการอบรม Google Forms
หลักสูตรอบรม การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms
ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ
หมายเหตุ
1. ระบบเต็มหรือจำกัดจำนวนต่อวัน แนะนำให้ทำช่วงเช้า
2. ใส่อีเมล์ผิดต้องใช้ gmail เท่านั้น
3. คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4. ต้องใช้เวลาในการตอบกลับอีเมล์ อาจนานถึง 1 วัน
5. อาจอยู่ในเมล์ขยะ
6. บางเพจจำกัด gmail และให้ทำได้เพียงครั้งเดียว
7. บางเกียรติบัตรไม่ส่งทางอีเมล์ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์
ตัวอย่างเกียรติบัตร หลักสูตรอบรม การสร้างแบบสำรวจ / แบบทดสอบ ด้วย Google Forms ตั้งแต่เริ่มต้น จนเป็นมือโปร เครื่องมือช่วยในการเป็นนักสำรวจ
