สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา โดย สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

การเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 กุญแจสู่ความสำเร็จของเด็กไทยในระดับประถมศึกษา

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษาไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กนักเรียนให้สามารถดำรงอยู่และประสบความสำเร็จในอนาคต การเรียนรู้เชิงรุก หรือ Active Learning ได้กลายเป็นแนวทางการศึกษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเด็ก

การเรียนรู้เชิงรุกไม่ใช่เพียงแค่วิธีการสอนใหม่ๆ หากแต่เป็นปรัชญาการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนอย่างแข็งขัน โดยผู้เรียนไม่เพียงแต่รับฟังข้อมูลจากครูผู้สอน แต่ต้องลงมือปฏิบัติ คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง การเปลี่ยนผ่านจากการเรียนแบบเดิมที่เน้นการจดจำไปสู่การเรียนรู้เชิงรุกนี้ ถือเป็นการปฏิวัติการศึกษาที่จะช่วยพัฒนาสมรรถนะสำคัญของเด็กไทยให้พร้อมสำหรับอนาคต

ความหมายและแก่นแท้ของการเรียนรู้เชิงรุก

การเรียนรู้เชิงรุก หรือ Active Learning คือ แนวทางการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ผู้เรียนไม่ใช่เพียงผู้รับสารจากครูผู้สอน แต่เป็นผู้สร้างความรู้ ค้นหาคำตอบ และพัฒนาทักษะต่างๆ ด้วยตนเอง ผ่านการลงมือปฏิบัติ การทดลอง การสำรวจ และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ

หลักการสำคัญของการเรียนรู้เชิงรุกคือการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ครูผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก หรือ Facilitator ที่คอยแนะนำ กระตุ้น และสนับสนุนให้ผู้เรียนสำรวจและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง แทนที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แบบทางเดียว การเปลี่ยนแปลงบทบาทนี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา น่าสนใจ และสามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่

การเรียนรู้เชิงรุกมีรากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้หลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ของไพอาเจต์ (Piaget) ที่เน้นการที่ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของไวกอตสกี (Vygotsky) ที่เน้นความสำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในการเรียนรู้ และทฤษฎีการเรียนรู้แบบประสบการณ์ของดิวอี้ (Dewey) ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง

กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กระดับประถมศึกษามีความหลากหลายและสามารถปรับใช้ได้กับทุกสาขาวิชา การเรียนรู้แบบกลุ่มเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเด็กนักเรียนจะได้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อแก้ปัญหา ค้นคว้าข้อมูล หรือสร้างสรรค์ผลงาน การทำงานกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาวิชา แต่ยังได้พัฒนาทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการแก้ไขข้อขัดแย้งด้วย

การเรียนรู้แบบโครงงานหรือ Project Based Learning เป็นอีกกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง เด็กจะได้รับมอบหมายให้ทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในชีวิตจริง เช่น การศึกษาปัญหาขยะในชุมชนและหาแนวทางแก้ไข การสร้างแปลงปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรียน หรือการทำหนังสั้นเกี่ยวกับประเพณีไทย การทำโครงงานช่วยให้เด็กเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ในหนังสือกับชีวิตจริง และได้ฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ หรือ Inquiry Based Learning เป็นวิธีการที่กระตุ้นให้เด็กตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตนเอง แทนที่ครูจะบอกคำตอบให้ฟัง ครูจะสร้างสถานการณ์ที่น่าสนใจและกระตุ้นความอยากรู้ของเด็ก เช่น การนำของเล่นมาให้เด็กสังเกตและทายใจว่าข้างในมีอะไร หรือการให้เด็กสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติและหาเหตุผลอธิบาย วิธีการนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก

การเรียนรู้แบบเกม หรือ Game Based Learning เป็นอีกแนวทางที่เด็กชอบมาก การใช้เกมการศึกษาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเรียนรู้ ทำให้เด็กรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับการเรียน ในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาทักษะต่างๆ เช่น เกมคณิตศาสตร์ที่ให้เด็กแก้โจทย์เพื่อผ่านด่าน หรือเกมภาษาอังกฤษที่ให้เด็กสะสมคำศัพท์เพื่อสร้างปราสาท

การเรียนรู้แบบการสาธิตและการทดลอง เป็นกิจกรรมที่เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยเฉพาะในวิชาวิทยาศาสตร์ เด็กจะได้ทำการทดลองง่ายๆ สังเกตผล และสรุปผลการทดลองเอง เช่น การทดลองเรื่องการลอยตัว การเปลี่ยนสถานะของน้ำ หรือการปลูกต้นถั่วงอกเพื่อสังเกตการเจริญเติบโตของพืช การได้สัมผัสและทดลองจริงทำให้เด็กเข้าใจและจดจำความรู้ได้ดีกว่าการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว

สมรรถนะสำคัญที่เด็กจะได้รับจากการเรียนรู้เชิงรุก

การเรียนรู้เชิงรุกช่วยพัฒนาสมรรถนะสำคัญหลายด้านให้กับเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 สมรรถนะเหล่านี้จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองในระยะยาว

ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เป็นสมรรถนะแรกที่เด็กจะได้พัฒนาผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก เมื่อเด็กต้องเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่ท้าทายในกิจกรรมต่างๆ พวกเขาจะได้เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ปัญหา แยกแยะข้อมูล หาแนวทางแก้ไข และประเมินผลของแนวทางที่เลือก ทักษะนี้จะช่วยให้เด็กสามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออก สร้างสรรค์ผลงาน และคิดแนวทางใหม่ๆ การที่เด็กได้มีอิสระในการคิดและไม่ถูกจำกัดด้วยคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว ทำให้พวกเขากล้าคิดนอกกรอบ ลองผิดลองถูก และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา ความคิดสร้างสรรค์นี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอ ได้รับการพัฒนาผ่านกิจกรรมกลุ่มต่างๆ ที่เด็กต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อภิปราย และนำเสนอผลงาน เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การใช้ภาษาที่เหมาะสม การเรียงลำดับความคิด และการใช้สื่อประกอบการนำเสนอ ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้เด็กสามารถถ่ายทอดความคิดและความรู้ของตนเองได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ

ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือ Collaboration Skills เป็นสมรรถนะที่สำคัญมากในยุคปัจจุบันที่งานส่วนใหญ่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ผ่านกิจกรรมกลุ่มต่างๆ เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การเคารพในความแตกต่าง การประนีประนอม การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทักษะเหล่านี้จะทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์

ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือ Self Directed Learning เป็นสมรรถนะที่จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การที่เด็กได้ฝึกฝนการค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง การตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง จะทำให้พวกเขาเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ได้ตามความต้องการของยุกสมัย

ทักษะด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ ก็เป็นอีกสมรรถนะสำคัญที่เด็กจะได้พัฒนาผ่านการเรียนรู้เชิงรุก โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกิจกรรมการเรียนรู้ เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ การค้นหาข้อมูล การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล และการใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์ผลงาน

ประโยชน์ของการเรียนรู้เชิงรุกต่อพัฒนาการของเด็ก

การเรียนรู้เชิงรุกส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กในหลายมิติ ทั้งด้านการเรียนรู้ ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และด้านร่างกาย การเปลี่ยนแปลงจากการเป็นผู้รับสารแบบเดิมไปสู่การเป็นผู้สร้างความรู้ ทำให้เด็กมีแรงจูงใจในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านการเรียนรู้ เด็กที่ได้รับการศึกษาแบบเรียนรู้เชิงรุกมักจะมีความเข้าใจในเนื้อหาวิชาลึกซึ้งกว่าเด็กที่เรียนแบบเดิม เนื่องจากพวกเขาได้สัมผัสและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและติดทนนาน การเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับประสบการณ์เดิมทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง นอกจากนี้ เด็กยังพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น

ด้านสังคมและอารมณ์ การเรียนรู้เชิงรุกช่วยพัฒนาความมั่นใจในตนเองของเด็ก เมื่อพวกเขาได้รับโอกาสในการแสดงความคิดเห็น นำเสนอผลงาน และได้รับการยกย่องจากครูและเพื่อนๆ ความมั่นใจนี้จะส่งผลดีต่อการพัฒนาบุคลิกภาพและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เด็กจะกล้าแสดงออก กล้าเสี่ยง และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

การทำงานร่วมกับผู้อื่นในกิจกรรมกลุ่มช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม เด็กจะเรียนรู้การแบ่งปัน การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง การแก้ไขข้อขัดแย้ง และการสร้างมิตรภาพ ทักษะเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมและการประสบความสำเร็จในอนาคต

ด้านแรงจูงใจในการเรียนรู้ การเรียนรู้เชิงรุกทำให้การเรียนเป็นเรื่องที่สนุกและน่าตื่นเต้น เด็กไม่รู้สึกเบื่อหน่ายหรือถูกบังคับให้เรียน แต่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นและกระตือรือร้นที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆ แรงจูงใจภายในนี้จะทำให้เด็กเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีความสุขกับการเรียนรู้

ด้านการจดจำและการนำไปใช้ เนื่องจากเด็กได้มีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง การจดจำและความเข้าใจจึงมีความคงทนมากกว่าการท่องจำแบบเดิม นอกจากนี้ เด็กยังสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ดีกว่า เพราะพวกเขาเข้าใจหลักการและเหตุผลเบื้องหลังของความรู้นั้นๆ

วิธีการประยุกต์ใช้การเรียนรู้เชิงรุกในห้องเรียนไทย

การนำการเรียนรู้เชิงรุกมาประยุกต์ใช้ในห้องเรียนไทยต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมและการปรับเปลี่ยนในหลายด้าน ทั้งการปรับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การพัฒนาครูผู้สอน และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเรียนการสอน

การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ห้องเรียนแบบเดิมที่เรียงโต๊ะเป็นแถวตรงอาจไม่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก การจัดโต๊ะเป็นกลุ่มเล็กๆ การมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหว และการตกแต่งห้องเรียนให้น่าสนใจ จะช่วยสนับสนุนการเรียนรู้เชิงรุกได้ดีกว่า นอกจากนี้ การมีสื่อการเรียนการสอนที่หลากหลาย เครื่องมือสำหรับการทดลอง และเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ ก็เป็นสิ่งจำเป็น

ตัวอย่างไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา


กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับประถมศึกษา

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด