สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ทุกท่านนะครับ วันนี้พบกับ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

ดาวน์โหลด แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

พัฒนาการเรียนรู้ที่ยั่งยืน แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ระดับปฐมวัยสำหรับเด็กในยุคดิจิทัล

การเรียนรู้เชิงรุกหรือ Active Learning เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้กระทำ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการเรียนรู้ แทนที่จะเป็นเพียงผู้รับฟังอย่างเดียว สำหรับเด็กปฐมวัย การประยุกต์ใช้แนวทางนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่สมองพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ในบริบทของสังคมไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยีและวิถีชีวิต การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็กยุคใหม่ การเรียนรู้เชิงรุกไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางสังคม อารมณ์ และความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กอีกด้วย

ความหมายและหลักการพื้นฐานของการเรียนรู้เชิงรุกระดับปฐมวัย

การเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เด็กได้มีโอกาสสำรวจ ทดลอง สัมผัส และค้นพบความรู้ด้วยตนเองผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย โดยครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก กระตุ้น และสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็ก แทนที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางเดียว

หลักการพื้นฐานของการเรียนรู้เชิงรุกระดับปฐมวัยอาศัยแนวคิดว่าเด็กเป็นนักสำรวจธรรมชาติที่มีความอยากรู้อยากเห็นสูง พวกเขาเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อได้มีส่วนร่วมทั้งทางกาย จิตใจ และอารมณ์ การเรียนรู้จึงเกิดขึ้นผ่านประสบการณ์ตรงที่เด็กได้สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคลื่อนไหวร่างกาย และได้โต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้าง

องค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้เชิงรุกระดับปฐมวัยประกอบด้วย การเรียนรู้ผ่านการเล่น การมีส่วนร่วมแบบเป็นองค์รวม การเชื่อมโยงกับประสบการณ์และบริบทของเด็ก การเปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกและสื่อสารด้วยวิธีที่หลากหลาย และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและกระตุ้นการเรียนรู้

ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เด็กจะได้เรียนรู้จากการกระทำ การทดลอง การสังเกต การตั้งคำถาม และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งและยั่งยืนมากกว่าการท่องจำ ครูจะคอยสังเกตพฤติกรรมของเด็ก เข้าใจความสนใจและความต้องการเฉพาะบุคคล แล้วปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการและรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน

ความสำคัญและประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในระดับปฐมวัย

การเรียนรู้เชิงรุกมีความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในหลายมิติ เริ่มตั้งแต่การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง เด็กที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกจะพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าเด็กที่เรียนแบบรับฟังเพียงอย่างเดียว เพราะพวกเขาได้ฝึกการตั้งคำถาม การหาคำตอบ และการประยุกต์ความรู้ในสถานการณ์จริง

ด้านการพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์ การเรียนรู้เชิงรุกส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น แบ่งปันความคิดเห็น เรียนรู้การเจรจาต่อรอง และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม นอกจากนี้ การที่เด็กได้เลือกทำกิจกรรมที่ตนสนใจยังช่วยพัฒนาความมั่นใจในตนเอง ความรับผิดชอบ และการควบคุมตนเองอีกด้วย

การเรียนรู้เชิงรุกยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาภาษาและการสื่อสารอย่างมีนัยสำคัญ เด็กจะได้ฝึกพูดคุย อธิบาย บรรยาย และแสดงความคิดเห็นในสถานการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา การอธิบายกระบวนการทำกิจกรรม หรือการแสดงความรู้สึกและความคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ

ในแง่ของการพัฒนาร่างกายและสมอง การเรียนรู้เชิงรุกที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ผ่านกิจกรรมหลากหลายช่วยกระตุ้นการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมอง ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่สมดุลทั้งทางกายและทางจิต การเคลื่อนไหวและการสัมผัสกับวัสดุต่างๆ ยังช่วยพัฒนาการรับรู้ทางประสาทสัมผัสและการประมวลผลข้อมูลในสมองอีกด้วย

กลยุทธ์และเทคนิคการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย

การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กปฐมวัยต้องคำนึงถึงลักษณะพิเศษของวัยนี้ที่มีความสนใจระยะสั้น ชอบเคลื่อนไหว และเรียนรู้ผ่านการเล่น กลยุทธ์สำคัญคือการสร้างศูนย์การเรียนรู้หรือมุมกิจกรรมที่หลากหลายภายในห้องเรียน แต่ละศูนย์จะมีวัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับประเภทของการเรียนรู้ที่ต้องการส่งเสริม

เทคนิคการใช้โครงงานขนาดเล็กเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ โครงงานเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากความสนใจของเด็ก เช่น การศึกษาเกี่ยวกับแมลง การปลูกต้นไม้ หรือการสร้างบ้านจากวัสดุต่างๆ ครูจะช่วยเด็กวางแผน กำหนดขั้นตอน และดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เด็กปรับเปลี่ยนแผนได้ตามสถานการณ์และข้อค้นพบใหม่

การเล่าเรื่องแบบมีส่วนร่วมเป็นเทคนิคที่ช่วยพัฒনาทั้งทักษะการฟัง การพูด และจินตนาการของเด็ก แทนที่จะให้ครูเป็นผู้เล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว เด็กๆ จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างเรื่องราว เสนอแนะพล็อต หรือแม้กรทะแนวทางการแก้ไขปัญหาของตัวละครในเรื่อง กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลและความเข้าใจในความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลอีกด้วย

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นแนวทางที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจที่เชื่อมโยงกัน แทนที่จะแบ่งแยกวิชาต่างๆ ออกจากกัน เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านประเด็นหรือธีมหลักที่เชื่อมโยงความรู้จากหลายสาขา เช่น การศึกษาเรื่องน้ำที่ผสมผสานการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะ และภาษา

เทคนิคการใช้คำถามเปิดเป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นการคิดของเด็ก แทนที่จะถามคำถามที่มีคำตอบเพียงใช่หรือไม่ใช่ ครูควรใช้คำถามที่เริ่มต้นด้วย ทำไม อย่างไร เกิดอะไรขึ้นถ้า หรือคุณคิดว่าอย่างไร คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กคิดอย่างลึกซึ้งและแสดงมุมมองของตนเองออกมา

กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่เหมาะสมสำหรับเด็กไทยวัยปฐมวัย

การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กไทยควรคำนึงถึงบริบททางวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของคนไทย กิจกรรมการทำอาหารพื้นบ้านไทยเป็นตัวอย่างที่ดี เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย พร้อมทั้งฝึกทักษะคณิตศาสตร์จากการตวง วัด ชั่ง และทักษะวิทยาศาสตร์จากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อผ่านกระบวนการปรุงประกอบ

กิจกรรมการสร้างสวนผักสวนครัวขนาดเล็กในโรงเรียนช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของพืช ความรับผิดชอบในการดูแล และความอดทน เด็กจะได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของพืชแต่ละวัน บันทึกการเจริญเติบโต และเรียนรู้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น แสงแดด น้ำ และธาตุอาหาร

การจัดกิจกรรมเล่านิทานพื้นบ้านไทยแบบมีส่วนร่วม ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่ยังพัฒนาทักษะการฟังและการเล่าเรื่องของเด็ก เด็กอาจได้รับบทบาทเป็นตัวละครในนิทาน สร้างฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง หรือคิดต่อเรื่องราวจากจุดที่นิทานจบลง กิจกรรมเหล่านี้ช่วยพัฒนาจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในค่านิยมไทย

กิจกรรมการเล่นดนตรีและการเต้นรำพื้นบ้านไทยช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว ความรู้สึกทางดนตรี และการทำงานร่วมกัน เด็กจะได้เรียนรู้เครื่องดนตรีไทยแบบง่ายๆ เช่น กลองยาว ฉิ่ง กรับปี่ และได้ฝึกท่าร่ายรำพื้นฐาน การกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังช่วยพัฒนาการประสานงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทอีกด้วย

การจัดกิจกรรมสำรวจธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น การเดินสำรวจสวนสาธารณะ การศึกษาสัตว์และพืชในชุมชน หรือการเก็บใบไม้และก้อนหินเพื่อนำมาศึกษา เหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กเชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวและพัฒนาทักษะการสังเกตอย่างละเอียด เด็กจะได้ฝึกการจำแนกประเภท การเปรียบเทียบ และการบันทึกข้อมูลผ่านภาพวาดหรือการเขียนง่ายๆ

การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ประกอบการเรียนรู้เชิงรุก

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเด็กปฐมวัยต้องทำอย่างระมัดระวังและเหมาะสม เทคโนโลยีควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่ใช่ทดแทนการปฏิสัมพันธ์กับคนและสิ่งแวดล้อมจริง แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์สามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างผลงาน การบันทึกกิจกรรม หรือการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่เด็กสนใจ

แอปพลิเคชันการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยควรเป็นแอปที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์และการปฏิสัมพันธ์ เช่น แอปวาดภาพ แอปสร้างเรื่องเล่า หรือแอปที่ให้เด็กได้ทดลองผสมสีหรือสร้างดนตรีง่ายๆ การเลือกใช้เทคโนโลยีต้องคำนึงถึงหลักการว่าเด็กต้องเป็นผู้ควบคุมและสร้างสรรค์ ไม่ใช่เพียงผู้รับสารหรือผู้กดปุ่มตามที่โปรแกรมกำหนด

การใช้กล้องดิจิทัลหรือกล้องของแท็บเล็ตให้เด็กถ่ายภาพกิจกรรมหรือสิ่งที่น่าสนใจช่วยพัฒนาทักษะการสังเกตและการเล่าเรื่องผ่านภาพ เด็กจะได้เรียนรู้การมองมุมที่แตกต่าง การจับจุดสนใจ และการใช้ภาพเพื่อสื่อสารความคิดและความรู้สึก นอกจากนี้ การให้เด็กสร้างคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อเล่าเรื่องหรือแสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมยังช่วยพัฒนาทักษะการนำเสนอและความมั่นใจในตนเองอีกด้วย

เทคโนโลยีสามารถใช้เป็นสื่อในการเชื่อมต่อกับผู้ปกครองและชุมชน การส่งภาพหรือวิดีโอกิจกรรมของเด็กให้ผู้ปกครองได้เห็นช่วยสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียน ผู้ปกครองจะได้เห็นการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกในด้านต่างๆ และสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ต่อเนื่องที่บ้านได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีต้องมีการกำหนดขอบเขตและข้อตกลงที่ชัดเจน เวลาในการใช้เทคโนโลยีควรจำกัดและไม่ครอบงำเวลาสำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น การเล่นกลางแจ้ง การอ่านหนังสือ หรือการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครู ครูต้องมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และต้องสามารถแยกแยะระหว่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้กับการใช้เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

บทบาทของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

ครูในระบบการเรียนรู้เชิงรุกมีบทบาทที่แตกต่างจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ครูจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก ผู้สังเกต ผู้กระตุ้น และผู้สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็ก บทบาทนี้ต้องการทักษะและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน รวมทั้งความสามารถในการออกแบบกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ลงมือทำ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ครูต้องจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น การใช้คำถามกระตุ้นความคิด การออกแบบกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง และการส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม นอกจากนี้ ครูยังมีหน้าที่ในการติดตาม ประเมินผล และสะท้อนกลับอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเห็นจุดแข็งและพัฒนาจุดที่ควรปรับปรุงได้ด้วยตนเอง

บทบาทของครูในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ แต่ยังช่วยพัฒนาให้เด็กเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และความมั่นใจในการแสดงออก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21

ตัวอย่างไฟล์ แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน


แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (ACTIVE LEARNING) ระดับปฐมวัย โดย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด