สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่จะพัฒนาสมรรถนะนักเรียนมัธยมศึกษาในยุคดิจิทัล

การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องการการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนจากแบบเดิมที่เน้นครูเป็นศูนย์กลางไปสู่การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นหลัก กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึกและการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

การเรียนรู้เชิงรุกไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การทำกิจกรรมมากมาย แต่เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการสร้างความรู้ของตนเอง ผ่านการคิด การวิเคราะห์ การทดลอง และการสะท้อนผลการเรียนรู้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะที่สำคัญต่อการเป็นพลเมืองแห่งศตวรรษที่ 21

ความหมายและหลักการของการเรียนรู้เชิงรุก

การเรียนรู้เชิงรุกเป็นแนวทางการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการเรียนรู้ โดยไม่เพียงแต่รับฟังข้อมูลจากครูเท่านั้น แต่ต้องใช้ความคิดในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินผลข้อมูลที่ได้รับ กระบวนการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและสามารถเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการสำคัญของการเรียนรู้เชิงรุก คือการที่ผู้เรียนต้องได้รับประสบการณ์ตรงผ่านการกระทำ การสำรวจ และการค้นคว้า ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืนมากกว่าการเรียนแบบท่องจำ ครูจะมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ที่คอยแนะนำ กระตุ้น และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ในขณะที่ผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง

การเรียนรู้เชิงรุกมีรากฐานมาจากทฤษฎีการเรียนรู้หลายแนวทาง เช่น ทฤษฎีการสร้างความรู้ของไพอาเจต์ที่เชื่อว่าผู้เรียนสร้างความรู้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทฤษฎีการเรียนรู้เชิงสังคมของไวกอตสกีที่เน้นความสำคัญของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในการเรียนรู้ และทฤษฎีการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ของดิวอี้ที่เชื่อว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงเกิดจากประสบการณ์ตรง

ความสำคัญของการเรียนรู้เชิงรุกในยุคดิจิทัล

ในโลกยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารสามารถเข้าถึงได้ง่าย การศึกษาจึงไม่ได้เน้นแค่การถ่ายทอดความรู้อีกต่อไป แต่เน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก

การเรียนรู้เชิงรุกช่วยเตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับโลกแห่งงานในอนาคตที่ต้องการคนที่สามารถปรับตัว คิดนอกกรอบ และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมความมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ลดปัญหาการขาดสนใจเรียน และสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน

สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเรียนรู้เชิงรุกมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์เชิงประจักษ์ที่ต้องการการสำรวจ การทดลอง และการตรวจสอบ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของการเรียนรู้เชิงรุกอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาทักษะการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ และเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ได้อย่างแท้จริง

รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning)

การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นรูปแบบที่ให้ผู้เรียนเป็นผู้ตั้งคำถาม สร้างสมมุติฐาน และออกแบบการทดลองเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง กระบวนการนี้จำลองการทำงานของนักวิทยาศาสตร์จริง ทำให้ผู้เรียนเข้าใจว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร

ตัวอย่างกิจกรรม เช่น การให้นักเรียนสำรวจปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยให้นักเรียนตั้งคำถามว่า “ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช” จากนั้นให้สร้างสมมุติฐานและออกแบบการทดลองเพื่อทดสอบ กระบวนการนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ การตั้งสมมุติฐาน การออกแบบการทดลอง และการตีความข้อมูล

การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา (Problem-Based Learning)

การเรียนรู้แบบแก้ปัญหาเริ่มต้นจากการนำเสนอปัญหาในชีวิตจริงให้ผู้เรียนแก้ไข ซึ่งจะต้องใช้ความรู้จากหลายสาขาวิชาและทักษะต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ ทำให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงของความรู้และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้

ตัวอย่างเช่น การให้นักเรียนแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชน โดยต้องศึกษาสาเหตุของปัญหา วิเคราะห์คุณภาพน้ำ ออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสม และเสนอแนะแนวทางการป้องกัน กิจกรรมนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบ การวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบแนวทางแก้ไข และการนำเสนอผลงาน

การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning)

การเรียนรู้แบบร่วมมือเน้นการทำงานเป็นทีมเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน สมาชิกในทีมแต่ละคนจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจน แต่ความสำเร็จของทีมขึ้นอยู่กับการร่วมมือกันของสมาชิกทุกคน

ตัวอย่างกิจกรรม เช่น การจัดทำโครงการประดิษฐ์หุ่นยนต์อย่างง่าย โดยแบ่งหน้าที่กันภายในกลุ่ม คนหนึ่งรับผิดชอบการออกแบบ อีกคนรับผิดชอบการประกอบ อีกคนรับผิดชอบการเขียนโปรแกรม และอีกคนรับผิดชอบการทดสอบและปรับปรุง การทำงานแบบนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสาร การแบ่งปันความรู้ และการรับผิดชอบ

การเรียนรู้แบบโครงงาน (Project-Based Learning)

การเรียนรู้แบบโครงงานให้ผู้เรียนทำงานในโครงการระยะยาวที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยต้องวางแผน ดำเนินการ และประเมินผล กระบวนการนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการบริหารจัดการ การวางแผน และการประเมินผลตนเอง

ตัวอย่างโครงงาน เช่น การสร้างแอปพลิเคชันเพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน นักเรียนจะต้องศึกษาปัญหา ออกแบบแอปพลิเคชัน เขียนโปรแกรม ทดสอบการใช้งาน และนำเสนอผลงาน โครงงานนี้จะช่วยพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และการนำเสนอผลงาน

การพัฒนาสมรรถนะสำคัญผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก

สมรรถนะด้านการคิดเชิงวิทยาศาสตร์

การคิดเชิงวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการคิดที่ใช้หลักเหตุและผล มีการตั้งสมมุติฐาน การทดสอบ และการตีความผลอย่างเป็นระบบ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกจะช่วยพัฒนาสมรรถนะนี้ผ่านการให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการสังเกต การตั้งคำถาม การสร้างสมมุติฐาน การออกแบบการทดลอง และการวิเคราะห์ผล

การพัฒนาทักษะการสังเกต เริ่มจากการให้ผู้เรียนสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียดและเป็นระบบ จากนั้นฝึกให้ตั้งคำถามจากสิ่งที่สังเกตได้ เช่น “ทำไมใบไม้จึงมีสีเขียว” หรือ “เหตุใดน้ำแข็งจึงลอยน้ำ” การตั้งคำถามที่ดีจะนำไปสู่การสร้างสมมุติฐานที่สามารถทดสอบได้

การสร้างสมมุติฐานเป็นทักษะสำคัญที่ต้องการการฝึกฝน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ที่จะสร้างสมมุติฐานที่สมเหตุสมผล สามารถทดสอบได้ และสัมพันธ์กับข้อมูลที่มีอยู่ จากนั้นจึงออกแบบการทดลองเพื่อทดสอบสมมุติฐาน โดยต้องควบคุมตัวแปรอย่างเหมาะสม

สมรรถนะด้านการแก้ปัญหา

การแก้ปัญหาเป็นกระบวนการที่ต้องการการวิเคราะห์ปัญหา การหาทางเลือก การประเมินผลดีผลเสียของแต่ละทางเลือก และการเลือกทางเลือกที่เหมาะสม กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกจะช่วยพัฒนาสมรรถนะนี้ผ่านการนำเสนอปัญหาจริงและให้ผู้เรียนหาทางแก้ไข

ขั้นตอนการแก้ปัญหาเริ่มจากการระบุและวิเคราะห์ปัญหา ผู้เรียนต้องเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างอาการกับสาเหตุ เข้าใจปัญหาให้ถูกต้องและครบถ้วน จากนั้นจึงระดมความคิดเพื่อหาทางเลือกต่าง ๆ โดยไม่จำกัดความคิด การประเมินทางเลือกต้องพิจารณาจากหลายมิติ เช่น ความเป็นไปได้ ต้นทุน ผลกระทบ และความเหมาะสม

สมรรถนะด้านการสื่อสาร

การสื่อสารเป็นทักษะสำคัญในโลกยุคใหม่ที่ข้อมูลข่าวสารมีมากมาย ผู้เรียนต้องสามารถสื่อสารความคิดของตนเองได้อย่างชัดเจน ทั้งการพูด การเขียน และการนำเสนอด้วยสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังต้องสามารถรับฟังและเข้าใจผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาทักษะการสื่อสารผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก เริ่มจากการให้ผู้เรียนได้ฝึกการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน การเขียนรายงานการทดลอง การอภิปรายกลุ่ม และการใช้สื่อเทคโนโลยีในการนำเสนอ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การจัดระเบียบความคิด การใช้ภาษาที่เหมาะสม และการปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะกับผู้ฟัง

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นทักษะสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้เรียนต้องเรียนรู้การฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อโต้แย้ง รู้จักการตั้งคำถามเพื่อขอความกระจ่าง และสามารถสรุปความคิดของผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง

สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในยุคดิจิทัล ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสมรรถนะที่จำเป็น ผู้เรียนต้องสามารถค้นหาข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล และนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม

การพัฒนาสมรรถนะนี้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก เช่น การให้ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาในโครงงาน การใช้โปรแกรมจำลองเพื่อทดสอบสมมุติฐาน การสร้างสื่อดิจิทัลเพื่อนำเสนอผลงาน และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลในการทำวิจัย

ทักษะการประเมินข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้เรียนต้องรู้จักแยกแยะระหว่างข้อมูลที่เชื่อถือได้กับข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ รู้จักแหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้

ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกในแต่ละระดับชั้น

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกควรเน้นการสร้างพื้นฐานความเข้าใจและการพัฒนาทักษะเบื้องต้น ตัวอย่างกิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่

กิจกรรม “สำรวจโลกจุลินทรีย์” เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ นักเรียนจะเริ่มจากการสังเกตว่าอาหารที่เก็บไว้นานจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นตั้งคำถามว่า “สิ่งมีชีวิตใดที่ทำให้อาหารเสีย” และ “ปัจจัยใดที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้” นักเรียนจะได้ออกแบบการทดลองเพื่อตอบคำถาม เช่น การเก็บอาหารในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน และสังเกตการเปลี่ยนแปลง

กิจกรรม “ผลิตพลังงานสะอาด” เป็นตัวอย่างของการเรียนรู้แบบโครงงาน นักเรียนจะต้องศึกษาเรื่องพลังงานหมุนเวียน ออกแบบแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมขนาดเล็ก และทดสอบประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า โครงงานนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาทักษะการประดิษฐ์ และสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างไฟล์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด