สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E’s of Inquiry-Based Learning) ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำเอกสารรายงานการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E’s of Inquiry-Based Learning) เพื่อเสนอขอรางวัล ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E’s of Inquiry-Based Learning) ตามรายละเอียดดังนี้ครับ
เผยแพร่ผลงานวิชาการ รายงานการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E’s of Inquiry-Based Learning) โดย คุณครูเอกพงศ์ ปิ่นเงิน

การเปลี่ยนโฉมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบ 5E’s ที่ครูไทยควรรู้
การศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสืบเสาะหาความรู้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกหรือ Active Learning จึงกลายเป็นแนวทางการสอนที่สำคัญที่ครูผู้สอนควรนำมาใช้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองและสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกคือกระบวนการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างแข็งขัน ไม่ใช่การรับฟังข้อมูลจากครูผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการที่ผู้เรียนต้องคิด วิเคราะห์ อภิปราย ทดลอง และสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเป็นระบบ
ในบริบทของการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย การนำเทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนหรือ The 5E’s of Inquiry-Based Learning มาใช้ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเป็นกระบวนการที่สอดคล้องกับธรรมชาติของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยการสังเกต การตั้งสมมติฐาน การทดลอง และการสรุปผล
เทคนิค 5E’s ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ Engage (สร้างความสนใจ) Explore (สำรวจ) Explain (อธิบาย) Elaborate (ขยายความรู้) และ Evaluate (ประเมินผล) แต่ละขั้นตอนมีวัตถุประสงค์และกิจกรรมเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างความเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน
ขั้นตอนแรกคือ Engage หรือการสร้างความสนใจ เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากในการเริ่มต้นบทเรียน เป็นช่วงเวลาที่ครูผู้สอนต้องดึงดูดความสนใจของผู้เรียน กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น และสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ การสร้างความสนใจสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตั้งคำถามที่น่าสนใจ การแสดงปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ การเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน หรือการนำเสนอสถานการณ์ปัญหาที่ท้าทาย
ในขั้นตอนนี้ ครูควรหลีกเลี่ยงการให้คำตอบหรือการอธิบายแนวคิดทางวิทยาศาสตร์โดยตรง แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดคำถามและความสงสัย การใช้เวลาในขั้นตอนนี้ประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับลักษณะของเนื้อหาและกิจกรรมที่เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น หากสอนเรื่องการละลาย อาจเริ่มต้นด้วยการแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลละลายในน้ำ แต่น้ำมันไม่ละลายในน้ำ จากนั้นถามผู้เรียนว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ขั้นตอนที่สองคือ Explore หรือการสำรวจ เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนจะได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรม ทดลอง สำรวจ และค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง ในขั้นตอนนี้ ผู้เรียนจะได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการเรียนรู้ สังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ บันทึกข้อมูล และเริ่มสร้างความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวคิดที่กำลังเรียนรู้
บทบาทของครูในขั้นตอนนี้คือการเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) มากกว่าการเป็นผู้ให้ความรู้ ครูควรเดินไปมาในห้องเรียน สังเกตการทำงานของผู้เรียน ตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นการคิด และให้คำแนะนำเมื่อผู้เรียนประสบปัญหา แต่ไม่ควรให้คำตอบโดยตรง เพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสค้นพบความรู้ด้วยตนเอง กิจกรรมในขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา 20-30 นาที หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการทดลองหรือกิจกรรม
การออกแบบกิจกรรมสำรวจต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความเหมาะสมของอุปกรณ์ และระดับความสามารถของผู้เรียน ครูควรเตรียมอุปกรณ์การทดลองให้เพียงพอ มีคำแนะนำความปลอดภัยที่ชัดเจน และเตรียมแผนสำรองในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น การจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 3-4 คนต่อกลุ่ม จะช่วยให้การสำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขั้นตอนที่สามคือ Explain หรือการอธิบาย เป็นช่วงที่ผู้เรียนจะนำเสนอสิ่งที่ค้นพบจากการสำรวจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ และร่วมกันสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ในขั้นตอนนี้ ครูมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้เรียนให้สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ค้นพบกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง
การอธิบายไม่ใช่การบรรยายแบบเก่า แต่เป็นการอภิปรายแบบมีส่วนร่วม ครูควรเริ่มจากการให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสำรวจของตนเอง จากนั้นใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน ครูอาจใช้แผนภาพ โมเดล หรือสื่อการสอนอื่นๆ ช่วยในการอธิบาย เพื่อให้ผู้เรียนเห็นภาพและเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในขั้นตอนการอธิบาย ครูควรให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาที่เหมาะสมกับระดับของผู้เรียน หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อนเกินไป และควรเชื่อมโยงกับประสบการณ์หรือตัวอย่างในชีวิตประจำวันเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น การใช้เวลาในขั้นตอนนี้ควรใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ควรเร่งรีบ เพราะเป็นช่วงสำคัญในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ขั้นตอนที่สี่คือ Elaborate หรือการขยายความรู้ เป็นช่วงที่ผู้เรียนจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ หรือแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น การขยายความรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของความรู้ที่ได้เรียนมา รวมทั้งเข้าใจว่าความรู้นั้นสามารถนำไปใช้ได้อย่างไรในชีวิตจริง
กิจกรรมในขั้นตอนนี้อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การออกแบบการทดลองใหม่ การค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ หรือการสร้างโครงงานที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน ตัวอย่างเช่น หลังจากเรียนเรื่องการละลายแล้ว ผู้เรียนอาจได้รับมอบหมายให้ออกแบบวิธีการทำความสะอาดคราบน้ำมันหรือการแยกสารผสม
การขยายความรู้ยังรวมถึงการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมที่ผู้เรียนมีอยู่ การหาความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดต่างๆ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และการเห็นภาพรวมของระบบธรรมชาติที่เชื่อมโยงกัน ครูควรออกแบบกิจกรรมที่ท้าทายแต่ไม่เกินความสามารถของผู้เรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย
ขั้นตอนสุดท้ายคือ Evaluate หรือการประเมินผล เป็นการประเมินทั้งความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่ผู้เรียนได้รับจากกระบวนการเรียนรู้ทั้ง 4 ขั้นตอนที่ผ่านมา การประเมินในขั้นตอนนี้ไม่ใช่เพียงการสอบหรือการทดสอบแบบเก่า แต่เป็นการประเมินแบบเป็นกระบวนการที่เน้นทั้งผลลัพธ์และกระบวนการเรียนรู้
การประเมินสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนระหว่างทำกิจกรรม การตรวจสอบผลงานที่สร้างขึ้น การใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ การให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของตนเอง หรือการให้ผู้เรียนประเมินตนเองและเพื่อน ครูควรใช้เครื่องมือประเมินที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการเรียนรู้ของผู้เรียน
การประเมินผลในแนวคิด 5E’s ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น แต่เป็นการประเมินที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการเรียนการสอน หรือที่เรียกว่า Formative Assessment การประเมินระหว่างเรียนนี้จะช่วยให้ครูสามารถปรับการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนได้ทันท่วงที และผู้เรียนก็สามารถปรับการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
การนำเทคนิค 5E’s มาใช้ในการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีประโยชน์มากมาย ประโยชน์แรกคือการเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ เนื่องจากผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง ทำให้รู้สึกมีความสำคัญและเห็นคุณค่าของการเรียนรู้มากขึ้น การเรียนรู้แบบลงมือทำจะช่วยให้ผู้เรียนจดจำและเข้าใจเนื้อหาได้ดีกว่าการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียว
ประโยชน์ที่สองคือการพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า และการคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละขั้นตอน ทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานในยุคศตวรรษที่ 21 ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน
ประโยชน์ที่สามคือการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความรู้กับชีวิตจริง เทคนิค 5E’s เน้นการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ทำให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญและประโยชน์ของวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน การเชื่อมโยงนี้จะช่วยให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เลือกศึกษาหรือทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับครูผู้สอนที่ต้องการนำเทคนิค 5E’s มาใช้ในการสอน มีข้อแนะนำหลายประการที่ควรคำนึงถึง ข้อแนะนำแรกคือการเตรียมตัวอย่างดี ครูต้องศึกษาเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง เข้าใจแนวคิดหลักที่ต้องการให้ผู้เรียนเรียนรู้ และคิดว่ากิจกรรมใดจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจแนวคิดนั้นๆ ได้ดีที่สุด การวางแผนการสอนอย่างละเอียดจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อแนะนำที่สองคือการยืดหยุ่นในการใช้เวลา เทคนิค 5E’s อาจใช้เวลามากกว่าการสอนแบบเก่า โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ผู้เรียนยังไม่คุ้นเคยกับกระบวนการ ครูควรจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ไม่เร่งรีบ และเตรียมแผนสำรองสำหรับกิจกรรมที่อาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ การแบ่งบทเรียนเป็นหลายคาบเรียนอาจจำเป็นสำหรับเนื้อหาที่ซับซ้อน
ข้อแนะนำที่สามคือการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วม ห้องเรียนควรจัดเรียงโต๊ะเก้าอี้ให้เหมาะสมกับการทำงานเป็นกลุ่ม มีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวและการทดลอง มีอุปกรณ์การสอนที่เพียงพอและใช้งานได้ดี ครูควรสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร กระตุ้นให้ผู้เรียนกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าตั้งคำถาม และไม่กลัวที่จะทำผิด
ข้อแนะนำที่สี่คือการพัฒนาทักษะการถามคำถาม การถามคำถามเป็นกุญแจสำคัญของเทคนิค 5E’s ครูควรฝึกฝนการใช้คำถามเพื่อกระตุ้นการคิด ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบแบบท่องจำ แต่เป็นคำถามที่เปิดกว้าง ท้าทาย และนำไปสู่การค้นหาคำตอบ คำถามที่ดีจะช่วยนำทางการคิดของผู้เรียนไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่ให้คำตอบโดยตรง
สำหรับการประยุกต์ใช้เทคนิค 5E’s ในเนื้อหาต่างๆ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครูสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละหัวข้อ ตัวอย่างเช่น ในการสอนเรื่องพลังงาน อาจเริ่มจาก Engage ด้วยการแสดงให้เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ใช้ในชีวิتประจำวัน แล้วถามว่าสิ่งเหล่านี้ต้องการอะไรในการทำงาน
ในขั้น Explore ผู้เรียนอาจได้ทดลองกับแบตเตอรี่ หลอดไฟ และลูกบอลที่กระเด้ง เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพลังงาน ขั้น Explain จะเป็นการอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งที่สังเกตได้และการเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องพลังงาน ขั้น Elaborate อาจเป็นการออกแบบอุปกรณ์ประหยัดพลังงานสำหรับบ้าน และขั้น Evaluate เป็นการประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน
การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค 5E’s ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ เทคโนโลジีสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน เช่น การใช้วิดีโอหรือแอนิเมชันในขั้น Engage เพื่อสร้างความสนใจ การใช้เซนเซอร์และแอปพลิเคชันในขั้น Explore เพื่อเก็บข้อมูลการทดลอง การใช้โปรแกรมจำลองในขั้น Explain เพื่อช่วยอธิบายปรากฏการณ์
ตัวอย่างไฟล์ รายงานการนำเสนอผลงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้เทคนิคการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E’s of Inquiry-Based Learning)



