สวัสดีคุณครูทุกท่านครับ วันนี้ สื่อฟรีออนไลน์ดอทคอม ขอนำเสนอ ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

ทำแบบทดสอบรับเกียรติบัตร แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

ความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม บทเรียนสำคัญสำหรับคนไทยยุคใหม่

ในสังคมไทยปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน ประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมกลายเป็นหัวข้อที่สำคัญและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน หรือแม้กระทั่งในชีวิตประจำวันของพลเมืองทั่วไป การทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสังคมที่มีธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการดำเนินงาน

การขัดกันของผลประโยชน์หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Conflict of Interest เป็นสถานการณ์ที่บุคคลมีผลประโยชน์ส่วนตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจหรือการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งงานของตน โดยผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นอาจทำให้บุคคลไม่สามารถใช้ดุลยพินิจอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อองค์กรหรือสังคมโดยรวม

ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถระมัดระวังและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าวได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและส่งเสริมความโปร่งใสในการทำงาน การเรียนรู้ผ่านแบบทดสอบและกรณีศึกษาต่างๆ จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้

ความหมายและความสำคัญของผลประโยชน์ทับซ้อน

ผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ปฏิบัติงานในองค์กรต่างๆ มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในเรื่องที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ จนอาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นกลางและยุติธรรม ซึ่งผลประโยชน์นั้นอาจเป็นผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น ความสัมพันธ์ทางครอบครัว มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

ความสำคัญของการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนมีหลายประการ ประการแรกคือการสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการบริหารงานของภาครัฐและเอกชน เมื่อประชาชนเห็นว่าการตัดสินใจต่างๆ เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม จะทำให้เกิดความไว้วางใจและยอมรับการทำงานขององค์กรมากขึ้น ประการที่สองคือการส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะเมื่อไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาแทรกแซง การตัดสินใจจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรและสังคมอย่างแท้จริง

ประการที่สามคือการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนมักเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริตคอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ หากสามารถจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถลดโอกาสในการเกิดการทุจริตได้อย่างมาก และประการสุดท้ายคือการส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม เมื่อทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยไม่เป็นธรรม

รูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์

การขัดกันระหว่างผลประโยชน์มีหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไป รูปแบบแรกคือผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรง ซึ่งเป็นกรณีที่บุคคลได้รับเงินหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการตัดสินใจในหน้าที่ เช่น เจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างที่มีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัทผู้เสนอราคา หรือแพทย์ที่รับผลประโยชน์จากบริษัทยาแล้วสั่งจ่ายยานั้นให้กับผู้ป่วย

รูปแบบที่สองคือผลประโยชน์ทางอ้อม ซึ่งไม่ได้เข้ากระเป๋าของบุคคลนั้นโดยตรง แต่เข้าไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนใกล้ชิด กรณีนี้แม้จะไม่ได้รับเงินเข้าตัวเอง แต่ก็ถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นกัน เพราะอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

รูปแบบที่สามคือผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น ตำแหน่ง ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือความสัมพันธ์ทางสังคม บางครั้งบุคคลอาจตัดสินใจเพื่อรักษาตำแหน่งหรือชื่อเสียงของตนเอง มากกว่าที่จะคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมหรือองค์กร รูปแบบที่สี่คือผลประโยชน์ในอนาคต ซึ่งเป็นกรณีที่บุคคลตัดสินใจเพื่อหวังผลประโยชน์ที่จะได้รับในภายหน้า เช่น การคาดหวังตำแหน่งงานหลังเกษียณจากบริษัทเอกชน จึงให้ความช่วยเหลือบริษัทนั้นในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งในภาครัฐ

รูปแบบที่ห้าคือผลประโยชน์จากความสัมพันธ์ส่วนตัว เช่น การตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์ให้กับเพื่อน พี่น้อง หรือคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด แม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรง แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็อาจทำให้การตัดสินใจไม่เป็นกลางและเป็นธรรม การทำความเข้าใจรูปแบบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้สามารถระบุและจัดการกับสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการในการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนมีหลักการสำคัญหลายประการที่ทุกองค์กรควรนำมาปรับใช้ หลักการแรกคือหลักความโปร่งใส องค์กรต้องมีระบบการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน หนี้สิน และผลประโยชน์ต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่ามีความขัดแย้งทางผลประโยชน์เกิดขึ้นหรือไม่

หลักการที่สองคือหลักความพร้อมรับผิด บุคคลต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการกระทำของตนเอง หากมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นและก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องมีกลไกในการตรวจสอบและลงโทษอย่างเหมาะสม หลักการที่สามคือหลักการเปิดเผยข้อมูล เมื่อบุคคลพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องรีบเปิดเผยข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันที

หลักการที่สี่คือหลักการถอนตัว เมื่อพบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน บุคคลนั้นควรถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือการดำเนินการในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจจะเป็นไปอย่างเป็นกลางและเป็นธรรม หลักการที่ห้าคือหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล ควรมีระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการตรวจสอบภายในและภายนอกองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

หลักการที่หกคือหลักจริยธรรม องค์กรควรส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีจิตสำนึกที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว การปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีเป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในระยะยาว

กรณีศึกษาการขัดกันของผลประโยชน์ในสังคมไทย

ในประเทศไทยมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการขัดกันของผลประโยชน์หลายกรณี กรณีแรกคือการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานราชการ ที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนมีส่วนได้เสียกับบริษัทผู้รับจ้าง ทำให้การพิจารณาไม่เป็นไปอย่างเป็นธรรม และอาจทำให้ราชการต้องจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง หรือได้สินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพตามที่ควรจะเป็น

กรณีที่สองคือการอนุมัติโครงการต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารมีส่วนได้เสียในพื้นที่โครงการ เช่น เป็นเจ้าของที่ดินหรือมีญาติพี่น้องเป็นเจ้าของที่ดิน ทำให้การอนุมัติโครงการอาจไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก แต่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าที่ดินของตนเองหรือคนใกล้ชิด

กรณีที่สามคือการออกใบอนุญาตประกอบกิจการต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการออกใบอนุญาตรับผลประโยชน์จากผู้ขออนุญาต ทำให้การพิจารณาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และอาจอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอสามารถประกอบกิจการได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

กรณีที่สี่คือการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้กระทำความผิด จึงไม่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หรืออาจมองข้ามความผิดบางประการ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ กรณีศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างระบบป้องกันและจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างจริงจัง

บทบาทของประชาชนในการเฝ้าระวังผลประโยชน์ทับซ้อน

ประชาชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเฝ้าระวังและป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในสังคม บทบาทแรกคือการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดี โดยสนใจติดตามข่าวสารและการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ใช้งบประมาณสาธารณะจำนวนมาก เมื่อพบเห็นสิ่งที่น่าสงสัยก็ควรซักถามหรือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

บทบาทที่สองคือการใช้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ ประชาชนมีสิทธิขอดูข้อมูลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการ การใช้สิทธินี้จะช่วยให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

บทบาทที่สามคือการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจสาธารณะ เช่น การเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น การแสดงความคิดเห็นต่อโครงการต่างๆ การมีส่วนร่วมนี้จะช่วยให้การตัดสินใจมีความโปร่งใสมากขึ้น และลดโอกาสในการตัดสินใจที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน บทบาทที่สี่คือการร้องเรียนและแจ้งเบาะแส เมื่อพบเห็นการกระทำที่น่าสงสัยว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน ควรแจ้งให้หน่วยงานตรวจสอบที่เกี่ยวข้องทราบ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

บทบาทที่ห้าคือการเสริมสร้างวัฒนธรรมความซื่อสัตย์สุจริต โดยเริ่มต้นจากตัวเองและครอบครัว การปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ ความเป็นธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม จะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการต่อต้านผลประโยชน์ทับซ้อนและการทุจริตในระยะยาว

เครื่องมือและกลไกในการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

ปัจจุบันมีเครื่องมือและกลไกหลายอย่างที่ช่วยในการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน เครื่องมือแรกคือการประกาศทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน การประกาศนี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าทรัพย์สินของบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการรับผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง

เครื่องมือที่สองคือจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำหนดพฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ของผู้ประกอบวิชาชีพแต่ละประเภท การมีจรรยาบรรณที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทราบถึงแนวทางที่ถูกต้องในการจัดการกับสถานการณ์ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน

เครื่องมือที่สามคือระบบการรายงานผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องรายงานเมื่อพบว่าตนเองหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมีส่วนได้เสียในเรื่องที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ ระบบนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เครื่องมือที่สี่คือกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล ทั้งการตรวจสอบภายในและภายนอก เช่น การตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และองค์กรภาคประชาสังคม

เครื่องมือที่ห้าคือระบบการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่พบเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องกล้าที่จะแจ้งเบาะแส โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือได้รับความเดือดร้อน การมีระบบคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปิดโปงการกระทำที่ไม่ถูกต้องและลดการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

รายละเอียด แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

คำชี้แจง แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม

***กรุณาอ่านคำชี้แจง***
แบบทดสอบวัดความรู้ จำนวน 25 ข้อ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 เพื่อรับมอบเกียรติบัตรออนไลน์ จาก สพป.พิจิตร เขต 2 ด้วยระบบอัตโนมัติ
*** กรุณากรอกอีเมลให้ถูกต้อง ไม่มีเว้นวรรค ไม่ใช่ตัวพิมพ์ใหญ่ และต้องไม่ใช่ hotmail ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้รับเกียรติบัตร
ผู้รับผิดชอบ:  กลุ่มกฎหมายและคดี สพป.พิจิตร เขต 2
*** แหล่งเรียนรู้ : https://drive.google.com/file/d/18dUN-SaaL2LeakWZMYJZpNGYt8i0Qucr/view?usp=sharing
*** เล่ม E-book : http://online.anyflip.com/zptkp/vdol/mobile/index.html

ลิงก์สำหรับลงทะเบียนเข้าทำแบบทดสอบ

แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม
ผู้รับผิดชอบ:  กลุ่มกฎหมายและคดี สพป.พิจิตร เขต 2

ขอบคุณแหล่งที่มา : สพป.พิจิตร เขต 2

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด